384 - ลูกศิษย์ราชันย์กระบี่
384 - ลูกศิษย์ราชันย์กระบี่
ผู้อาวุโสหลินรู้สึกไม่สะทกสะท้านในตอนแรกเมื่อนางนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
แต่เมื่อนางเห็นการแสดงออกที่น่าตกใจและดวงตาที่เป็นประกายบนใบหน้าของผู้อาวุโสเหล่านั้น นางก็รู้สึกว่าหัวใจของนางร้อนรุ่มด้วยความกระสับกระส่าย
นางต้องการจะเดินไปดูภาพวาด แต่นางได้สัญญากับเอี้ยนลี่เฉียงแล้วว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ในฐานะผู้อาวุโสอย่างน้อยนางต้องอดทนกับมัน
เกือบชั่วยามหรือมากกว่านั้น ห้องโถงใหญ่ทั้งหมดก็เงียบสนิท เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงกรอบแกรบของแกนถ่านของเอี้ยนลี่เฉียงที่กรีดหน้ากระดาษไปมา
เอี้ยนลี่เฉียงกำลังจดจ่ออยู่กับการวาดภาพของเขา
ในขณะที่กลุ่มผู้นำของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขามีความอดทนเป็นพิเศษขณะที่พวกเขาจ้องมองที่เอี้ยนลี่เฉียงใช้แกนถ่านสร้างปาฏิหาริย์ต่อหน้าพวกเขา
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงขีดเส้นสุดท้ายเสร็จ เขาจดชื่อย่อของเขาสามตัวที่มุมล่างซ้ายของกระดาษเพื่อกำกับว่านี่เป็นฝีมือของใคร
“ผู้อาวุโสหลินเสร็จแล้ว เข้ามาดูได้เลย!”
เอี้ยนลี่เฉียงวางแกนถ่านลงและเชิญผู้อาวุโสหลินเข้ามาดูด้วยรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสหลินวิ่งเหยาะๆไปทันทีและนางก็ต้องตกใจกับภาพวาดของเอี้ยนลี่เฉียง นางเอื้อมมือออกไปอย่างแผ่วเบา แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่านี่คือใบหน้าของนางจริงๆ
“อา นี่… นี่ข้าเองเหรอ!”
ไม่มีใครสามารถตำหนิผู้อาวุโสหลินที่ตกใจได้ เพราะภาพวาดของเอี้ยนลี่เฉียงดูสมจริง สดใส และสวยงามกว่าคนที่ผู้อาวุโสหลินเห็นในกระจก
ผู้อาวุโสหลินบนกระดาษวางมือบนเข่าขณะที่นางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมย ใบหน้าที่งดงามของนางถูกวาดด้วยแสงที่อ่อนโยน
เส้นผมของจอนที่อยู่ข้างใบหน้า ขนตายาวของนาง รูปร่างที่สง่างามของนาง และการแสดงออกในดวงตาของนางได้เผยให้เห็นถึงเสน่ห์ที่เป็นผู้ใหญ่และความงดงามที่สุดของนางถูกบรรยายออกมาด้วยภาพวาด …
ขณะที่ผู้อาวุโสหลินจ้องมองอย่างจดจ่อกับรูปเหมือนของนางที่เอี้ยนลี่เฉียงสร้างขึ้น น้ำตาก็ไหลซึมออกจากหางตาของนางเล็กน้อย นางพูดกับเอี้ยนลี่เฉียงด้วยเสียงสั่นเทา
“นี่… ภาพวาดนี้ เจ้าให้ข้าได้ไหม?”
"แน่นอน!"
เอี้ยนลี่เฉียงตอบในขณะที่เขากำลังจะดึงเข็มปักที่เขางอไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งใจจะดึงภาพวาดจากกระดานไม้…
“หยุด ระวังอย่าไปยุ่งกับภาพวาด…”
ผู้อาวุโสหลินหยุดการกระทำของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว มีความประหม่าในการแสดงออกของนางขณะที่นางพูดว่า
“ไม่เป็นไรถ้าเจ้าเพียงแค่ให้ภาพวาดและกระดานไม้แก่ข้า เจ้าเป็นผู้ชาย การกระทำของเจ้ามีความหยาบกร้านมากเกินไปให้ข้าทำเองดีกว่า...”
“เอ่อ ก็ได้!”
เมื่อมองดูท่าทางของผู้อาวุโสหลิน เอี้ยนลี่เฉียงทำได้เพียงมอบภาพวาดที่ติดอยู่บนกระดานไม้ให้แก่ผู้อาวุโสหลินเท่านั้น หากเขาไม่ทำตามก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา
“ผู้อาวุโสหลิน ภาพวาดที่วาดด้วยแกนถ่านไม่เหมือนกับภาพวาดด้วยหมึก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สีซีดจางและรอยปนเปื้อน ทางที่ดีไม่ควรม้วนภาพวาด จะดีที่สุดก็ควรติดภาพวาดไว้บนผนังด้วยกรอบไม้…”
“ตกลง ขอบคุณเจ้ามาก!”
ผู้อาวุโสหลินรับภาพวาดจากเอี้ยนลี่เฉียงอย่างระมัดระวังและแสดงความขอบคุณต่อเขา เป็นเรื่องยากที่ผู้อาวุโสจะกล่าวขอบคุณศิษย์ภายนอกในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
ลู่ชิวหมิงเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ผู้อาวุโสหลิน จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่ผู้อาวุโสทุกคนในห้อง
ในเวลานี้ผู้อาวุโสหญิงอีกสี่คนต่างก็มองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตา 'ร้อนแรง' เป็นพิเศษ
“บรรดาผู้ที่ได้เห็นทักษะการวาดภาพของเอี้ยนลี่เฉียง ไม่ควรสงสัยเกี่ยวกับที่มาของภาพวาดก่อนหน้านี้ที่ถูกส่งมายังนิกาย!” ลู่ชิวหมิงเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวต่อว่า
“พวกเรานิกายกระบี่ศักสิทธิ์ให้รางวัลแก่ผู้ที่สมควรได้รับและลงโทษผู้กระทำความผิด เอี้ยนลี่เฉียงการแสดงออกของเจ้าในครั้งนี้ได้รับการยอมรับ
เจ้าไม่เพียงแต่จัดการในการแจ้งข่าวการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวงของจักรวรรดิในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติจากสวรรค์ แต่ยังช่วยนิกายกระบี่ศักสิทธิ์เข้าควบคุมแคว้นที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว
เจ้ายังปกป้องสินค้าที่นิกายมอบหมายให้กับผู้พิทักษ์ซีไห่เมื่อบุคลากรของพวกเขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะเหตุนั้นสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาลจึงไม่สูญหายและไม่ตกอยู่ในมือของศัตรูที่อาจจะเป็นภัยต่อเรา
ในท้ายที่สุดเจ้ายังสามารถปกป้องสหายของเจ้าและส่งพวกเขากลับมายังนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ผ่านความยากลำบากนานัปการ
ผลงานอันยิ่งใหญ่ ความกล้าหาญ สติปัญญา หัวใจ และการกระทำของเจ้าเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่ศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์!”
ผู้อาวุโสทุกคนพยักหน้า เนื่องจากการบอกเล่าสถานการณ์ภายในเมืองหลวงของที่เขาส่งมายังนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ล่วงหน้าจึงทำให้นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สามารถรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
“เจ้าเข้าร่วมนิกายกระบี่ศักสิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้และตอนนี้เจ้ายังคงเป็นศิษย์ภายนอกที่ไม่มีอาจารย์ เจ้าจะยอมรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าหรือไม่” ลู่ชิวหมิงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้ถึงคราวของเอี้ยนลี่เฉียงที่จะหยุดนิ่ง ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะได้รับรางวัลจากนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลประเภทนี้
การเป็นศิษย์โดยตรงของจ้าวนิกายและผู้อาวุโสในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ถือได้ว่าเขาจะกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดโดยตรง
ในบรรดาศิษย์จำนวนมากของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ พวกเขาส่วนใหญ่ขอเพียงได้เป็นผู้ติดตามของศิษย์ภายนอกก็ทำให้พวกเขามีความสุขไปชั่วชีวิตแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่คิดว่าเขาจะได้รับรางวัลใหญ่แบบนี้จากปากของลู่ชิวหมิงเยว่ ยิ่งกว่านั้นในฐานะศิษย์ของจ้าวนิกายสถานะของเขาในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์จะยิ่งใหญ่มากกว่าศิษย์ธิ์ชั้นยอดด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับหลิวกุ่ยหยวนเป็นอาจารย์ของเขาแล้ว
ตามแผนที่วางไว้เขาจะค่อยๆก้าวไปข้างหน้าทีละขั้นในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และค่อยๆถูกสังเกตโดยหลิวกุ่ยหยวนตามเวลาที่กำหนด
ตอนนี้ลู่ชิวหมิงเยว่เข้ามาแทรกแซงเขาควรทำอย่างไรต่อไป?
ในขณะนั้นแม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่ได้มองดูหลิวกุ่ยหยวนอย่างจงใจ แต่เขาก็สามารถเหลือบมองผ่านมุมตาของเขาได้ หลิวกุ่ยหยวน ทำท่าทางอ่อนโยนโดยกระพริบตาที่เขา
กระพริบตาแล้วส่ายหัว นั่นคือพยักหน้า!
ไม่เป็นไร! แค่ตกลง! นี่คือข้อความที่หลิวกุ่ยหยวนส่งถึงเขา
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกโล่งใจทันทีและหยุดแสดงความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วและคุกเข่าต่อหน้าลู่ชิวหมิงเยว่พร้อมกับส่งเสียงร้องว่า
"เอี้ยนลี่เฉียงน้อมพบอาจารย์!"
“ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านจ้าวนิกาย!”
ผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องโถงต่างแสดงความยินดีโดยพร้อมเพียงกัน
“เอาล่ะ ลุกขึ้นลี่เฉียง! ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของเราจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ แต่พิธีกราบอาจารย์อย่างเป็นทางการจะถูกจัดที่ห้องโถงบรรพบุรุษในอีกสามวันข้างหน้า…”
“เข้าใจแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่อาจารย์สั่ง!” เอี้ยนลี่เฉียง ยืนขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ
“ท่นเจ้านิกายข้ามีเรื่องจะปรึกษา!”
หลิวกุ่ยหยวนซึ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ จู่ๆก็พูดขึ้น
“น้องหลิวเชิญบอกมาเถิด!”
“ข้าต้องการให้จ้าวนิกายอนุญาตให้เอี้ยนลี่เฉียงช่วยข้าทำ 'ตำราสมุนไพร' ในหุบเขาต้านเหยาให้เสร็จ
'ตำราสมุนไพร' นี้ได้รับการส่งต่อมานานกว่าร้อยปีและได้กลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความอุตสาหะของคนรุ่นก่อนๆนับไม่ถ้วนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม 'ตำราสมุนไพร' มีเพียงคำที่ไม่มีรูปภาพซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจได้ จึงเกิดความสับสนแก่นักปรุงยาของเราเป็นอย่างมากและต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะแยกแยะพวกมันได้อย่างเชี่ยวชาญ!”