Chapter 2
I’m Not Interested In The Main Characters (แปลไทย)
Chapter 2
สาวรับใช้เดินเข้ามาหาเอลิเซีย ขณะเธอดื่มชาอยู่ในห้อง
“จดหมายถึงเลดี้ค่ะ”
“ขอบใจนะ”
ดวงตาของเอลิเซียเบิกกว้าง เมื่อเธอวางถ้วยน้ำชาลงและเห็นซองจดหมาย
ซองจดหมายสีกรมถูกผนึกด้วยตราประทับสีเงิน ระบุชื่อผู้ส่งเป็นชื่อของชายที่เธอใช้เวลาร่วมกันตลอดเมื่อคืนนี้
‘ที่แกดูดีขนาดนี้ เพราะเจ้านายแกหล่อหรือเปล่านะ?’
เธอหัวเราะ เมื่อคิดว่าขนาดซองจดหมายก็ยังดูดีไม่แพ้กับเจ้าของที่ส่งมันมา
เนื้อหาของจดหมาย เขียนขอร้องมาอย่างสุภาพว่า ‘เขาต้องการจะพบเธอ’ ด้วยลายมือสวยงาม
เอลิเซียแตะซองจดหมายเข้ากับริมฝีปากของเธอแล้วครุ่นคิด
เธอกำลังสงสัยว่า เขาควรต้องจะสับสนจากความทรงจำที่หายไปสิ
หลังเอลิเซียตื่นขึ้นมาพบว่าเธอใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในห้องนอนของแคสเซียน
เธอได้ใช้พลังแวมไพร์ของเธอลบความทรงจำของเขาก่อนชิ่งหนีออกมา
แวมไพร์แต่ละตนจะมีความสามารถของตัวเอง สำหรับเธอคือความสามารถในการลบความทรงจำในแต่ละวัน
แม้ว่าเงื่อนไขของการลบ คือต้องปิดตาคน ๆ นั้น แต่มันก็แทบจะไม่เคยไม่สำเร็จ
“อืมม..”
จากตั้งแต่วันนั้นมา ตัวตนเป็นแวมไพร์ของเธอก็กลับมา
การมองเห็น การดมกลิ่นและการได้ยิน สัมผัสทุกอย่างล้วนอยู่เหนือมนุษย์ทั้งสิ้น รวมไปถึงพละกำลังและความคล่องตัวที่มหาศาล
เอลิเซียมองดูจดหมายอีกครั้ง
เธอไม่ต้องการให้แคสเซียนรู้ว่า เธอได้ใช้เวลาร่วมกับเขาทั้งคืน แต่ข้าบริวารของดยุกแห่งเอสเตบัน ก็อาจจะรู้
การจับพวกเขามาทั้งหมดและคอยลบความทรงจำแบบเรียงคนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น ก็คงจะมีบางคนที่ยังหลงเหลือความทรงจำอยู่
เมื่อแคสเซียนตื่นขึ้นและได้สติ ข้ารับใช้อาจจะบอกว่า เขาเพิ่งได้มีค่ำคืนที่ดื่มด่ำกับเอลิเซีย โลเวลล์ ไป
มันคงไม่แปลกที่เขาอยากจะพบเธออีก
เอลิเซียหยิบกระดาษจดหมายเปล่าออกมาแล้วหยิบปากกา
เธอไม่อยากจะอ้อมค้อม จึงไม่มีประโยคใดที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเขา นอกจากประโยคสั้น ๆ เพียงหนึ่งประโยค ไว้กลางจดหมาย
[ได้โปรดช่วยทิ้งเรื่องราวคืนนั้นให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำและลืมมันทิ้งไปเสีย]
นั่นหมายความว่า เธอไม่ต้องการพบเขาอีก เธอคิดว่ามันคงไม่เลวร้ายสำหรับแคสเซียนเท่าไรนัก
เพราะเขาไม่ได้ต้องเดือดร้อนอะไรจากเหตุการณ์ที่ไร้ความทรงจำคืนนั้น
อาณาจักรจิโอวานนีค่อนข้างเปิดกว้าง การออกเดทแล้วค่อยแต่งงานเพิ่งจะมาเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มันคงไม่แปลก หากเธอจะขอให้เขาลืมมันให้หมดเสีย ‘ถึงแม้ว่า อาจจะมีคนบางกลุ่มที่ยังไม่เปิดใจก็ตาม’
เอลิเซียพับจดหมายและสอดเข้าซองอย่างระมัดระวัง ตราของตระกูลถูกประทับบนครั่งขี้ผึ้งเพื่อปิดผนึกซอง
จากนี้ เธอก็จะปลอดภัยและรู้สึกสงบสุขได้จริง ๆ เสียที
เหตุผลที่เธอเอาแต่ร้องหาความปลอดภัย ความสงบสุข ก็เพราะเรื่องราวในนิยายต้นฉบับและเหตุผลที่เธอเป็นแวมไพร์
เมื่อ 5 ปีก่อน เธอได้กลายมาเป็นเอลิเซีย โลเวลล์ ตัวร้ายในนิยายเรื่อง ลูเมียร์ ที่เธอกำลังอ่าน
เธอไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้
‘นิยายแฟนตาซีแวมไพร์...!’
นิยายทั่วๆ ไปที่คุณเคยอ่านมา ส่วนมากแวมไพร์เป็นแวมไพร์ หรือมนุษย์จะกลายร่างเป็นแวมไพร์
เธอเองก็อ่านนิยายแฟนตาซีมามากมายเช่นกัน แต่ไม่เคยเห็นแวมไพร์ที่ไหนกลายร่างเป็นมนุษย์เลย
ปกติหลังจากเลิกงาน เธอจะชอบอ่านนิยายขณะดื่มเลือดในแก้วไวน์
แต่สิ่งที่ไม่ปกติ คือ เธอไม่ชอบนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
‘เรวอส’ พระเอกของเรื่องเคยรักกับเอลิเซียมาก่อน จนกระทั่ง ‘ลูเมียร์’ นางเอกปรากฎตัวขึ้น
เขาเป็นลูกชายคนแรกของจักรพรรดิ แต่แม่ของเขามีพื้นเพที่ต่ำต้อย เขาจึงเป็นเด็กที่ถูกรังแกมาโดยตลอด
เรวอสใฝ่ฝันที่จะมีอำนาจเพื่อแก้แค้นให้กับแม่ แต่อำนาจของเขาน้อยและยังห่างไกลมากเมื่อเทียบกับลูกชายของจักรพรรดินี เจ้าชายองค์รอง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม เมื่อเอลิเซีย ลูกสาวของดยุกแห่งโลเวลล์ ผู้ซึ่งรับใช้จักรพรรดิมาหลายชั่วอายุคน ตกหลุมรักเรวอสเข้า
เอลิเซียทำให้เรวอสกลายเป็นเจ้าชาย และเรวอสก็ยืนเคียงข้างกับเอลิเซีย
มันอาจจะกล่าวได้ว่า นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ดี เพราะต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
แต่เมื่อนางเอกปรากฎตัวขึ้น เรวอสตกหลุมรักนางเอกและบอกเลิกเอลิเซีย
เห็นได้ชัดว่า นี่คือเบื้องหลังที่ทำให้เอลิเซียผู้มืดมนกลายมาเป็นนางร้าย
ผู้ที่ต้องการทำทุกวิถีทางให้พระเอกและนางเอกเจ็บปวดโดยร่วมมือกับเจ้าชายองค์รอง
ฉากสุดท้ายคือการตายของนางร้ายและการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ของตัวเอกทั้งสอง
มี 2 ส่วนที่เธอไม่ชอบเลยหลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้
หนึ่ง ชื่อเล่นของเอลิเซีย คือ เซีย ซึ่งเหมือนกับชื่อจริง ๆ ของเธอเอง
และสอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระเอกก็ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รักกันจริงๆ แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่มีพื้นฐานมาจากผลประโยชน์ ดังนั้นการให้และรับมันก็ควรถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ?
เพราะเช่นนั้น ทำให้ตอนที่เธอรู้ครั้งแรกว่าเธอได้หลุดเข้ามาในนิยายเรื่องนี้ เธอจึงรู้สึกอึดอัดมาก
แต่ก็ต้องยอมรับมันให้ได้เพราะคิดไม่ออกว่าจะกลับไปยังไง
ปัญหาคือในปีหลังมานี้ ร่างกายของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลับไปเป็นแวมไพร์
4 ปีก่อนหน้า เธอคิดว่าตัวเองกลายเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องใช้ชีวิตให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
‘ว้าว นี่ฉันติดอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว’
มันคงเป็นเรื่องที่แย่มาก หากคุณถูกจับได้ในโลกที่ไม่มีแวมไพร์ คุณจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดหรือปีศาจ
ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องการเลิกกับเรวอส แต่เธอก็กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเธอรีบร้อนเลิกกับเขาเร็วเกินไป
เธอเป็นคนเดียวในโลกแห่งนี้ที่รู้อนาคต
ดังนั้น เธอจะทำให้เรวอสครองบัลลังก์และแสร้งทำเป็นคนรักของเขาเป็นเวลา 5 ปี เหมือนกับนิยายต้นฉบับในตอนท้ายๆ เรื่อง
สองวันก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น เธอบอกเลิกเรวอส
แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่การพบกันของเรวอสและนางเอกก็จะราบรื่นไปด้วยดี
นี่เป็นสิ่งที่เธอวางแผนไว้
***
เอลิเซียที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เผลอสบถออกมา
“พระเจ้า..นี้มันบ้าไปแล้ว”
หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อิมพีเรียลพาดหัวข่าวรักสามเส้าระหว่างเอลิเซีย ดยุกเอสเตบัน และ ‘คนรักเก่า’ ของเธอ เจ้าชายเรวอส
พ่อบ้านเดินมาหาเธอด้วยสีหน้าลำบากใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพ่อบ้าน?”
“มีคนมาพบเลดี้ครับ ผมคิดว่าต้องเป็นผู้ช่วยของดยุกเอสเตบันแน่ๆ ตอนนี้เขารออยู่ในห้องนั่งเล่นครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เธอตามพ่อบ้านไปยังห้องนั่งเล่น ชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วย กล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“ยินดีที่ได้พบครับ ผมลอยด์ เป็นผู้ช่วยของดยุกเอสเตบัน”
“ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรที่นี่คะ?”
“ท่านดยุกอยากพบคุณครับ วัน เวลาและสถานที่นัดพบ ยึดตามที่เลดี้สะดวกได้เลยครับ”
ที่ด้านหลังของลอยด์ เธอเห็นข้ารับใช้หลายคนกำลังนำของขวัญมาให้
นี่มันอะไรเนี่ย?
การเห็นลอยด์ยิ้มขณะชี้ไปที่ของขวัญ ดูเหมือนว่ามันน่าจะมาจากแคสเซียน
“ฉันขอปฏิเสธค่ะ โปรดนำของขวัญกลับไปด้วย”
หากเราทั้งคู่พบกัน ก็มีแต่จะทำให้เรื่องยากขึ้น
รูปร่างที่เย้ายวนของเขาจะกระตุ้นสัญชาตญาณแวมไพร์ของเธอ และความเป็นแวมไพร์ของเธอจะปลุกเร้าให้เกิดการสัมผัสแตะเนื้อต้องตัว
เดิมที การควบคุมสัญชาตญาณแวมไพร์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่แล้ว และยิ่งเธอที่เพิ่ง ‘เปลี่ยน’ มาได้ไม่นาน
การควบคุมตัวเองจึงยากขึ้นไปอีกหลายเท่า
เธอกลัวว่าหากเธอพบแคสเซียน เธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองและเผลอกัดคอเขาเข้า
นอกจากนี้ เธอสามารถใช้พลังพิเศษของเธอกับคนคนนั้นได้เพียงครั้งเดียว หากใช้ซ้ำกับคนเดิมอีกครั้ง มันจะไม่ได้ผล
หากเธอเผลอกัดคอเขาอีกครั้ง เธอจะลบความทรงจำของเขาไม่ได้อีก
“ผมจะแจ้งให้ท่านดยุคทราบตามนั้นครับ แต่ของขวัญมันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ดังนั้นโปรดรับมันไว้เถอะครับ”
จะไม่เกี่ยวได้ยังไง?
เอลิเซียเริ่มขมวดคิ้วและพยายามหายกเหตุผลขึ้นมาปฎิเสธ แต่ลอยด์ได้หมุนตัวและจากไปแล้ว
เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องอื้อฉาวนี้มาก เธอควรที่จะมีโอกาสได้พูดอะไรสักอย่าง
แต่ความเสียใจนั่นได้หายไปภายในวันเดียว เมื่อลอยด์กลับมาอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น
***
เกรย์ สาวใช้แห่งคฤหาสถ์ตระกูลโลเวลล์ ถึงกับน้ำตาซึม เมื่อเห็นเอลิเซียกรีดร้องทันทีที่เธอตื่นนอนในเช้าวันนี้
เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับนายหญิงผู้หายไปในทั้งคืนในวันงานเลี้ยงของจักรพรรดิ
และนับตั้งแต่วันนั้นมา นายหญิงของเธอก็เอาแต่กรีดร้องและพูดคุยอยู่คนเดียว
เธอเคาะประตูและเข้าไปในห้อง เห็นเอลิเซียนั่งอยู่บนเตียงโดยมีผมสีเงินถูกสยายยาวด้านหลัง
ผมของเอลิเซียได้รับการดูแลด้วยน้ำมันที่ดีที่สุดที่มีเพียงแค่ 2 ชวดจากฝั่งตะวันออกของอาณาจักร !
การปรากฎตัวของเอลิเซียเมื่อห้าปีก่อน ซ้อนทับกันกับภาพด้านหน้าของเกรย์
นั่นไม่ใช่ครั้งแรก สีหน้าของเอลิเซียสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างง่ายดาย
“วันนี้เขากลับมาที่นี่อีกแล้วเหรอ...”
“ใช่ค่ะ”
เกรย์ดันเอลิเซียเข้าไปในห้องน้ำ
“ก็ฉันบอกให้ไล่เขากลับไปไงคะ”
“โถ่ เลดี้ คุณก็รู้นี่คะว่ามันทำเช่นนั้นไม่ได้”
“ฉันอยากจะเตะเขาออกไปให้พ้นๆ.. นี่ถ้าพ่ออยู่ที่นี่ตอนนี้ก็คงทำแบบนั้นได้แน่
..ตอนนี้เราคงทำได้แค่ต้องจับตาดูดยุกนั่นต่อไป ”
เสียงขบฟันของเอลิเซียดังขึ้นในห้องน้ำ
หลังจากที่เธอส่งจดหมายตอบไปให้แคสเซียน วันถัดไป เขาก็ส่งผู้ช่วยมาที่คฤหาสถ์พร้อมด้วยของขวัญมากมายในทุกๆ วัน
มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องทึ้งผมตัวเองในทุกเช้า
หลังจากอาบน้ำเสร็จ สาวใช้ถามเอลิเซียที่อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“เลดี้ต้องการผมทรงไหนดีคะ?”
“ไม่ต้องทำผมค่ะ แค่แต่งหน้าก็พอ”
เอลิเซียแต่งตัวแบบง่ายๆ และมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่น
เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยจะพูดคำเดิมซ้ำในวันนี้
‘ท่านดยุกอยากพบคุณ วัน เวลาและสถานที่นัดพบ ตามที่เลดี้สะดวกได้เลยครับ’
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังทำเช่นนี้ ในเมื่อเธอขอให้เขาแค่ลืมๆ เรื่องทั้งหมดไปซะ
อันที่จริง เธอควรจะต้องพบแคสเซียนด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำ
เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่น ผู้ช่วยทักทายเอลิเซียอย่างสุภาพเช่นเคย
เป็นเวลาสองสัปดาห์แล้วที่ได้พบหน้าเขาทุกเช้า
“คำตอบของฉันเหมือนเดิมก็คือ ไม่ และถ้าคุณยังโผล่หน้ากลับมาให้ฉันเห็นอีก ฉันจะถือว่าคุณไม่ให้เกียรติตระกูลโลเวลล์ของเรา”
เอลิเซียเอ่ยก่อนที่ลอยด์จะอ้าปาก
เธอไม่สนใจที่เขาทำตัวสุภาพอีกต่อไป
ไม่ว่าเธอจะปฎิเสธกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่พวกเขาก็ยังมาหาเธออยู่แบบนี้ จะให้เธอทำยังไง?
มันช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผู้ช่วยลอยด์ผู้น่าสงสาร เขาตัวผอมและซูบลงเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
ใช่ เขาดูน่าสงสารจริง แต่ก็นั่นแหละ มันก็เท่านั้น
ใบหน้าของลอยด์เริ่มซีดลง
“ครับๆ ..ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ขออภัยด้วยครับเลดี้”
มาทำไมอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน ให้ตายสิ
เอลิเซียยกมือขึ้นและกดเข้าที่เบ้าตาตัวเอง
บนโต๊ะ มีของขวัญจากดยุคเอสเตบันเต็มไปหมด
ทั้งชุดเดรสและรองเท้าที่นับไม่ถ้วน ทั้งหมดล้วนเป็นแบบสั่งตัดและมีขนาดที่พอดีกับเธอทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเปลี่ยนช่างตัดเสื้อที่เธอใช้อยู่ประจำแล้วสินะ
***
.
.