80Y-ตอนที่ 27 แมวขาว
หลินจิ่วเฟิง ได้ติดตามพวกเขาไป ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงต้นไม้อายุร้อยปีในตำหนักเย็น
หลินจิ่วเฟิง เฝ้ามองด้วยความสงสัย
เขาเคยมาที่บริเวณนี้มาก่อน แต่นอกเหนือจากการลงชื่อเข้าใช้และรับเอาทักษะบ่มเพาะพลังแล้ว ก็ไม่มีอะไรอื่นในที่นี้อีกแล้ว
เขาไม่ได้ค้นพบทางเดินลับใด ๆ
ผู้อาวุโสศพ และ ถู๋ป๋อ ได้เดินมาถึง
ภายใต้การจ้องมองของ หลินจิ่วเฟิง พวกเขาเริ่มแกะสลักรูปแบบอาคมในจุดนั้น
ผู้อาวโสศพได้พูดขึ้น“รูปแบบอาคมนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนิกายซากศพ มันถูกใช้เพื่อซ่อนสิ่งต่าง ๆ จากสายตาของผู้อื่น ทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถหาสถานที่แห่งนั้นเจอได้”
“หนึ่งด้านหนึ่งผกผัน…”
“มีเพียงการสร้างตราประทับเท่านั้นที่จะเปิดประตูทางเข้าเดิมได้”
ถู๋ป๋อ ได้กล่าวกระตุ้นออกมา“เร่งมือเข้าเถอะ!”
ผู้อาวุโสศพใช้เวลาประมาณ 1 เค่อ ในการจัดวางรูปแบบอาคม
หลินจิ่วเฟิง ได้เฝ้ามองกระบวนการทั้งหมด คำถามในใจของเขาในที่สุดก็ได้รับคำตอบ
“เข้าใจแล้ว เพราะพวกเขาสร้างรูปแบบอาคมเพื่อปิดกั้นการมองเห็นของผู้อื่น ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครค้นพบมันตลอด 2-3 ร้อยปีที่ผ่านมา”
แม้ว่า เขาจะมีรากฐานการบ่มเพาะพลังที่ไม่ธรรมดา แต่หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่มีทักษะในการจัดวางรูปแบบอาคม
พูดตามตรงเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับรูปแบบอาคมเลย
“ในอนาคต ข้าต้องมองหาคู่มือที่เกี่ยวกับรูปแบบอาคมและโอสถเม็ด หวังว่าสักวันข้าจะได้รับคู่มือเหล่านี้จากการลงชื่อเข้าใช้สถานที่”หลินจิ่วเฟิง ได้จดบันทึกเรื่องนี้ไว้ในใจ
เขาได้เฝ้าดูผู้อาวุโส จัดวางรูปแบบอาคมจนเสร็จสิ้น
จากนั้น รูปแบบอาคมสองรูปแบบ อีกหนึ่งอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกอันที่ผกผันก็ได้ระเบิดออกมา
ใต้นไม้ใหญ่อายุนับ 100 ปีได้เผยทางเดินออกมา
มันเป็นทางเดินที่เดินลึกลงไปในใต้ดิน
หลังจากผ่านมาหลายร้อยปี จะสามารถมองเห็นตะไตร่น้ำได้ทุกที่
ถู๋ป๋อ ได้ขยับตัวและดึงทางเข้าออกโดยไม่พูดอะไร
เขาอยากจะลงไปสำรวจอย่างกระวนกระวายใจ
แม้แต่ อาวุโสศพ ก็เฝ้ามองด้วยความสงสัย
แต่ในขณะนั้นเอง แสงสีทองก็ระเบิดขึ้นจากทางเดินสลัว มันได้สังหารอาวุโสศพและถู๋ป๋อในทันที
พวกเขาได้ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความขุ่นเคือง และ ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาจากปากของพวกเขา
พวกเขาได้ทรุดตัวลง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สาวกของนิกายซากศพ ล้วนตกตะลึง พวกเขาได้กรีดร้องออกมาเสียงดัง
สายตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชาและสังเกตุอย่างเคร่งขรึม
อาวุโสศพและถู๋ป๋อ ล้วนเป็น ปราชญ์การต่อสู้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทรงพลังในหมู่ปราชญ์การต่อสู้ด้วยกัน เมื่อพิจารณาจากการที่พวกเขาอยู่ในขั้นแรกของการทำความเข้าใจเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังเป็น ปราชญ์การต่อสู้
คนที่มีความสามารถพอที่จะสังหารพวกเขาในทันที มันทำให้ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกจริงจังขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนผู้นั้นอยู่ท่ามกลางสมบัติล้ำค่าเหล่านี้
แต่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของ หลินจิ่วเฟิง คนที่สังหารพวกเขาไม่ใช่คน
แต่เป็นแมว
แมวสีขาวที่ขนราวกับหิมะและดูสง่างาม
มีเพียงสองจุดบนร่างกายเท่านั้นที่มีสีต่างกัน
หนึ่งคือ รูม่านตาของมันที่เป็นสีดำเหมือนกับหมึกหนา ดำจนสามารถมองเห็นความแวววาวของตัวมันเอง
สองคือ เล็บ ที่มีสีทองเข้ม
จุดประกายสีทองก่อนหน้านี้น่าจะเป็นการโจมตีโดยที่มันใช้เล็บเหล่านั้นฟันการโจมตีออกไปทำให้ อาวุโสศพ และ ถู๋ป๋อง ถูกสังหารในพริบตา
เมี๊ยว!
แมวสีขาวราวหิมะได้ร้องออกมา
มันคล้ายกับแมวเด็กที่ดูน่ารักน่าชัง ซึ่งมันดูน่าหลงใหลอย่างมาก
แต่ทว่า พอสิ้นสุดเสียงของมันเท่านั้น มันก็กลายเป็นเงาสีขาวกวาดล้างทุกคนที่เป็นสาวกนิกายซากศพในทันที
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจ สาวกจากนิกายซากศพทั้งหมดที่นี่ ก็ถูกสังหาร เดิมพวกเขามาที่นี่เพื่อมองหาสมบัติ
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศพที่ไม่สามารถพูดได้
คนร้ายก็คือ แมวสีขาว
ขนของมันไม่ใช่สีขาวธรรมดา แต่เป็นสีขาวคล้ายครัสตัลใสที่มันเงา
ร่างเล็ก ๆ ของมันได้เดินอยู่บนพื้น
เล็บของมันเปื้อนไปด้วยโลหิตจำนวนมาก
หลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาด
มันเป็นแมวที่มีพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้!
นี่ถือเป็นของหายากอย่างแท้จริง
หลังจากที่มันฆ่าทุกคนแล้ว มันก็ร้องออกมาและพยายามจะเดินกลับเข้าไปในถ้ำ
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ขนของมันก็ลุกตั้งร่างกายของมันได้โค้งงอทันที
มันร้องเสียงแหลมออกมาและจ้องมองไปยังทิศทางของ หลินจิ่วเฟิง
ความประหลาดใจของ หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดเผยกลิน่อายของเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ มันถูกตรวจพบโดยแมวขาวที่มีสัมผัสเฉียบคม
มันทำท่าราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้พรางตัวอีกต่อไป
เขาได้เผยร่างของตัวเองออกมาและยังยืนอยู่ที่เดิม
เมี๊ยว!
เจ้าแมวขาวเริ่มที่จะโจมตี ความเร็วของมันรวดเร็วมาก เล็บของมันได้กางออกและระเบิดแสงสีทองตัดผ่านไปยังเบื้องหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้รวบสองนิ้วขึ้นเป็นปราณกระบี่ เขาได้ใช้ทักษะกระบี่22เล่มออกมาในทันที
บูม!
แมวขาวถูกซัดกระเด็นลงไปกับพื้น
แม้ว่ามันจะสามารถฆ่า ถู๋ป๋อ และ อาวุโสศพ ได้แต่มันก็ไม่ใช่คู่มือของ หลินจิ่วเฟิง
“เจ้าคงเป็นผู้พิทักษ์สมบัติลับใต้ดินแห่งนี้ เจ้าอยู่ที่ใต้ดินมาตลอดหลายปี นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าฆ่าคนที่พยายามจะบุกรุกเข้าไปยังดินแดนใต้ดินของเจ้า”หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา
แม้ว่าเขาจะซัดแมวขาวจนลงไปกองกับพื้น แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่ามัน เพียงทำให้มันบาดเจ็บเล็กน้อย
แมวขาว รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของ หลินจิ่วเฟิง
มันพยายามหันหลังกลับและพยายามจะหลบหนี
แต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ปล่อยมันไป
เขาได้คว้าจับแมวขาว ด้วยพลังปราณแท้จริงของเขา การผนึกกำลังของเขาไม่สามารถทำให้ แมวขาว เคลื่อนไหวได้ และ มันก็ถูกจับกุมโดย หลินจิ่วเฟิง อย่างง่ายดาย
“ไปกันเถอะ พาข้าลงไปดูด้านล่างว่ามีสมบัติอะไรอยู่กันแน่”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
เจ้าแมวขาวพยายามดิ้นรน มันยังไม่คิดที่จะยอมแพ้
อย่างไรก็ตามพลังปราณของ หลินจิ่วเฟิง ได้ดับความหวังในการหลบหนีของมันทันที
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงได้ใช้พลังปราณแท้จริงที่ส่องสว่าง ลากมันลงไปตามทางเดินที่สลัว
ข้างในนี้ไม่มีอะไรเลย
มันไม่มีอะไรนอกจากทางเดินที่ทอดยาวลึกลงไปเรื่อย ๆ
เส้นทางก็คับแคบมาก มันสามารถเคลื่อนผ่านได้ทีละคน
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมถึงไม่มีใครค้นพบสถานที่แห่งนี้เลยหลังจากผ่านไปหลายปี
ถ้าขนาดของมันใหญ่กว่านี้ ผู้คนก็คงจะขุดมันออกมาได้ง่าย ๆ
หลินจิ่วเฟิง ก็เดินเป็นเวลานาน เขาได้ประมาณว่าตนเองได้เดินลึกลงไปมากกว่า 10 เมตร ในที่สุดเขาก็พบจุดสิ้นสุดของทางเดิน
สิ่งที่เขาเห็นตอนท้ายก็คือโลกใต้ดินขนาดใหญ่
พูดให้ถูกก็คือพระราชวัง
มันดูไม่ใหญ่เกินไปเมื่อพิจารณาว่ามันถูกฝังอยู่ใต้ดิน
ประตูพระราชวังได้เปิดแง้มไว้เล็กน้อย
หลินจิ่วเฟิง ได้ตรวจสอบแมวสีขาวที่อยู่ในมือของเขาก่อนที่จะมองไปที่ช่องว่าง
“เจ้าเป็นคนเปิดมันใช่หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
เพียงแต่เขาได้รับคำตอบเป็นความโกรธเกรี้ยวจากแมวขาวเท่านั้น
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจมัน
เขาได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ยังไงข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่เปิดประตูไว้ ไม่งั้นข้าคงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม”
ประตูพระราชวังนี้มีรูปแบบอาคาที่จารึกเอาไว้บนพื้นผิวอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของมันแล้ว มันดูค่อนข้างลึกลับมากทีเดียว
และ หลินจิ่วเฟิง ในปัจจุบัน ก็ไม่มีความรู้เรื่องรูปแบบอาคมแม้แต่น้อย
ถ้าประตูมันปิดสนิทเขาคงเปิดมันไม่ได้จริง ๆ
แต่ตอนนี้มันได้เปิดแง้มเล็กน้อย
เขาแค่ผลักมันเข้าไปประตูก็เปิดออก
เจ้าแมวขาวได้หลับตาแน่นด้วยความเสียใจ
มันได้ออกมาเร็วเกินจนลืมปิดประตู
บัดนี้มันได้นำหายนะมาสู่ตัวมันเอง
เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ปรากฏในสายตาของเขาก็คือ โลงศพและขวดโอสถจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายไปทั่วพร้อมกับสมบัติล้ำค่าที่ถูกบางสิ่งบางอย่างแทะกินอย่างชัดเจน
สถานที่แห่งนี้เคยมีสมบัติมากมาย
เพียงแค่ขวดโอสถเพียงอย่างเดียว หลินจิ่วเฟิง ก็มองเห็นมันว่ามีมากกว่าหลายพันขวด
มันได้กองพะเนินเป็นเนินเขาเล็ก ๆ ตั้งวางเอาไว้
ส่วนสมบัติที่เหลือ พวกมันได้ถูกกินไปแล้ว
หลินจิ่วเฟิง มองเห็นโสมที่มีอายุอย่างน้อย 10,000 ปีแต่แก่นแท้ของมันไม่เหลือแล้ว มันเหลือแต่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น และ มันถูกโยนทิ้งราวกับเศษขยะ
“เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ แมวขาว
“เจ้าเป็นเพียงแมวขาวตัวเล็ก ๆ แต่เจ้ากลับแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ อีกทั้งเจ้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว นั่นมันจะต้องเป็นเพราะเจ้ากินสมบัติทั้งหมดที่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”
“สมบัติลับที่นิกายซากศพ เฝ้าคำนึงหามาตลอดหลายร้อยปีล้วนถูกใช้ไปโดยเจ้า”
แมวขาวไม่ได้ตอบคำถามของ หลินจิ่วเฟิง
มันทำหน้าเหมือนไม่สนใจและเบือนหน้าหนี มันปฏิเสธที่จะคุยกับ หลินจิ่วเฟิง
“ที่นี่รกมาก แต่โลงศพนี้กลับดูสะอาด มันกระทั่งไม่มีแม้แต่ฝุ่นจับเลย นี่หมายความว่าคนในโลงศพนี้คงมีความสำคัญกับเจ้ามาก”
“เขาเป็นคนที่พาเจ้ามาอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินเข้าใกล้โลงศพ
แมวขาวเริ่มวิตกกังวล
แม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก แต่มันก็พยายามจะหยุด หลินจิ่วเฟิง จากการเปิดโลงศพ
แต่ หลินจิ่วเฟิง ได้ผลักมันออกไปแล้ว
มันไม่สามารถต่อต้านได้เลย
แมวขาวและหลินจิ่วเฟิงได้มองดูด้วยกัน
แต่โลงศพกลับว่างเปล่า ข้างในนั้นไม่มีอะไรเลย
เจ้าแมวขาวถึงกับอึ้ง!