80Y-ตอนที่ 31 ตระหนักรู้ในชีวิตด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง
ทักษะกระบี่22เล่ม เป็นทักษะกระบี่ที่ทรงพลัง
มันมีทั้งหมด 22 จังหวะ
จังหวะที่ 22 คือการเคลื่อนไหวที่น่าเกรงขามที่สุด
เมื่อเทียบกับจังหวะอื่น ๆ แล้ว มันมีชื่อเรียก
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกปล่อยออกไป ธรรมชาติก็ราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หิมะโปรยสีขาวกำลังร่ายรำอยู่บนอากาศเหนือภูเขาสวรรค์
แรงดันอากาศส่งผลให้ หลินจิ่วเฟิง ลอยตัวขึ้น
เขาได้ยืนอยู่บนอากาศ เสื้อคลุมของเขาได้พริ้วไหว ผมยาวสีดำได้สบัดไปมา
เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยพลังกระบี่
ในมือของเขาได้ถือกระบี่สังหารปีศาจ
ช่วงเวลาต่อมา กระบี่สังหารปีศาจ ก็ฟาดฟันจนมวลอากาศแยกออกจากกัน การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเจตจำนงค์ต่อสู้ของหลินจิ่วเฟิงและพลังงานทางโลก
“ตายซะ!”หลินจิ่วเฟิงได้เผยสายที่เย็นชาออกมาราวกับปีศาจร้าย
ทักษะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของทักษะกระบี่ 22 เล่ม โดยพื้นฐานแล้ว เขากำลังใช้มันลงโทษศัตรูด้วยความตาย
บูม!
พลังปราณกระบี่ขนาดมหึมาได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าขณะที่ลมกรรโชกได้พัดผ่านดินแดนไปไกลหลายร้อยเมตร หิมะโปรยเหล่านี้ได้ถูกดึงเข้ามาจาทุกทิศทางในขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทักษะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้ฟาดฟันลงไป
สิ่งนี้ราวกับส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ได้พังทลายลงมา
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ไม่มีทางหนีพ้น
เขาทำได้เพียงรับการโจมตีในครั้งนี้
กร๊าชช!
อย่างไรก็ตาม ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ไม่อาจนิ่งเฉยรอรับความตายของเขาได้ ภาพมายาของสัตว์ป่าด้านหลังของเขาได้คำรามออกมาพร้อมกัน
“ข้าขอวิงวอนต่อเทพแห่งที่ราบผืนนี้ให้ลงมาจุติบนร่างข้าและสังหารศัตรูแทนข้า!”ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้สวดคาถาของเขา
สีหน้าของเขาดูน่าเกลียด ร่างของสัตว์ป่าหลายร้อยตัวกำลังค้ำจุนร่างของเขาเอาไว้ แต่เขาก็ยังรู้สึกวิตกกังวล
ดังนั้นเขาจึงอัญเชิญเทพเจ้าแห่งที่ราบให้มาจุติที่นี่
ติง!
ติง!
ติง!
มวลอากาศสั่นสะเทือนในทันที พลังปราณแท้จริงของ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนทั่วร่างของเขาได้งอกยาวออกมาอย่างแหลมคม มันได้ปกคลุมไปทั่วร่างของ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน
ขนที่งอกยาวเหล่านี้ เผยให้เห็นลักษณะที่คล้ายกับสัตว์ป่าในปัจจุบัน
ร่างของเขาได้กลายเป็นลิงยักษ์สูง 5 เมตร
พลังปราณได้ปะทุขึ้นทั่วร่างของเขา ขณะที่เขากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและพยายามจะทำลายทักษะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของหลินจิ่วเฟิง
เปรี้ยง!
น่าเสียดายที่ทักษะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หยุดลง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของ กระบี่ 22 เล่ม มันไม่เพียงแต่ดึงพลังงานทางโลกมาใช้เท่านั้น ยังรวมไปถึงเจตจำนงค์ต่อสู้ที่ดุเดือดของ หลินจิ่วเฟิง
บูม!
ปราณกระบี่ได้ทะลุร่างของ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน
จากนั้นมันก็หายไปราวกับสายฝน
ร่างของปราชญ์การต่อสู้ทูเหมินได้ร่วงหล่นลงไปยังทะเลสาบสวรรค์
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ที่อยู่ในช่วงตระหนักรู้ในชีวิตของขั้นปราชญ์การต่อสู้ กลับต้องมาพ่ายแพ้ต่อ หลินจิ่วเฟิง
ในสายลมและหิมะที่ไร้ขอบเขต หลินจิ่วเฟิง ได้สบัดแขนออก ส่งผลให้ลมหิมะรอบตัวของเขาปลิวกระจายหายไปในทันที
เขาไม่ได้สนใจศพของปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน
เขาไม่ได้สนใจภูเขาสวรรค์ภายใต้การระเบิดของพลังปราณกระบี่ของเขา
แน่นอนว่ากองทัพหลายแสนนายที่เชิงภูเขาสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน
หลินจิ่วเฟิง หมกมุ่นอยู่กับโลกส่วนตัวของเขา
ขณะที่เขาสังหารปราชญ์การต่อสู้ทูเหมินด้วยกระบี่ของเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่
ในไม่ช้าเขาก็มาถึงช่วงที่สองของขั้นปราชญ์การต่อสู้ ตระหนักรู้ในชีวิต
แต่ในความเป็นจริง หลินจิ่วเฟิง ได้มาถึงนานแล้ว
เขาขาดเพียงแค่กุญแจที่ใช้เปิดประตูบานนี้
ตอนนี้เขาค้นพบกุญแจแล้ว
ท่ามกลางหิมะอันไร้ขอบเขตและลมแรง ร่างของเขา ค่อย ๆ ร่อนลงและยืนอยู่ข้างทะเลสาบสวรรค์ เขามองดูเกล็ดหิมะที่หมุนวนและลมกรรโชกแรงรวมถึงกองทัพที่กำลังสับสนวุ่นวาย
ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงล้วนได้เห็นการต่อสู้ของ หลินจิ่วเฟิง และ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน
ทุกคนรู้สึกตื่นตระหนกและไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เหตุใดพวกเขาถึงต่อสู้กัน?
แล้วใครเป็นคนที่กำลังต่อสู้?
พวกเขารู้สึกสับสน เพียงแต่พวกเขาสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนแข็งแกร่งมาก
พวกเขาไม่ได้รู้ว่ามันเริ่มต้นอย่างไร แต่ฉากที่พวกเขาได้เห็น
ก็คือตอนที่กระบี่ที่มาจากสรวงสวรรค์ได้วาดฟันลงมาที่พื้นล่างแห่งนี้
จากนั้นพวกเขาก็เห็น ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน กลายร่างเป็นลิงยักษ์ เขาได้กระโดดเข้าไปและใช้ออกด้วยทุกอย่างที่มีเผชิญหน้ากับกระบี่ลงทันฑ์ของสวรรค์
หลังจากนั้นกระบี่ก็ตัดผ่านร่างกายของเขา
จากนั้นเขาก็ร่วงหล่นลงสู่ทะเลสาบสวรรค์
กองทัพทั้งหมดได้เห็นสิ่งเหล่านี้
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ถูกฆ่าตาย!
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ที่รวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย ด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง กลับถูกสังหารด้วยกระบี่ที่ส่งตรงลงมาจากสวรรค์
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปในทันที
ชาวเซียนเป่ยได้ส่งเสียงร้องเชียร์ออกมา
ในฤดูที่หนาวเหน็บเช่นนี้ การที่พวกเขาอยู่ใกล้ชิดคนที่รักย่อมดีกว่าไม่ใช่เหรอ?
อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ได้มีความปราถนาที่จะรวมตัวกันขึ้นเพื่อทำสงคราม
แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านปราชญ์การต่อสู้ทูเหมินได้
เมื่อ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน เสียชีวิต กองทัพเหล่านี้ก็แยกย้ายจากไปในทันที
ต่างคนได้เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง และมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรวมตัวกันขึ้นเพื่อทำสงครามอีกครั้ง
หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มและมองฉากนี้อย่างใจเย็น
เขารู้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้นำมาซึ่งการช่วยชีวิตคนนับล้าน
“ปรากฏว่านี่คือกุญแจสู่ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต?”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่กระบี่สังหารปีศาจในมือของเขาด้วยความยินดี
แก่นแท้ของการตระหนักรู้ในชีวิตคือ การตระหนักถึงจิตใจและชะตากรรมของตนเอง-เขาได้ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ภายใต้ความรับผิดชอบของเขา
ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้เข้าใจแก่นแท้ของการตระหนักรู้ในชีวิตที่เขาสับสนมานาน
เขาได้ถือกระบี่สังหารปีศาจในมือแน่นและฟันไปยังกลุ่มภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง
จากนั้นเขาก็จากไป
เขาได้ลอยไปตามลมและจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
ฟวั่บ!
ไม่กี่ลมหายใจที่เขาจากไป ภูเขาขนาดใหญ่ก็ได้พังทลายลงมาด้วยเสียงดังขนาดใหญ่
กองหิมะขาวโพลนได้สั่นไหวในทันที
ในไม่ช้าก็เกิดหิมะถล่มจากการพังทลายของภูเขา
จากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณกระบี่ที่ทรงพลังขึ้นมากกว่าเดิม
หลังจากเข้าสู่ช่วงตระหนักรู้ในชีวิตของขั้นปราชญ์การต่อสู้เขาก็สามารถผ่าภูเขาออกครึ่งนึงได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
…
เมืองหลวงราชวงศ์!
หลินจิ่วเฟิง ได้บินกลับมาที่นี่ตลอดทั้งคืน
การเดินทางไปกลับของเขาใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น
หลังจากเข้าสู่ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต บนภูเขาสวรรค์ ของที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ร่างกายของเขาก็ราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง โดยพื้นฐานแล้ว ความเร็วของเขาได้เพิ่มขึ้นพร้อมกับความแข็งแกร่งของเขาเอง
ขณะนี้หิมะได้ตกลงในเมืองหลวงของราชวงศ์
แต่มันก็ไม่ตกหนักเท่ากับหิมะในที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ที่พื้นยังเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินบนหิมะท่ามกลางความเงีบบที่สงบ
ในตอนกลางคืนเขาที่เพิ่งกลับมาจากที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือได้เปิดประตูของตำหนักเย็นขึ้น
จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในลานที่พักของเขา และนอนลงบนเตียงหยกน้ำแข็ง จากนั้นเขาก็เริ่มไตร่ตรองทุกสิ่งอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับช่วงตระหนักรู้ในชีวิตของขั้นปราชญ์การต่อสู้
บนกำแพงลานที่พัก เจ้าแมวขาวได้เคลื่อนไหวราวกับหิมะโปรยที่ร่วงลงมา
มันได้เฝ้ามอง หลินจิ่วเฟิง ด้วยสายตาดุดันในเวลากลางคืน
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาอย่างแผ่วเบา
มันต้องการให้ หลินจิ่วเฟิง เคลื่อนไหวออกไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
แต่ทว่า หลินจิ่วเฟิง ได้เพิกเฉย
เขาเพิ่งกลับมาหลังจากเดินทางไปที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อฆ่าใครบางคน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ทว่า เจ้าแมวขาวตัวน้อยนี้กลับไม่รู้จักเห็นใจเขาเลย
เจ้าแมวขาวได้หยุดร้อง
มันรู้ว่า หลินจิ่วเฟิง ตั้งใจจะเพิกเฉยมัน
ดังนั้นมันจึงกางเล็บออกมาด้วยความโกรธ
มันต้องการข่วนไปที่ หลินจิ่วเฟิง
แต่พอหลังจากที่มันเปรียบเทียบความสามารถของตนเองกับหลินจิ่วเฟิงแล้วมันก็หดเล็บของมันกลับไป และ ขดตัวเป็นลูกบอลอยู่ที่กำแพงลานที่พัก ร่างกายของมันได้ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวอย่างช้า ๆ
แต่ดวงตาของมันยังคงจับจ้องมองไปที่ร่างของ หลินจิ่วเฟิง
เจ้าแมวขาวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดื้อรั้นอย่างแท้จริง
มิฉะนั้นมันคงไม่อยู่ปกป้องโลงศพที่ว่างเปล่าในพระราชวังใต้ดินได้เป็นเวลาหลายปี
วันรุ่งขึ้น หลินจิ่วเฟิง ได้ตื่นขึ้นจากการฝึกฝนของเขา
ความเหนื่อยล้าของเขาได้หายไปและเขาลุกขึ้นยืนด้วยความพึงพอใจ
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องเตือน หลินจิ่วเฟิง
“เจ้านี่มันดื้อด้านจริง ๆ!”หลินจิ่วเฟิง ได้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่แมวขาวที่ขดตัวเป็นลูกบอลและปกคลุมไปด้วยหิมะบนกำแพง
เมี้ยว!
เจ้าแมวข้าวได้ร้องออกมาอีกครั้งดวงตาของมันจับจ้องมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างหนักหน่่วง
ประกอบไปด้วยรูปลักษณ์อันละเอียดอ่อนของมันแล้ว กลับดูน่าสมเพชอยู่บ้าง
“ก็ได้ เจ้าชนะ พวกเราไปกันเถอะ”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
เจ้าแมวขาวค่อนข้างดื้อรั้น
หาก หลินจิ่วเฟิง ยังคงปฏิเสธที่จะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมล่ะก็…
แน่นอนว่ามันจะจ้องมองไปที่เขาจนกว่าอีกฝ่ายจะทนไม่ได้แบบนี้