382 - สอบสวนให้แน่ชัด
382 - สอบสวนให้แน่ชัด
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกเสมอว่าทุกทุกสิ่งทุกอย่างถือเป็นศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดด้วยหมึกตะวันออกหรือภาพสีน้ำมันแบบตะวันตกไม่มีสิ่งใดที่ถูกมองว่าเหนือล้ำกว่ากัน
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสื่อเหล่านี้คือสไตล์ของพวกมัน ยิ่งไปกว่านั้นความตั้งใจเดิมของเขาในการเรียนรู้วิธีการวาดคือการเรียนรู้ทักษะที่สามารถหาเงินและจัดหาอาหารให้ตัวเอง
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่อยู่ในห้องรวมทั้งหลู่ชิวหมิงเยว่ ต่างก็หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองหลังจากฟังคำอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียง ในที่สุดพวกเขาก็ค่อยๆพยักหน้า
“ภาพวาดนี้เป็นอย่างที่เจ้าเห็นในเมืองหลวงของจักรวรรดิใช่ไหม” ลู่ชิวหมิงเยว่ถามขณะที่เขาดูท่าทางของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างตั้งใจ
เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างเคร่งขรึมด้วยการพยักหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้
“อันที่จริง นี่เป็นฉากปัจจุบันของเมืองหลวงจักรวรรดิ หวังฮุ่ยจากผู้พิทักษ์ซีไห่อยู่กับข้าในวันนั้นเราไปตรวจสอบสภาพของเมืองและนี่คือสิ่งที่เราเห็นด้วยตาของเราเอง
ในขณะนี้เมืองหลวงไม่มีอยู่แล้ว พื้นที่ในสี่ภูมิภาคก็เกือบจะกลายเป็นซากปรักหักพังเช่นกัน หากมองเข้าไปจะไม่เหลือแม้แต่ต้นหญ้าแม้เพียงต้นเดียว อย่าว่าแต่มนุษย์เลย!”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อเจ้าอยู่ที่เมืองจินหลิงในวันนั้น ทำไมเจ้าถึงตัดสินใจสำรวจเมืองหลวงหลังจากประสบความทุกข์ยากจากสวรรค์?”
“นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสี่นิกายหลักในโลก เหตุการณ์ใหญ่โตที่เกิดขึ้นภายในจักรวรรดิฮั่นและเมืองหลวงของจักรวรรดินั้นมีความสำคัญกับนิกายของเราอย่างแน่นอน
แม้ว่าตำแหน่งของข้าในนิกายจะต่ำต้อย แต่ข้าก็รู้ว่าท่านประมุขนิกายและผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่มองการณ์ไกล
ผลประโยชน์ที่นิกายของเรากังวลนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่แคว้นล่ายเท่านั้น โศกนาฏกรรมแห่งสวรรค์ในวันนั้นทำให้คนทั่วโลกตกตะลึง ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผลที่ตามมา
ไม่เพียงแต่เมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่เมืองจินหลิง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหนึ่งร้อยลี้ก็ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิงเช่นกัน ในฐานะผู้ที่เคยประสบกับโศกนาฏกรรม พื้นที่ที่มีผู้คนมากที่สุดอย่างเช่นเมืองหลวงจะเกิดอะไรขึ้นเป็นที่ทราบได้
ในตอนนั้นไม่มีศิษย์พี่หรือผู้อาวุโสคนอื่นๆจากนิกายอยู่ในเมืองจินหลิง ในฐานะที่เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบของข้าได้
แม้ว่ามันจะอันตราย แต่ข้าก็ต้องคิดแผนเพื่อให้สืบทราบสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองหลวงและรายงานไปยังนิกายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้วยวิธีนี้ท่านประมุขนิกายและผู้อาวุโสทุกคนจะเป็นคนแรกๆที่ตระหนักถึงความหายนะครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับศูนย์กลางของอาณาจักรฮั่น…”
“มีความคิดความอ่านและจิตใจที่แน่วแน่นัก…” ดวงตาของลู่ชิวหมิงเยว่ เป็นประกายก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว
“ถ้าศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ให้ความสำคัญกับนิกายและกล้าหาญพอที่จะรับผิดชอบเช่นเจ้า วันที่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ของข้ากลายเป็นนิกายที่ดีที่สุดในโลกนี้จะมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้ เอี้ยนลี่เฉียงเจ้าเก่งมาก ทำได้ดีมาก ดีดีดี…”
ลู่ชิวหมิงเยว่ กล่าวว่า 'ดี' สามครั้งกับเอี้ยนลี่เฉียงให้การยกย่องเขาอย่างสูง แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตใจของลู่ชิวหมิงเยว่
คำชมเชยแบบนี้ไม่ได้มาจากปากของจ้าวนิกายมานานหลายทศวรรษแล้ว…
“ท่านประมุขยกย่องเกินไปแล้ว ในฐานะศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ นี่เป็นหน้าที่ของข้า! ข้าเชื่อว่าถ้าพี่น้องคนอื่นๆอยู่ที่นั่น พวกเขาก็คงทำแบบเดียวกัน!”
ในช่วงเวลานี้ ยิ่งเอี้ยนลี่เฉียงเจียมเนื้อเจียมตัวมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งถูกประเมินค่าสูงมากขึ้นเท่านั้น!
“คืนนั้นความทุกข์ทรมานบนสวรรค์เป็นอย่างไร? เจ้ารอดมาได้อย่างไร”
……
“สถานการณ์ในเมืองจินหลิงตอนนี้เป็นอย่างไร? ข้าได้ยินมาว่ายังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่ในเมืองนี้ใช่ไหม”
……
“เจ้าจัดการกับสินค้าที่จัดส่งโดยผู้พิทักษ์ซีไห่อย่างไร”
……
“เจ้าพูดในจดหมายของเจ้าว่าเจ้าซ่อนสินค้าไว้ที่ใดที่หนึ่งในเมืองจินหลิง เจ้าคิดแผนนี้ขึ้นมาได้อย่างไร”
……
“เจ้าเคยเจอสมาชิกนิกายบัวขาวระหว่างทางกลับมาที่นี่หรือเปล่า”
……
“ประสิทธิภาพการต่อสู้ของกองทัพของนิกายบัวขาวในความคิดของเจ้าเป็นอย่างไร”
……
“สถานการณ์ในแคว้นที่เจ้าผ่านระหว่างทางเป็นอย่างไร? เจ้าเห็นการจลาจลเกิดขึ้นในแคว้นใดๆหรือไม่”
……
“มีการก่อความไม่สงบในกองทหารรักษาการณ์ต่างๆที่เจ้าเห็นระหว่างการเดินทางหรือไม่? ตระกูลผู้มั่งคั่งและประชาชนทั่วบริเวณเป็นอย่างไร?”
……
ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามเอี้ยนลี่เฉียงได้ตอบคำถามทุกข้อจากลู่ชิวหมิงเยว่และผู้อาวุโสที่เข้าร่วมการสอบปากคำอย่างจริงจัง
เขาได้เปิดเผยรายละเอียดและรายละเอียดของการเดินทางสองเดือนหลังจากจินหลิงกลับมาถึงแคว้นล่าย รวมถึงการสังเกตและการไตร่ตรองของเขาเอง
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ทำตัวเหมือนกับถูกสอบปากคำนะน้อย ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เอี้ยนลี่เฉียงสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
ลู่ชิวหมิงเยว่และผู้อาวุโสส่วนใหญ่ให้ความสนใจในสามเรื่อง ประการแรกเอี้ยนลี่เฉียงจัดการกับสินค้าที่ผู้พิทักษ์ซีไห่ไม่สามารถส่งมอบได้
ประการที่สองการจลาจลโดยนิกายบัวขาว และประการที่สาม คือสถานการณ์ต่างๆที่เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆได้เห็นและประสบระหว่างทางกลับมายังนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
เอี้ยนลี่เฉียงเป็นนักพูดที่มีคารมคมคายอยู่แล้ว แม้แต่วิธีที่เขาพูดก็ทั้งสมเหตุสมผลและเป็นระเบียบ
เมื่อหลู่ชิวหมิงเยว่และผู้อาวุโสนำเสนอคำถามของพวกเขา เอี้ยนลี่เฉียงจะทราบถึงสิ่งที่พวกเขากังวลและให้คำตอบโดยละเอียดและแม่นยำโดยไม่ต้องฟังคำถามทั้งหมด
เมื่อหลู่ชิวหมิงเยว่และผู้อาวุโสฟังคำอธิบายของสถานการณ์และประสบการณ์มากมาย พวกเขารู้สึกเหมือนได้ดูด้วยตาของพวกเขาเอง
ในระหว่างการตอบคำถามของผู้อาวุโสเอี้ยนลี่เฉียงก็แอบดูการแสดงออกของพวกเขาเช่นกัน
เขาสังเกตเห็นว่าอาจารย์ของเขาหลิวกุ่ยหยวนไม่ได้ถามคำถามใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อาจารย์ของเขาตั้งใจฟังการสนทนาด้วยท่าทางสงบพร้อมกับพยักหน้าเป็นครั้งคราว
การแสดงของเขาดูจริงจังมาก!
เอี้ยนลี่เฉียงพำในใจ
“… สถานการณ์ในแคว้นฮุ่ยมีดังนี้ เมื่อเราผ่านแคว้นฮุ่ย เมืองต่างๆภายในแคว้นเกิดความโกลาหล ชาวเมืองจำนวนมากสร้างปัญหามากมายเนื่องจากการปล้นอาหาร
แม้แต่กองทหารที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นก็ไม่สามารถระงับการสู้รบของประชาชนได้
นอกจากนี้เมื่อเราข้ามแคว้นฮุ่ย ทั้งสองตระกูลที่มีอิทธิพลคือตระกูลฮุ่ยและตระกูลลู่ได้จัดกองทหารเข้าโจมตีกันและกันระหว่างความโกลาหลอันเนื่องมาจากความบาดหมางที่ยาวนานของพวกเขา
ผู้คนจำนวนมากสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความโกลาหลเพิ่มขึ้น เมื่อเราอยู่ที่แคว้นฮุ่ยเราจงใจหลีกเลี่ยงเมืองเหล่านั้นเพื่อไม่ให้พาตัวเข้าเกี่ยวข้อง
อาชญากรรมทุกประเภทเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เราผ่านมาระหว่างทาง อาหารเกิดความขาดแคลนสัตว์เลี้ยงทุกประเภทถูกนำมาเป็นอาหาร คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงไปทั่วอาณาจักร…”