ตอนที่แล้วChapter 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 5

Chapter 4


I’m Not Interested In The Main Characters (แปลไทย)

Chapter 4

เอลิเซียยังไม่อยากเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอจึงเดินวนเวียนอยู่หน้าประตู

แคซเซียนมาหาเธอที่คฤหาสถ์

พลังที่เธอใช้ลบความทรงจำเขาจะต้องได้ผลสิ แต่ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นกันนะ?

เธอรู้สึกเป็นกังวล เพราะเธอเพิ่งใช้ความสามารถนั่นเป็นครั้งแรกด้วยร่างนี้

เธอผลักประตูห้องนั่งเล่นเข้าไป จะต้องพยายามมองหารอยเขี้ยวที่คอเขาให้เจอให้ได้

‘ให้ตายสิ กลิ่นขนาดนี้ มันไม่ตลกเลยนะ!’

ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอต้องพยายามกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้จมูกได้กลิ่น

แต่กลิ่นนั่นหอมยั่วยวนทรมารเธอสุดๆ

วันนี้เขาเอาผมหน้าลง

เขาดูหล่อ เมื่อเสยผมเปิดหน้าผาก แต่ก็ดูดีมากเช่นกันเมื่อทำผมปรกหน้าลงมาแบบนั้น

“ในที่สุด ผมก็ได้พบคุณเสียที ยินดีที่ได้พบคุณครับ เลดี้”

เขาพูดขึ้นเพราะจำเธอไม่ได้หรือเปล่านะ?

หรือพวกเขาไม่ได้คุยกันตอนพบกันครั้งแรกงั้นเหรอ?

เอลิเซียได้ยินเหล่าข้ารับใช้ที่ยืนด้านหลังเขากระซิบกระซาบกัน

ที่คุณพูดให้เกียรติฉันเพราะข้ารับใช้จ้องมองอยู่สินะ?

แคสเซียนยื่นมือไปหาเอลิเซีย

“ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งค่ะ ท่านดยุค”

แคสเซียนยิ้ม ขณะมองไปที่มืออันไร้ที่ติของเธอที่วางอยู่บนฝ่ามือของเขา

เขาก้มหน้าและจูบหลังมือแคสเซียน

แม้ว่าจะเป็นเพียงคำทักทายอย่างเป็นทางการ แต่หลังมือของเธอกลับร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้

‘ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกลิ่นของเขาคนเดียว!’

แม้ว่าเธอจะดื่มเลือดก่อนที่จะพบเขา แต่มันก็ควบคุมตัวเองได้ยากมาก

เอลิเซียพยายามจะไม่เครียดเกินไป

ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์ของแคสเซียนทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายลง

เธอมองไปที่ใบหน้าของเขาเพื่อดูทีท่าว่าเขาจำจะอะไรได้บ้าง แต่เธอมองไม่ออก

เอลิเซียดึงมือกลับ แต่มันไม่ขยับเขยื้อน

“?!”

แคสเซียนเลื่อนมือและดึงเธอเข้ามาใกล้มากขึ้น

ระยะห่างระหว่างสองคนแคบลง

ยิ่งเขาใกล้เธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากสำหรับเธอมากเท่านั้น

‘ฉันพูดอะไรไม่ออก ฉันต้องออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด’

จะบอกว่าเพราะห้องนั่งเล่นแคบก็ไม่ใช่

นั่นเป็นเพราะการอยู่ในพื้นที่ปิดแบบนี้พร้อมกับเขาต่างหาก นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น !

“ฉันอยากจะออกไปเดินเล่นน่ะค่ะ ได้ไหม?”

“แน่นอนครับ”

แคสเซียนดึงมือเอลิเซียเดินออกไป

เธอต้องการออกห่างจากเขาให้มากที่สุด

เขาเดินนำไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ในขณะเดียวกันเอลิเซียก็พยายามหาวิธีทำให้ตัวเองสงบด้วยการกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง

เธอหันไปมองข้ารับใช้ที่เดินตามมาอยู่ไกล ๆ แล้วหันมามองแคสเซียน

“แค่นี้พอแล้วค่ะ”

แม้จะพูดแค่ประโยคสั้น ๆ แต่ริมฝีปากของเอลิเซียก็สั่น

เธอกล่าวโดยที่พยายามดึงมือตัวเองออกจากมือเขาอย่างขัดขืน

“ทีนี้ก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

ทันทีที่เขาปล่อยมือเธอ เอลิเซียก็เขยิบออกห่างจากเขา

“ตัวคุณเย็นง่ายไปทุกส่วนเลยนะครับ นี่แค่จับมือแปปเดียวยังทำเอามือผมเย็นไปหมด”

“ว..ว่ายังไงนะ?”

เอลิเซียหันไปมองหน้าเขา

แคสเซียนหยุดและเริ่มเอ่ยปากพูดอีกครั้ง

“ผมรู้ว่าคุณน่าจะขี้หนาว คืนนั้นผมถึงบอกว่าถ้าหนาว ก็กอดผมไว้สิ..”

โอ้ ! พระเจ้า !

เอลิเซียส่งเสียงร้องวี้ด เมื่อฟังถึงใจความสำคัญของประโยค เธอดึงชายเสื้อโค้ทของตัวเองคลุมตัวแน่น

แคสเซียนยกมุมปากขึ้น

“ให้ตายเถอะ!? นี่คุณจำได้ทุกอย่าง...”

เธอไม่สามารถปล่อยชายเสื้อโค้ทของตัวเองได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้เธอหายใจลำบากขึ้น

เพราะตอนนี้เขาอยู่ใกล้มากจนสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้

เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อน

สิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อ เป็นจริงแล้ว!

“ไหนบอกผมหน่อย ตอนนั้นคุณพยายามทำอะไรกับผม?”

มันยากจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะเธอทำอะไรกับเขาไปตั้งหลายอย่าง (o///o)

“ที่ผมจะบอกคือ เวทมนตร์ใช้ไม่ได้ผลกับผม แม้ว่ามันจะทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปนิดหน่อยก็ตาม”

‘ที่คุณหมายถึง คือเวทมนต์ควบคุมจิตใจหรือหมายถึงพลังของฉันกันนะ?’

แคสเซียนดึงเสื้อคลุมออกจากมือของเอลิเซีย แล้วจับมือของเธอข้างหนึ่งให้โอบไปที่รอบคอของตัวเอง และเอ่ยปาก

“คุณจะต้องการมันอีกแน่นอน เมื่อนั้น.. โปรดจงมาหาผม”

‘คุณจำได้ พลังมันใช้ไม่ได้ผล’

อะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือทำไมพลังของเธอถึงใช้กับเขาไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป

ดวงตาของเอลิเซียดูเหมือนจะเริ่มสั่น แต่ไม่นานเธอก็สามารถซ่อนสีหน้าได้

เธอก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกนิด

“บอกมาว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน?”

เอลิเซียวางแขนไว้รอบไหล่ของเขา แล้วทิ้งน้ำหนักลง

คุณต้องการอะไรกัน? เงินเหรอ? หรือร่างกาย? หรือพยายามจะใช้ประโยชน์จากตระกูลของเธอ?

หากมีสิ่งใดที่เขาต้องการ อย่าอ้อมค้อม แค่บอกมาเท่านั้น

ดยุคเอสเตบันร่ำรวยกว่าตระกูลของเธอมาก

เขาอาจไม่ได้ต้องการเงินหรือการสนับสนุนทางการเมือง เพราะจากจุดยืนของเขาแล้ว เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ เขาดูเป็นคนที่สามารถบรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากตระกูลโลเวลล์

“หรือคุณต้องการแบบนี้?”

เอลิเซียยิ้มแล้วส่งสายตามองเขาอย่างมีนัยยะ

ตึก-ตัก ตึก-ตัก ยากที่จะบอกได้ว่านั่นเป็นเสียงหัวใจเต้นของใคร

เธอรวบรวมพลังที่มือและเริ่มโอบไปที่รอบคอของเขา

แต่แคสเซียนได้จับข้อมือของเธอทั้งสองข้างไว้ก่อนมันจะสำเร็จ

เขากระซิบที่ข้างหูของเธอ

“…!”

“นี่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่คุณชอบใช้มากที่สุดนะสินะครับเลดี้ แต่ทำยังไงได้ ผมไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้น”

“งั้นก็บอกฉันมาสิว่าคุณต้องการอะไร!?”

เอลิเซียพยายามคิดว่าเธออาจจะชนะ หากใช้พลังเวทมนตร์อีกครั้ง แต่ตอนนี้คงต้องใช้กำลังแทน

ขณะที่เธอเริ่มเรียกพลังมาที่มือ แคสเซียนก็ขมวดคิ้ว

“หยุดได้แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกใครทั้งนั้นแหละ ตอนนี้คุณช่วยใจเย็นๆ ก่อน”

การได้เห็นท่าทีที่ผ่อนคลายของเขา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ลง

เขาโน้มศีรษะเข้ามาใกล้เธอและพูดขึ้น

“อย่าคิดที่จะหนีผมเลย ไม่ว่ายังไง คุณก็หนีผมไม่พ้นอยู่ดี .. และถ้าหากคุณต้องการเลือดเมื่อไหร่ โปรดจงมาหาผม ..ที่ผมต้องการคือแค่สองอย่างนี้เท่านั้น”

“นี่คุณกำลังข่มขู่ฉันอยู่ใช่ไหม?”

ผู้ชายที่ได้รู้จักตัวตนของเธอ แม้จะเป็นชีวิตที่ก่อนเข้ามาในโลกแห่งนี้ ก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้

พวกเขาบอกว่าจะเก็บเป็นความลับ และหากเธอต้องการเลือด ก็ให้ไปหาเขา

สุดท้ายก็มักจะจบแบบเดิมๆ คือเธอต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวและเรื่องราวตัวตนของเธอก็จะรั่วไหลออกไปอยู่ดี

เอลิเซียยิ้มอย่างขมขื่นกับสถานการณ์ที่ทำให้เธอนึกถึงอดีต

“ช่วยไม่ได้ ยังไงผมก็จะทำแบบนั้น”

“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”

“ไม่ เลดี้ คุณไม่มีทางเลือก”

เขายกมุมปากเพียงข้างเดียวอย่างเจ้าเล่ห์

เอลิเซียกดริมฝีปากตัวเองแน่น มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขามีสิ่งที่เขาต้องการอย่างชัดเจนจริง ๆ

แบบนี้มันคลุมเครือที่จะบอกว่าเขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ

แต่มันก็แปลก ถ้าจะบอกว่านี่เป็นเพียงภารกิจที่คอยจับตาดูเธอเท่านั้น

ไม่ว่ายังไงผลที่ตามมาก็คงเหมือนๆ กัน เธอคงต้องถูกให้ไปทำโน่นนี่ตามอำเภอใจ

เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะความอ่อนแอของตัวเองแท้ ๆ

นี่มันเลวร้ายที่สุด

“คุณอยากจะเล่นเกมรักงั้นหรือไง?”

เอลิเซียกล่าวอย่างประชดประชัน

“ผมจะเรียกมันว่า การเฝ้าระวัง ผมจะคอยจับตาดูคุณอยู่ตลอดเวลา ผมไม่มั่นใจว่าจะสามารถปล่อยคุณให้อยู่ตามลำพังได้อีก”

“อ๋อใช่ แล้วฉันก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่คุณจะคิดว่ามันปลอดภัยมากพอ”

เขาจะพิสูจน์ยังไงว่าสถานการณ์จะปลอดภัยแล้ว ในเมื่อเธอยังคงดูดเลือดอยู่แบบนี้?

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าเธอจะกลายเป็นแวมไพร์ตอนไหน

และการพยายามกักบริเวณของเขา ยังไงก็ต้องรบกวนวิถีชีวิตปกติของเธออย่างแน่นอน

แค่คิดก็ปวดหัวจะแย่

‘ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตาดยุคนี่คนเดียว’

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเขา ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นคืนนั้น

หรือถ้าเธอกัดคนอื่นที่ไม่ใช่แคสเซียน เธอก็คงจะสามารถแก้ไขอะไร ๆ ได้

“งั้น..แล้วในระว่างนี้ คุณมีอะไรที่อยากทำบ้าง? ออกเดทกับใครสักคน?”

“ไม่ล่ะ... คนอื่นๆ อาจจะชอบเรื่องโรแมนติก แต่ฉันไม่... ฉันเกลียดมัน คุณก็รู้ว่าหลายวันมานี้ ฉันมีแต่ข่าวอื้อฉาวพวกนี้”

เอลิเซียกำลังสงสัยว่าต้องแก้ข่าวลือที่ผิด ๆ นี่ยังไง

ยังไงก็ตาม ถึงแม้ว่าเธออาจจะแก้ข่าวลือนั่นให้ถูกอย่างที่ควรจะเป็นเรียบร้อยแล้ว

แต่หากเธอยังคงนัดเจอกับแคสเซียนเช่นนี้ คำพูดมากมายก็จะตามมาอีก

“หรือเหตุผลเป็นเพราะฉันเกี่ยวข้องกับมกุฏราชกุมาร?”

“ไม่ใช่เลย ก็คุณบอกว่าพวกคุณทั้งคู่เลิกกันแล้วไม่ใช่หรือไง?”

เอลิเซียขมวดคิ้วไม่พอใจ

“งั้นเราต้องเจอกันบ่อยแค่ไหนคะ?”

“ถ้าบอกว่าทุกวัน ผมว่ามันคงจะยากไปหน่อย”

“นี่ท่านดยุค แม้ว่าเราจะต้องเป็นพันธมิตรกันไว้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องเจอคุณบ่อยหรอกนะคะ”

“ทุก ๆ สี่วัน”

เอลิเซียลังเลอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มเอ่ยปาก

“ทุก ๆ สี่วัน ฉันว่าฉันมีปัญหาแน่ๆ ค่ะ ฉันว่าเดือนละครั้งดีกว่า”

“ทุก ๆ ห้าวัน”

“ทุก 2 สัปดาห์ค่ะ”

“ตกลงที่สัปดาห์ละครั้ง ห้ามต่อรอง”

“ก็ได้.. ค่ะ”

แม้จะแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่ก็รู้สึกว่าบ่อยมากอยู่ดี จะต่อรองต่อไปก็ดูยาก

แคสเซียนควานหาของในเสื้อของเขาและหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมา

กล่องแหวนปรากฏต่อหน้าสายตาทุกคน

มือสวยและนิ้วเรียวยาวนั้นบรรจงเปิดกล่อง

ตามคาด มันมีแหวนอยู่ในนั้นจริง ๆ

อัญมณีสีแดงสดฝังอยู่กลางวงแหวนทองคำขาว

เขามองไปที่มือเธอเหมือนตั้งใจว่ากำลังจะสวมแหวนให้ เอลิเซียรีบซ่อนมือไว้ด้านหลังแล้วโพล่งถามด้วยความตกใจ

“นี่มันอะไรกันคะ?”

เขาวางแหวนลงบนฝ่ามือตัวเองคล้ายว่ายอมแพ้ที่จะสวมให้เธอ และให้เอลิเซียลองดูแหวนด้วยตัวเอง

เอลิเซียมองเขาด้วยสายตาสงสัย จากนั้นจึงลดสายตาลงไปที่แหวน

มันไม่ใช่อัญมณีทั่วไป มันคือหินเวทย์

เมื่อมองไปที่เวทมนตร์ที่ถูกสลักอยู่บนหินเวทย์ พลังงานของเวทมนตร์เคลื่อนที่ไปตามที่ที่มันถูกสลักไว้

‘นี่มันเท่าไหร่กันเนี่ย?’

หินเวทย์มีจำนวนน้อยมากและยังถูกสลักด้วยเวทมนตร์ การได้มันมาครอบครองจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก

คุณจะต้องจัดการกับมอนสเตอร์ระดับสูง 1 ตัว เพื่อจะได้รับอัญมณี แถมอัญมณีที่ออกมา มีขนาดเล็กแค่นิ้วก้อยเท่านั้น

เพียงแค่เสี้ยวเล็ก ๆ ของเม็ดอัญมณีที่ถูกฝังลงในแหวนวงนี้ ก็มีมูลค่ามากพอที่สร้างคฤหาสถ์ให้ขุนนางสองสามคนในเมืองหลวงด้วยได้

ไม่สิ ฉันคิดว่าสามารถซื้อถนนได้ทั้งเส้นเลยแหละ

“เจ้านี่ถูกลงเวทมนตร์เอาไว้ให้ไปที่ไหน?”

“ห้องของผมเอง”

“ฮะ ว่าไงนะ?”

เอลิเซียอ้าปากค้างกับคำตอบ

“ห้องที่คุณจะได้พักอยู่ จะไม่มีข้ารับใช้คนใดสามารถเข้าไปได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากผม ดังนั้น คุณจะสามารถพักผ่อนที่นั่นได้อย่างสะดวกสบาย”

ไร้สาระที่สุด ห้องนั่นจะสะดวกสบายได้ยังไง!

“เอาคืนไปเถอะ ฉันไม่รับ”

เขารับแหวนจากเอลิเซียคืนมาและสวมเข้าที่นิ้วก้อยขวาของเธอโดยไม่รอให้เธอยินยอม

แล้วยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นแหวนหดตัวจนพอดีเข้ากับนิ้วก้อยนั้น

เนื่องจากเขาเป็นคนทำแหวนนี้ขึ้น จึงไม่มีใครสามารถถอดมันออกได้ นอกจากตัวเขาเอง

“ก็แค่รับไปเถอะ ผมไม่รู้ว่าคุณสามารถควบคุมความต้องการเหล่านั้นได้มากแค่ไหน ...หรือมีอย่างอื่นที่คุณอยากได้อีก?”

“…..”

เอลิเซียไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้

เธอจำเป็นที่จะต้องดื่มเลือดมนุษย์เดือนละครั้ง เช่นก่อนหน้านั้น แต่หลังจากนี้ เธอเองก็ไม่แน่ใจ

มิหนำซ้ำ เธอยังทำอย่างอื่นกับเขาอีกต่างหาก

“..โอเค ถ้างั้นพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ ท่านดยุค”

“โปรดติดต่อผมด้วย”

แคสเซียนเดินจากไป เขาบรรลุจุดประสงค์ของการมาเยือนครั้งนี้อย่างน่าพอใจ

****

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด