80Y-ตอนที่ 23 จักรพรรดิหยวนสวรรคต
หลินจิ่วเฟิงกลับมาทันก่อนที่ ต้าชุน จะมาจัดส่งอาหารและไวน์ให้กับเขา
อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่า หลินจิ่วเฟิง ได้ออกไปข้างนอก เขาได้มาส่งอาหารตามปกติและเริ่มบอกเล่าหลินจิ่วเฟิงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวงราชวงศ์
“เกิดเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา องค์ชายทรงทราบเรื่องนี้หรือไม่?”ต้าชุน ได้กล่าวถาม
“เจ้าเป็นแหล่งข่าวเดียวของข้า ข้ายังจะไปได้ยินจากใครได้อีก?”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
“ปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ร่วมมือกันมุ่งหน้ามาที่พระราชวังต้องห้ามเพื่อต้องการลอบสังหารจักรพรรดิหยวน เพื่อหยุดเขาจากการพยายามจำกัดขุนนางชั้นสูงทั้ง9…”
“แต่พวกเขากลับถูกสังหารด้วยชายลึกลับที่ปลดปล่อยพลังกระบี่ให้โลกหล้าได้ตกตะลึง”ต้าชุน รู้สึกอิจฉาในพลังของชายลึกลับที่ได้ปลดปล่อยออกมา
มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ถึงขนาดเด็ดศีรษะของปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้เพียงกระบี่เดียว
นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจเกินไป
หลินจิ่วเฟิง ได้ดื่มไวน์และทานเนื้อขณะที่ฟังต้าชุนเล่า
เขาได้ยิ้มออกมาอย่างใจเย็นและไม่ได้พูดอะไรมาก
นอกจากจักรพรรดิหยวนและหลินเทียนหยวน จะมีใครอีกที่รู้ว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง? แม้แต่ต้าชุน ที่คุยกับหลินจิ่วเฟิง มากที่สุด ก็ยังไม่เคยคาดเดาว่าชายลึกลับนั้นคือ หลินจิ่วเฟิง
เขารู้เพียงแค่ว่า หลินจิ่วเฟิง มีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้
และเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายได้มอบมันให้กับจักรพรรดิหยวนแล้ว
หลังจากต้าชุนบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่เขารู้ให้หลินจิ่วเฟิงฟังเสร็จ เขาก็พูดต่อ“ดูเหมือนว่าจักรพรรดิหยวนใกล้จะสวรรคตแล้ว แต่พระองค์ได้เลือกผู้สืบทอดบัลลังก์แล้วและกำลังจะประกาศให้ทั่วโลกได้รู้”
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
หลินเทียนหยวน!
“ที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ใช่เหล่าองค์ชายในราชวงศ์ แต่เป็นบุตรชายนอกสมรสที่เข้าร่วมราชสำนักในฐานะขุนนางฝ่ายใน จักรพรรดิหยวนได้ละเว้นเขาและเลื่อนตำแหน่งให้เขากลายเป็นสมาชิกราชวงศ์อีกทั้งแต่งตั้งให้เขาเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปแทนตัวเอง”
ต้าชุน รู้สึกอิจฉาอย่างมาก
นี่เป็นการก้าวกระโดดในการยกระดับสถานะครั้งใหญ่
หลินจิ่วเฟิง หัวเราะออกมา“อะไร เจ้าอิจฉางั้นเหรอ?”
“ใครบ้างจะไม่อิจฉา แม้ว่าข้าจะอิจฉา แต่ถ้าข้าได้เป็นจักรพรรดิจริง ๆ ข้าก็คงเป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาเพราะความไร้สามารถของข้า”
“เดิมเหล่าผู้สืบทอดราชบัลลังก์มักจะคัดเลือกจากคนที่มีความสามารถมากที่สุดที่เป็นสมาชิกราชวงศ์”
“แต่ทว่าหลังจากคนเหล่านั้นขึ้นเป็นจักรพรรดิพวกเขาจะได้รับอำนาจและพลัง แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้ลุ่มหลงในอำนาจช่วงแรก แต่โดยเฉลี่ยแล้วหลังจากที่รู้ว่าตนเองใกล้จะสวรรคตพวกเขาจะทำตัวโง่เขลาและทำตามใจตัวเอง”
“ในระยะเวลาที่เหลือนี้ส่วนใหญ่จักรพรรดิกว่า 9ใน10 ส่วนมักจะตกต่ำลง”
“ถ้าข้าได้เป็นจักรพรรดิ ไม่ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีหรอก เพียงแค่ 5 วันข้าก็ตกลงสู่ความเสื่อมทรามแล้ว ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี”ต้าชุน ได้หัวเราะออกมา
หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะยิ้ม“เจ้าก็รู้จักตัวเองดีอยู่แล้ว”
“มนุษย์-แม้ว่าจะไม่ได้ประเสริฐที่สุด-แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ขีดจำกัดของตัวเองดี”ต้าชุน ได้พยักหน้า
หลินจิ่วเฟิง ได้ส่งจานเปล่าและขวดไวน์ให้กับต้าชุน
“องค์ชาย ไว้ข้าจะส่งอาหารมาให่ท่านใหม่ในคราวหน้า”ต้าชุน ได้เก็บจานเปล่าและหันหลังเดินจากไป
“อืม ไว้เจอกันใหม่ในอีก 7 วันต่อมา”
หลินจิ่วเฟิง ได้กลับไปที่ลานของเขา
หลังจากท่องโลกภายนอกได้ไม่นาน หลินจิ่วเฟิง ก็พลาดการลงชื่อเข้าใช้สถานที่ในตำหนักเย็น โดยเฉพาะการใช้งานเตียงหยกน้ำแข็ง แม้ว่าเตียงหยกน้ำแข็งนี้จะไม่ได้มีผลต่อการบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้ แต่มันก็ให้ความรู้สึกสบายเวลานอน
มันทำให้จิตใจของเขาสงบมากขึ้น
หลินจิ่วเฟิง ได้นั่งอยู่บนนั้นและหลับตาบง
เขาวิ่งไปรอบ ๆ และชักกระบี่สังหารศัตรูในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาโดยไม่หลับนอน
จากทางใต้สู่ทางเหนือ หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยหยุดพัก
เขาเหนื่อยทั้งกายและใจ
ท้ายที่สุด เขาต้องไปเยี่ยมชสถานที่ต่าง ๆ 9 แห่ง ทั้งไปและกลับ
7 วันนี้เขาไม่ได้นอนเลยอีกทั้งยังใช้พลังปราณแท้จริงไปมหาศาล แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ และ มีพลังปราณที่มากดั่งมหาสมุทร แต่เขาก็ค้นพบว่ามันยังคงยากที่จะก้าวไปอยู่ดีหากไม่หยุดพัก
ดังนั้นเขาจึงได้นอนหลับสนิทบนเตียงหยกน้ำแข็งและพักผ่อนอย่างเงียบ ๆ
ครึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดหลินจิ่วเฟิงก็ฟื้นฟูสถานะสูงสุดของเขา
อย่างไรก็ตามกิจวัตรประจำวันของเขายังคงเหมือนเดิม
เขาวางแผนที่จะใช้เวลาตามปกติในการลงชื่อเข้าใช้ตำหนักเย็น
ในขณะนี้เอง-องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา-หลินเทียนหยวน ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูของตำหนักเย็น
“ท่านลุง”หลินเทียนหยวน ได้ผลักประตูของตำหนักเย็นเข้าไปและตะโกนขึ้นด้วยความเคารพ
“เจ้าควรจะจัดการกับงานราชกิจในราชสำนักและทำความคุ้นเคยกับพวกเขาในเวลานี้ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
“ท่านลุง เสด็จพ่อ...เขาไม่ไหวแล้ว”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่นและกล่าวถาม“เขามีเวลาอีกหนึ่งเดือนมิใช่หรือ?”
นี่เพิ่งผ่านไปเพียง 20 วันหลังจากนั้น
มันควรยังเหลือเวลาอีก 8-9 วันก่อนที่จักรพรรดิหยวนจะจากไป
“เสด็จพ่อได้สอนสั่งข้าเกี่ยวกับวิธีจัดการงานราชกิจทั้งกลางวันและกลางคืน เขาได้นอนดึกดื่นในทุกคืนและช่วยข้าอย่างพากเพียรตลอดหลายวันมานี้ แต่เช้าวันนี้ เขาได้ตกอยู่ในอาการโคม่าและไม่ได้สติตั้งแต่นั้นมา”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับอย่างเศร้าสร้อย
“หมอหลวงได้พยายามรักษาเขาอย่างสุดชีวิต แต่ทุกคนได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาได้มาถึงปลายทางของชีวิตแล้ว”
“ข้ามาขอให้ท่านลุงเดินทางไปพบเสด็จพ่อเป็นครั้งสุดท้าย”หลินเทียนหยวน ได้คุกเข่าลงและพูดด้วยสีหน้าหดหู่
เขารู้ว่าพ่อของเขาต้องการพบพี่ชายของตัวเองก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ
ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางมาเชิญ หลินจิ่วเฟิง เป็นการส่วนตัว
“กลับไปเคลียร์ทุกอย่างที่ห้องโถงเถอะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
ในช่วงเวลาสุดท้ายของน้องชายเขา หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนทั้งสองคน
“ตกลง ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เอง”หลินเทียนหยวนได้พยักหน้าและจากไปอย่างสุภาพ
เขารู้ว่า หลินจิ่วเฟิง ชอบสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ยิ่งมีผู้คนน้อยลงเท่าไหร่ยิ่งดี ดังนั้นเขาจึงกลับไปเคลียร์ห้องโถง
…
ห้องโถงใหญ่!
นี่คือจุดที่จักรพรรดิหยวนตกอยู่ในอาการโคม่า
เขากำลังสอน หลินเทียนหยวน เกี่ยวกับวิธีจัดการงานราชกิจของราชสำนักตราบจนวินาทีสุดท้ายที่เขายังมีสติ
เขาได้จดจำคำพูดของพี่ชายของเขาที่เคยพร่ำสอนเขาก่อนหน้านี้
การปกครองประเทศก็เหมือนกับการให้อาหารปลาตัวเล็ก!
ปัญหาเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลายร้อยล้านชีวิตในที่สุดจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่น่าตกใจในภายหลัง
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท
เขาทำงานตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตในห้องโถงใหญ่นี้
หลินเทียนหยวน เข้าใจอุปนิสัยพ่อของเขา นี่คือสาเหตุที่เขาไม่กวนใจจักรพรรดิหยวน
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของจักรพรรดิหยวน เขาวางแผนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปอย่างสงบในสถานที่ที่เขาคุ้นเคย
ผู้คนในห้องโถงถูกไล่ออกไปและถูกรับสั่งให้ยืนเฝ้าอย่างเงียบ ๆ
การรักษาความปลอดภัยนี้ถูกจัดวางด้วยระบบ 3 ชั้นในและ 3 ชั้นนอก
ใบหน้าของทุกคนกลายเป็นเคร่งขรึม
และภายในห้องโถง แสงไฟก็เริ่มสลัว ๆ และเบาบางลง
เช่นเดียวกับจักรพรรดิหยวน
เขาพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะประคองสติสุดท้ายนี้เอาไว้-เพียงเพื่อเขาจะได้เห็นพี่ชายของเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะจากไป
ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าอันมั่นคงได้ดังกึกก้องภายในห้องโถงใหญ่
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่จักรพรรดิหยวนที่หน้าซีดเซียว เขาเดินไปข้างหน้าและห่มผ้าให้กับอีกฝ่าย
เมื่อตอนพวกเขายังเด็ก นี่เป็นวิธีที่หลินจิ่วเฟิงดูแลจักรพรรดิหยวนในตอนนั้น
กระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต…
จักรพรรดิหยวนได้คว้ามือของหลินจิ่วเฟิงและพูดด้วยความหวังเดียวในดวงตาของเขา
“พี่ใหญ่ ข้าบรรลุหน้าที่ในฐานะจักรพรรดิแล้วหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวังใช่ไหม?”
ในท้ายที่สุด สิ่งที่จักรพรรดิหยวนสนใจก็คือพี่ชายของเขาจะผิดหวังในตัวเขาหรือไม่
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้สืบทอดตำแหน่งแทนพี่ชายของเขาเอง ในฐานะองค์รัชทายาท และต่อมาก็ได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ ภายในระยะเวลา 10 ปีสั้น ๆ เขาพยายามกำจัดขุนนางชั้นสูง แต่ก็ไม่ได้สำเร็จถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายของเขาเป็นคนช่วย
ดังนั้นเขากลัวว่าพี่ชายของเขาจะผิดหวัง
นี่คือสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด
ดังนั้นเขาจึงจับมือของ หลินจิ่วเฟิง ไว้แน่นมาก
แน่นมากจนมองเห็นเส้นเลือดสีเขียวใต้ผิวหนังที่มีรอยย่น
แต่ตัวเขาเอง-ดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักถึงมัน
ในสายตาของเขาตอนนี้ มีเพียงการรอคำตอบของ หลินจิ่วเฟิง เท่านั้น
หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยน
เขาได้เอนตัวเข้าไปใกล้จักรพรรดิหยวนและกล่าวกระซิบ“น้องข้า พี่ใหญ่คนนี้ภูมิใจในตัวเจ้า”
“เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จักรพรรดิหยวนก็ยิ้มออกมามือของเขาเริ่มคลายตัวลง
จากนั้นก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นในที่สุด
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา รัชสมัยหยวน ได้จบลงภายใน 15 ปี
จักรพรรดิหยวนได้สวรรคตแล้ว