ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 31 ตระหนักรู้ในชีวิตด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 33 ถ้วยชา

80Y-ตอนที่ 32 เพื่อนบ้าน


หลินจิ่วเฟิง ได้ออกจากตำหนักเย็นพร้อมกับแมวขาวตัวน้อยและมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุดของราชวงศ์

หนังสือทุกประเภทที่ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวารวบรวมมาหลายปีได้ถูกเก็บเอาไว้ที่นี่

การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างแน่นหนา

หากใครคิดจะผ่านไปก็ต้องถูกตรวจสอบโดยละเอียด

เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้เดินผ่านการรักษาความปลอดภัยเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ไม่มีใครค้นพบเขา

แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะเดินต่อหน้าทหารองค์รักษ์ส่วนพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบตัวเขาได้

ถูกแล้ว อีกฝ่ายไม่รู้การมาถึงของเขาแม้แต่น้อย

เมื่อเขาสู่ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต หลินจิ่วเฟิง ก็มีความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในทุกด้าน ถ้าเขาไม่ต้องการให้ตัวเองถูกค้นพบ ก็ยากที่คนทั่วไปจะมองหาเขาเจอ

เจ้าแมวขาว ได้ติดตาม หลินจิ่วเฟิง มันค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น

เหตุใดคนเหล่านี้ทั้งหมดถึงไม่สังเกตุเห็นเขา?

อย่างไรก็ตาม หลินจิ่วเฟิง ขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย

เขาเดินเข้าไปในห้องสมุดที่เก็บหนังสือโบราณและบันทึกเกี่ยวกับนิกายปีศาจพร้อมกับแมวขาวตัวน้อย

“ข้าจะเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘จอมมาร’”

หลินจิ่วเฟิง ได้เริ่มอ่านหนังสือแต่ละเล่มจากหมวดหมู่ที่เขาต้องการ

ความเร็วในการอ่านของเขาสูงมาก ดูเหมือนว่าเขาจะแค่เปิดผ่านหน้าหนังสือเท่านั้น แต่เขาก็เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ในคราวเดียว

ขณะที่เขาอ่านหนังสือทีละเล่ม หลินจิ่วเฟิง ก็ค้นพบ หัวข้อที่เขามองหา ‘จอมมาร’

ประมุขนิกายปีศาจเมื่อ 1,500 ปีก่อนมีสมญานามว่า ‘จอมมาร’

แต่เขาก็มีชื่อเรียกอื่นด้วย

จอมมารคนสุดท้าย!

ตำแหน่งนี้หมายความว่าหลังจากเขา-จะไม่มีเทพมนุษย์อีกต่อไปเมื่อพิจารณาจากพลังงานทางโลกที่ค่อย ๆ ลดลง

จอมมารเป็นหนึ่งในเทพมนุษย์คนสุดท้ายของยุคนั้น

หลังจากที่พวกเขาตาย แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้ก็ได้หายไป

ปราชญ์การต่อสู้ได้ปรากฏตัวขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านหรือหรือสองทศวรรษที่ผ่านมา

นี่หมายความว่าพลังงานทางโลกกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ

แต่มันก็ยังยากที่ เทพมนุษย์ จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เพราะอัตราการฟื้นฟูพลังของพลังงานทางโลกในปัจจุบันช้าเกินไป

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวได้ร้องเรียก มันได้กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของ หลินจิ่วเฟิง และ อ่านหนังสืออย่างกระตือรือร้น

ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจเนื้อหาภายในหนังสือนี้

หนังสือเล่มนี้ได้บันทึกวีรกรรมของจอมมารคนสุดท้ายเอาไว้

“จอมมารได้สร้างพระราชวังใต้ดินขึ้นเมื่อไหร่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

พื้นที่ใต้ดินลึกมีพลังงานเชิงลบอย่างมาก มันจะต้องมีความหมายสำคัญบางประการที่ทำให้ จอมมารฝังพระราชวังใต้ดินไว้ที่นั่น

เจ้าแมวขาวได้ใช้เล็บของมันเขียนบนตัวของ หลินจิ่วเฟิง ทีละจังหวะ

“1,000 ปีก่อน!”เจ้าแมวขาวได้เขียนคำเหล่านี้

“นั่นแสดงว่าเจ้ามีชีวิตอยู่มาแล้วนับ 1,000 ปีหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

“ข้ากินโอสถพวกนั้นไปเยอะมาก บางทีก็เป็นโอกาสล้ำค่าที่จอมมารทิ้งเอาไว้ ด้วยความช่วยเหลือจากพวกมันทำให้ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยืนยาว”เจ้าแมวขาวได้ตอบกลับ

“ปรากฏว่าเจ้ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี ดูเหมือนว่าเจ้าจะแก่กว่าข้ามาก”

หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น

เจ้าแมวขาวได้หรี่ตาลง มันจ้องมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ขณะที่มันยกอุ้งเท้าของมันขึ้น

แม้ว่ามันจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปี แต่มันก็อาศัยอยู่ในพระราชวังใต้ดินมาโดยตลอด

มันค่อนข้างขาดสามัญสำนึก

“เจ้าได้เห็นวาระสุดท้ายของจอมมารใช่หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามอย่างใจเย็น

เจ้าแมวขาวได้พยักหน้า

“เมื่อ 1,000 ปีก่อนเจ้าไม่เคยไปจากที่นั่นเลยงั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามต่อไป

“ไม่เคย ตั้งแต่ข้าได้เริ่มกินโอสถยืดชีวิตเหล่านั้นในตอนแรกข้าก็ตกอยู่ในสภาวะหลับไหลเป็นเวลานาน…”

“เมื่อข้าได้ตื่นขึ้น ข้าก็ค้นพบว่ามีใครบางคนอยู่ที่ทางเข้าพระราชวังใต้ดิน และ กำลังศึกษาวิธีการแกะรูปแบบอาคมอยู่”เจ้าแมวขาวได้เขียนบนร่างของ หลินจิ่วเฟิง

“มันน่าจะเป็นช่วง 7-8 ร้อยปีก่อน ที่เป็นยุคทองของนิกายซากศพ ในช่วงเวลาที่เจ้าหลับใหลประมาณ 2-3 ร้อยปี ดั้งนั้นร่างของจอมมารจึงหายไปในช่วงเวลานั้น”หลินจิ่วเฟิง ได้อนุมาน

เจ้าแมวขาวได้หยุดเขียน

มันรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย

หลินจิ่วเฟิง ยังคงอ่านหนังสือต่อไป

มีหนังสือหลายประเภทที่บันทึกข้อมูลมากมายเกี่ยวกับจอมมาร

แต่ทว่ามันก็เป็นบันทึกเมื่อ 1,500 ปีก่อน ในปัจจุบันไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับจอมมารแม้แต่น้อย

หลินจิ่วเฟิง เชื่อว่าทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจที่ หลินเทียนหยวน มอบให้เขา น่าจะเป็นทักษะบ่มเพาะพลังของจอมมารในตอนนั้น

ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิทั้งสองถึงต้องการฝึกฝนมันอย่างแรงกล้า

เพราะนี่เป็นทักษะบ่มเพาะพลังของ เทพมนุษย์

ใครๆ  ต่างก็ถูกล่อลวงโดยมันทั้งนั้น

เมื่ออ่านหนังสือเสร็จ เจ้าแมวขาวก็รู้สึกหมดหวัง

มันได้กระโดดออกจากไหล่ของ หลินจิ่วเฟิง ขณะที่หันหลังจากไปด้วยความเศร้าโศก

มันไม่ได้บอกลา หลินจิ่วเฟิง เลย

ร่างเล็กสีขาวได้หายไปจากห้องสมุด

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ

เขาวางหนังสือและเตรียมจะจากไป

[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ห้องสมุดหรือไม่?]

“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้า

[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับเต๋าแห่งชีวิตที่ส่องสว่าง]

หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสับสน

เต๋าแห่งชีวิตที่ส่องสว่าง?

นี่มันคืออะไร?

[เต๋าแห่งชีวิตที่ส่องสว่าง สามารถช่วยให้คุณค้นพบทิศทางที่ถูกต้องและทางเบี่ยงน้อยลงเมื่อทำการฝึกฝน]

ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้เป็นประกาย

“เต๋าแห่งชีวิตนี้ค่อนข้างดีอย่างแท้จริง”

เขาได้ออกจากห้องสมุดราชวงศ์

หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้มองหาเจ้าแมวขาวตัวน้อย

ท้ายที่สุด เจ้าแมวขาวตัวนั้นก็มีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของมัน

หากมันต้องการเดินทางออกจากเมืองหลวงไปยังสถานที่อื่น หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่คิดจะรั้งให้มันอยู่ต่อ

เขาได้กลับไปที่ตำหนักเย็นและทำกิจวัตรประจำวันต่อไป

เข้าใช้สถานที่,บ่มเพาะพลัง และ บรรลุเส้นทางการฝึกฝน

ในฤดูที่หนาวเหน็บนี้ หลินจิ่วเฟิง ยังคงใช้ชีวิตโดยตัดขาดจากเรื่องราวทางโลก

เวลาได้ผ่านไป

สามวันผ่านไป เจ้าแมวขาวก็ยังไม่กลับมาที่ตำหนักเย็น

หลินจิ่วเฟิง ทำได้เพียงสั่นศีรษะ

เวลาได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ

จนวันนี้ ต้าชุน ได้มาส่ง ไวน์และอาหารอีกครั้ง

ผ่านมา 6 วันแล้วนับตั้งแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้กลับมาจากที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ต้าชุน ได้พูดจากทางด้านหลังกำแพง“องค์ชายทรงรู้ข่าวที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้หรือไม่?”

“ที่ราบเซียนเป่ยทางตะวันตกเฉียงเหนือได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

หลินจิ่วเฟิง ได้ดื่มไวน์อย่างใจเย็นและกล่าวถาม“เกิดอะไรขึ้น?”

“ตามข่าวที่ทหารองค์รักษ์ส่วนพระองค์ได้รับมา ก่อนหน้านี้ ที่ราบเซียนเป่ย ที่กระจัดกระจาย ได้ถูกยอดฝึมือลึกลับ รวบรวมอิทธิพลที่กระจัดกระจายขึ้น แต่ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ยอดฝีมือลึกลับคนนั้นกลับถูกสังหารที่ทะเลสาบสวรรค์ บนภูเขาสวรรค์ อิทธิพลในเซียนเป่ย ได้แตกกระจายอีกครั้ง…”

“การแตกกระจายในครั้งนี้ บีบคั้นให้พวกเขาจนมุมถึงขนาดส่งคนของตัวเองมาขอเสบียงจากทางเมืองหลวงราชวงศ์สำหรับใช้ในฤดูหนาว กระทั่งพวกเขายังแสดงความเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อราชบัลลังก์อีกด้วย”ต้าชุน ได้แบ่งปันข่าวสาร

ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเล็กน้อย

หลินจิ่วเฟิง ได้แสดงความคิดเบา ๆ“เช่นนั้นฝ่าบาทคงจะมีความสุขดีสินะ”

“ถูกต้อง ทั้งราชวงศ์สำนักต่างรู้สึกยินดีที่เราไม่ต้องทำสงครามอีกต่อไป”

“เหตุผลที่ ข้าไม่ได้มาหาท่านก่อนหน้านี้ เป็นเพราะข้ายุ่งเกี่ยวกับการเตรียมตัสำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น…”

“แต่ตอนนี้ อิทธิพลในเซียนเป่ย ได้พังทลายลงอีกครั้ง ข้าไม่ได้มีงานยุ่งอีกต่อไป ดังนั้นข้าจะมาที่นี่เพื่อส่งอาหารและไวน์ให้ท่านตามเดิม”ต้าชุน ได้หัวเราะเบา ๆ

“ดีแล้ว”หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้าอย่างพอใจ“หากสงครามปะทุขึ้น จะมีคนำจนวนมากที่ต้องเสียชีวิต”

ความพยายามของเขาในการเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยรีบเร่งไปยังที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ก็เพื่อหยุดสงครามในครั้งนี้

ต้าชุน ยังคงแบ่งปันเรื่องราวในราชสำนักที่น่าสนใจให้กับ หลินจิ่วเฟิง ฟัง

จากนั้นม่านอาหารก็สิ้นสุดลง

หลินจิ่วเฟิง ได้กลับไปที่ลานที่พักของเขา และ นอนลงบนเตียงหยกน้ำแข็งพร้อมกับนำทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ ที่หลินเทียนหยวน ให้เขาออกมา

[หนังสือปีศาจโบราณ]

หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเหนือคณา

มันได้สังหารจักรพรรดิสององค์ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง ติดตั้ง เต๋าแห่งชีวิตที่ส่องสว่างแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็โดดเด่นยิ่งขึ้น จิตใจของเขาก็มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ

เขาไม่ได้กลัว [หนังสือปีศาจโบราณ] เล่มนี้เลย

เขาได้พลิกเปิดแผ่นหนัง และ ค่อย ๆ อ่านเนื้อหาของทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้

“ในที่สุดก็เข้าใจ”หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดเผยความรู้สึกออกมาหลังจากอ่านเสร็จ

“ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้เป็นของนิกายปีศาจที่หลงเหลือเอาไว้ ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างน่าสนใจมากทีเดียว”หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มออกมา

สำหรับข้อเสียอย่างการผลาญพลังชีวิต?

หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิด

‘ตราบใดที่ข้ามีความก้าวหน้าที่เร็วพอ ข้าก็ไม่กลัวที่จะถูกกลืนกิน’

เมี้ยว!

ในขณะที่ หลินจิ่วเฟิง กำลังหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ เสียงร้องก็ได้ดังขึ้นในตำหนักเย็น

เป็นเจ้าแมวขาว มันได้กลับมาแล้ว

ตอนแรกมันไม่คิดจะส่งเสียงร้องออกมา

เพียงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันรู้สึกว่า ต้องแจ้งให้ หลินจิ่วเฟิง รู้ว่ามันกลับมาแล้ว

หลังจากส่งเสียงแจ้งเตือน มันก็กลับไปหลบซ่อนตัวในพระราชวังใต้ดิน

หลินจิ่วเฟิง ที่กำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ เขาไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากหนักสือเล่มนี้ได้ แต่มุมปากของเขาได้ยกขึ้น

ในตำหนักเย็นแห่งนี้ ในที่สุดเขาก็มีเพื่อนบ้านแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด