80Y-ตอนที่ 28 จักรพรรดิหมิงเสด็จมาเยี่ยม
มันเป็นโลงศพที่ว่างเปล่า
เจ้าแมวขาวรู้สึกสิ้นหวัง พลังอันมหาศาลได้ระเบิดออกมาจากร่างของมัน
มันได้หลุดจากการจับกุมของ หลินจิ่วเฟิง และ กระโดดเข้าไปในโลงศพพร้อมกับคลำหาอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องแห่งความโศกเศร้าและขมขื่นได้ดังก้องกังวานไปทั่ว
มันปฏิเสธที่จะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้
จะไม่มีอะไรอยู่ภายในโลงศพได้อย่างไร?
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่แมวขาวตัวนี้และกล่าวถามออกมา“เจ้าของโลงศพผู้นี้เป็นใคร?”
เจ้าแมวขาวหันกลับมามอง หลินจิ่วเฟิง อย่างดุเดือด
มันไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของ หลินจิ่วเฟิง
“หากเจ้าบอกข้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าตามหาคนผู้นี้ให้”
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้บังคับอีกฝ่ายให้พูด
เจ้าแมวขาวนี่ได้ย่อยสมบัติทุกอย่างภายในขุมทรัพย์เหล่านี้ จนกระทั่งมันมีพลังเทียบเท่าปราชญ์การต่อสู้ มันได้บริโภคสมบัติเหล่านี้อย่างฟุ่มเฟือย ทำให้รู้ได้ว่ามันไม่มีความตระหนักในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง
บางทีมันอาจไปถึงขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้โดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เหล่านี้
นี่คือเหตุผลที่มันใช้กรงเล็บเพื่อสังหารศัตรู โดยที่ไม่มีทักษะใด ๆ ได้
ตอนนี้ เจ้าแมวขาวรู้สึกเสียใจและส่งเสียงร้องออกมา
นี่หมายความว่าในความคิดของมันเดิมโลงนี้ไม่ควรจะว่างเปล่า
และตลอดเวลาที่ผ่านมานี้มันไม่เคยนึกสงสัยเลย
หลินจิ่วเฟิง ต้องการทราบที่มาของเจ้าแมวขาว และก็ บุคคลที่ควรจะอยู่ในโลงศพ
กรงเล็บของแมวขาวได้จับโลงศพไว้แน่นพร้อมกับส่งเสียงแหลม
มันได้ใช้สมองครุ่นคิด
แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นได้
ที่นี่มีเพียงตัวมันและหลินจิ่วเฟิงที่ยังอยู่
ในที่สุดมันก็ยอมจำนน และกระโดดออกจากโลงศพพร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างบนพื้น
[จอมมาร]
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้หรี่ลงในขณะที่เขาพูด“คนที่ถูกฝังในโลงศพนี้ก็คือจอมมาร? เขาได้หลับใหลในโลงศพนี้เมื่อใด?”
กรงเล็บของแมวขาวได้ขยับหลายครั้งและขีดเขียนคำหนึ่งคำ
“เมื่อ 1,500 ปีที่แล้ว!”
“จอมมารเมื่อ 1,500 ปีก่อน…”หลินจิ่วเฟิง จมดิ่งในความคิด
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เมื่อ 1,500 ปีก่อนยังไม่ได้ก่อตั้งขึ้นด้วยซ้ำ ช่วงเวลานั้น เป็นยุคสมัยสูงสุดของผู้บ่มเพาะพลัง มียอดฝีมือมากมายทั่วแผ่นดินใหญ่ และ เป็นช่วงเวลาแห่งความโกลาหลอย่างแท้จริง
คนที่ได้ สมญานาม ว่า จอมมาร ในสมัยนั้น แสดงว่าจะต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่บนจุดสูงสุดของยุคสมัยนั้นอย่างแน่นอน
“ข้าไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าจอมมารเหล่านี้ในความทรงจำของข้า”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
เจ้าแมวขาวพลันเดือดดาลทันที และมันคิดว่า หลินจิ่วเฟิง กำลังหลอกมัน
“แต่ข้าสามารถไปที่ห้องสมุดของราชวงศ์เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่างได้ ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์เดียวในปัจจุบัน แน่นอนว่ามันจะต้องมีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า-จอมมาร”หลินจิ่วเฟิง ได้เพิกเฉยต่อความโกรธของเจ้าแมวขาว
แมวขาวได้เขียนคำบางอย่างออกมา“รีบไปกันเลย”
หลินจิ่วเฟิง มองดูและหัวเราะออกมา“ข้าจะรีบไปเพื่ออะไรล่ะ?”
“ข้า...สามารถให้สมบัติบางอย่างแก่เจ้าได้”เจ้าแมวขาวรีบเขียนชุดคำใหม่
แม้ว่ามันจะมีความสามารถของปราชญ์การต่อสู้มีพลังที่ไม่ธรรมดาแต่มันก็ไม่สามารถพูดได้
โชคดีที่มันสามารถเขียนได้
อย่างไรก็ตาม ลายมือของมันค่อนข้างคดเคี้ยวคล้ายกับเด็กอายุ 2-3 ปี
ทุกจังหวะในคำพูดของมันล้วนเป็นสิ่งที่ หลินจิ่วเฟิง คาดเดา
โชคดีที่เขาพอจะประมาณได้ว่าคำศัพท์เหล่านั้นแท้จริงจะสื่อคำว่าอะไร
“ไม่ใช่ว่าเจ้าใช้สมบัติที่อยู่ในคลังเหล่านี้ไปหมดแล้วหรอกเหรอ แต่เจ้ากำลังจะบอกว่าจะยกสมบัติบางอย่างให้แก่ข้า?”หลินจิ่วเฟิง ปฏิเสธที่จะเชื่อ
“ข้าได้ใช้ไปเยอะก็จริง แต่ก็ยังมีเก็บซ่อนไว้เป็นจำนวนมาก ข้าได้ใช้งานมันอย่างช้า ๆ เนื่องเพราะข้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจึงต้องวางแผนมื้ออาหารอย่างระวัง ข้ากินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น”เจ้าแมวขาวยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง
เพียงแต่คำเว้นวรรคของมันแต่ละคำทำค่อนข้างทำให้ หลินจิ่วเฟิง ปวดหัว
เขาพยายามทำความเข้าใจในความหมายของมัน
“เข้าใจแล้ว”หลินจิ่วเฟิง พยักหน้าและตกลง
เขาไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อสมบัติ
เพียงแต่เขาต้องการทราบที่มาของจอมมารคนนี้
ทำไมอีกฝ่ายถึงสร้างพระราชวังขึ้นที่นี่และฝังมันไว้ใต้ดินลึกหลาย 10 เมตร กระทั่งหลาย 100 เมตร?
“รีบออกไปหาข้อมูลเร็วเข้า”เมื่อเห็น หลินจิ่วเฟิง ตกลง เจ้าแมวขาวก็รีบไล่อีกฝ่ายในทันที เพราะมันไม่ชอบให้มีใครมารบกวนพระราชวังแห่งนี้
หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการอยู่ที่นี่นานเช่นเดียวกัน
ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความยุ่งเหยิงของโอกาสและจุดจบ
แม้แต่ เจ้าแมวขาว ที่มีรูปลักษณ์ดูสวยงาม ก็ยังมีท่าทีดุร้ายไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของมันเลย
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและหันหลังกลับไป
แต่เมื่อเขาหันหลังเตรียมจะจากไป จู่ ๆ ก็มีข้อความปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้พระราชวังปีศาจใต้ดินหรือไม่?]
“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบตกลง
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจ!]
หลังจากนั้น ข้อมูลจำนวนมากก็ผุดขึ้นในใจของ หลินจิ่วเฟิง
มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจ
โดยพื้นฐานแล้วสิ่งนี้ย่อมเป็นทักษะบ่มเพาะพลังขั้นสูงของนิกายปีศาจ
มันสามารถให้พลังที่แข็งแกร่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อหากฝึกฝนมันอย่างถูกต้อง
“ไม่เลว ในที่สุดข้าก็ได้ทักษะบ่มเพาะพลังอีกอย่างที่สามารถช่วยเหลือข้าได้”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพึงพอใจมาก
เขาชอบทุกอย่างที่สามารถช่วยเหลือในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาได้
หลังจากลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ หลินจิ่วเฟิง ก็ออกจากพระราชวังใต้ดินโดยตรง
เจ้าแมวขาวได้มองดู หลินจิ่วเฟิง อย่างระวัง
มันยังคงไม่เชื่อใจอีกฝ่าย
หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่ได้สนใจมัน
เมื่อก้าวขึ้นไปบนผิวน้ำ เขาก็มองเห็นทางเข้าใต้ดินที่ด้านหน้าต้นไม้อายุ 100 ปี ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไม่ปิดทางเข้า
หลินจิ่วเฟิง ได้กลับไปที่ลานที่พักของเขาโดยตรง
เขาได้นอนลงบนเตียงหยกน้ำแข็งและหลับตาเพื่อฝึกฝน
เขาค่อย ๆ จมดิ่งและเรียนรู้ทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจที่เขาเพิ่งได้รับมา เขาต้องการเปลี่ยนมันให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถของเขา
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า จอมมาร นั้น?
เขาสามารถทำมันได้ในวันพรุ่งนี้
ไม่ว่าจะกรณีใด หลินจิ่วเฟิง ก็ยังมีเวลาอีกมาก
เจ้าแมวขาวได้แอบติดตาม หลินจิ่วเฟิง ตลอด
เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่ออกไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและกลับไปฝึกฝน
ทำให้มันแยกเขี้ยวฟันออกมากรงเล็บอันแหลมคมได้ยื่นออกไป
มันโกรธมาก
เพียงแต่หลังจากปลดปล่อยอารมณ์โกรธออกมาแล้วมันก็รู้สึกหมดหนทาง
ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่ใช่คู่มือของ หลินจิ่วเฟิง แม้ว่ามันจะโกรธแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
มันได้ทำตัวงอนอยู่ครู่นึง
และจ้องมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง โดยหวังว่า หลินจิ่วเฟิง จะสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของมัน
เวลาได้ผ่านพ้นไป จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่หยุดจ้อง
มันยังคงเพ่งพินิจไปที่เขาอย่างดุเดือด
ดวงตาทั้งสองข้างที่คล้ายกับผลึกแก้วยังคงจ้องมองไปที่ร่างของ หลินจิ่วเฟิง โดยไม่กระพริบ
แต่ หลินจิ่วเฟิง ก็ยังคงนิ่งเฉย
หลังจากผ่านมาครึ่งคืน เจ้าแมวขาว ก็ร้องออกมา
มันส่งสายตาที่ไม่พอใจไปที่ หลินจิ่วเฟิง ก่อนที่จะหันหลังและจากไป
มันต้องการกลับไปยังพระราชวังใต้ดิน
หลินจิ่วเฟิง ซึ่งอยู่บนเตียงหยกในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้น
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาในขณะที่เขาบ่นออกมา
“ถ้าเจ้าเป็นหญิงสาวแสนสวนบางทีข้าควรจะตอบสนองและหน้าแดงในขณะที่เจ้าจ้องมองข้าตาไม่กระพริบล่ะมั้ง?”
…
วันถัดไป ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็เข้าใจทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจ อย่างถี่ถ้วนเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่เขาทำสำเร็จ เขาก็วางแผนที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า จอมมาร ในเช้าวันนี้
เหตุผลนั้นง่ายมาก
เจ้าแมวขาว ได้กลับมาจับตาดู หลินจิ่วเฟิง อีกครั้งก่อนจะรุ่งสาง
มันได้ยืนอยู่ในลานที่พักของเขาและดวงตาจับจ้องมองมาที่เขาโดยไม่กระพริบ
เนื่องจากมันไม่ใช่คู่มือของ หลินจิ่วเฟิง มันจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้ในการกดดันเขา
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
เขาเตรียมพร้อมที่จะออกจากตำหนักเย็นและไปที่ห้องสมุดหลวงเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจอมมาร
แต่ทันใดนั้นก็มีผู้มาเยือนที่น่าประหลาดใจ
เป็นบุตรชายของจักรพรรดิหยวน
จักรพรรดิหมิง.
หลินเทียนหยวน เคยอาศัยอยู่กับ หลินจิ่วเฟิง เป็นระยะเวลา 10 ปีเต็ม
หลังจากอีกฝ่ายขึ้นครองราชย์เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาก็ใช้เวลา 5 ปีแรกในการปกครองดูแลราชสำนักอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง
ปีนี้เขาอายุได้ 20 แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาพบกับ หลินจิ่วเฟิง หลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์
“ท่านลุง!”หลินเทียนหยวน ได้ตะโกนขึ้นด้วยความเคารพ
เขาเคยเรียก หลินจิ่วเฟิง ว่าอาจารย์
แต่หลังจากนั้นเขาได้เปลี่ยนวิธีเรียกและเรียกขานอีกฝ่ายเป็นท่านลุงตลอดเวลา
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย
เขาอยากจะรู้จริง ๆ
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา มันควรจะไม่มีปัญหาใด ๆ แล้วทำไม หลินเทียนหยวน จะต้องมาหาเขา
เจ้าแมวขาวรู้สึกเป็นกังวล
มันที่รู้ว่า หลินจิ่วเฟิง กำลังจะจากไป แต่มีคนมาหยุดเอาไว้ ทำให้มันไม่พอใจ
ความคิดของเจ้าแมวขาวเรียบง่ายมาก
‘ข้าจะฆ่าเจ้า แล้วให้ หลินจิ่วเฟิง ออกไปจากที่นี่!’
ดังนั้นมันจึงพุ่งกระโจนในทันที
ฟิ้ว!
เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้สะบัดแขนเสื้อของเขา
พลังของทักษะบ่มเพาะพลังเทพปีศาจได้ซัดเจ้าแมวขาวลอยไปโดยตรง
มันได้กระแทกเข้ากับต้นไม้และล้มลงอย่างอ่อนแรง
การปรากฏตัวของมันได้กลายเป็นฝุ่นและเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรก
ทว่า มันไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หลินจิ่วเฟิง ได้บ่มเพาะพลังมาจนถึงจุดที่สามารถควบคุมความรุนแรงได้ด้วยตัวเองแล้ว