376 - เข้าสู่เส้นทางอำนาจ
376 - เข้าสู่เส้นทางอำนาจ
เมื่อสั่งการทุกอย่างเสร็จสิ้นจักรพรรดิก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์กวางต่อ เขาเดินกลับไปที่รถมาด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เอี้ยนลี่เฉียงยังคงมึนงงหลังจากที่จักรพรรดิจากไป
“ลี่เฉียง ตอนนี้เจ้ากลายเป็นหุ้นส่วนกับข้าในคฤหาสน์กวางแล้ว!” หลิวกงกงหันศีรษะไปรอบๆและกล่าวสัพยอกเอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ
เอี้ยนลี่เฉียงกวาดสายตามองทหารทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ซึ่งกำลังมองเขาด้วยความอิจฉา ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าข่าวของเรื่องนี้จะกระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง
“ข้าน้อยไม่กล้ากงกง! ความสัมพันธ์ของเราจะยังคงเหมือนเดิม แน่นอน
ข้าเป็นเพียงคนหยาบกร้านที่ไม่รู้อะไร สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับข้าคือการฝึกฝนเท่านั้น หลังจากนี้เรื่องทุกอย่างในคฤหาสน์กวางยังคงเป็นหน้าที่ของกงกง!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจ
หลิวกงกงหัวเราะอย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าการสนับสนุนเด็กคนนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ
……
“อาจารย์สอนยิงธนูของรัชทายาท?”
ในตอนเย็นหลินชิงเทียนมองดูรายงานในมือของเขาและขมวดคิ้วด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ท่านอัครเสนาบดีการแต่งตั้งเอี้ยนลี่เฉียงของฝ่าบาทครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เอี้ยนลี่เฉียงที่เป็นเพียงเด็กต่ำต้อยกลับกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเมืองหลวงในช่วงค่ำคืน
การกระทำของฝ่าบาทไม่เพียงแต่เป็นการตบหน้ากรมอาญาเท่านั้น แต่เป้าหมายชัดเจนในครั้งนี้คงน่าจะเป็นท่านอัครเสนาบดีมากกว่า…” กู่ชุนยี่เจ้ากรมอาญากล่าวด้วยความไม่พอใจ
หลินชิงเทียมขมวดคิ้วแล้วจึงกล่าวว่า
“วันหนึ่งรัชทายาทจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ปกครองทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรฮั่น
การแต่งตั้งอาจารย์ของรัชทายาทไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตระกูลจักรพรรดิเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงทุกชีวิตในอาณาจักร เรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้งในท้องพระโรงพรุ่งนี้…”
เสนาบดีกรมอาญาพิจารณาคู่หนึ่งก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านอัครเสนาบดีพูดถูกต้องแล้ว…”
…………
ดินแดนสวรรค์ วันที่สี่ 4 ของเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติในปีที่ 17 ของรัชกาลหยวนผิง…
หลังจากเกือบสามเดือนของการเดินทางที่ยากลำบาก ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงและคณะก็เดินทางมาถึงแคว้นล่าย ซึ่งในเวลานี้ก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงสวมถุงมือหนาเตอะในขณะเดียวกันเขาก็ยังรู้สึกเหน็บหนาวเป็นอย่างมาก
ทางหลวงค่อนข้างว่างเปล่าและมีหิมะหนามากกว่าหนึ่งจ้างแล้ว ม้าแรดก็เริ่มเดินช้าลง การเดินทางอันยาวนานนี้ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
แม้ว่าจะเผชิญอันตรายมากมายในระหว่างทาง แต่ในช่วงที่เอี้ยนลี่เฉียงกลายเป็นผู้นำขบวนกลับโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตเลย
“พี่น้องทุกท่านพรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับถึงนิกายแล้วแสดงความกระฉับกระเฉงออกมาหน่อย …!” เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนปลุกเร้าอารมณ์ของทุกคน
ในขณะนี้ ตำแหน่งของเอี้ยนลี่เฉียงมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่ง เขากลายเป็นแกนหลักของขบวนที่ทุกคนให้ความเคารพอย่างสูง และเมื่อได้ยินเสียงของเขาหัวหน้าขบวนคนอื่นก็ตะโกนสำทับทันที
“มีกำลังใจหน่อย พรุ่งนี้ก็จะได้พักผ่อนแล้ว…!”
เสียงตะโกนของหัวหน้าผู้คุ้มกันปลุกเร้าความตื่นเต้นของทุกคนขึ้น
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าที่แคว้นล่ายมีความเปลี่ยนแปลงมากกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนพอสมควร ในตอนที่คณะพวกเขาออกเดินทางก่อนหน้านี้แม้จะมีจุดตรวจดูบ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับตอนนี้
เมื่อทหารตามจุดตรวจเห็นกลุ่มของเอี้ยนลี่เฉียงพวกเขาก็มีความตื่นตัวขึ้นมาทันที
"เกิดอะไรขึ้น? บริเวณนี้ไม่น่าจะมีจุดตรวจ…?” หวังฮุ่ยเร่งเร้าม้าแรดของเขาให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อตีคู่กับเอี้ยนลี่เฉียงแล้วถามว่า
“หัวหน้าจะให้ข้าล่วงหน้าไปสอบถามเรื่องราวก่อนหรือไม่…?”
ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ทุกคนได้ประสบอันตรายหลายรูปแบบ ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่งที่จะพาขบวนเข้าไปหากองทหาร
เอี้ยนลี่เฉียงถอดถุงมือออกแล้วกล่าวว่า
“ไม่จำเป็น พวกเขาสังเกตเห็นเราแล้วหากพวกเราเดินทางไปที่นั่นด้วยความระมัดระวังมากเกินไปจะสร้างความหวาดระแวงให้กับพวกเขา
จะอย่างไรซะนี่ก็เป็นที่ตั้งของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดควบคุมเราได้ต่อให้เป็นราชสำนักก็ตาม!”
"หัวหน้ากล่าวถูกต้องแล้ว!"
เมื่อคำสั่งถูกตะโกนออกไปคนที่ด้านหลังก็เดินทางเข้าหาจุดตรวจอย่างรวดเร็ว
“หยุดอยู่ตรงนั้น ลงจากหลังม้าเพื่อรอการตรวจสอบ…!” เมื่อขบวนอยู่ห่างจากจุดตรวจประมาณห้าสิบก้าวก็มีทหารมากมายที่เล็งธนูมาในทิศทางของพวกเขา
เอี้ยนลี่เฉียงยกมือขึ้นให้ขบวนทั้งหมดหยุดการเคลื่อนไหวจากนั้นพวกเขาก็ลงจากหลังม้า
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกสงสัยมากเพราะตามปกติแล้วกองทัพของจักรวรรดิฮั่นจะแต่งกายด้วยชุดเหลือง แต่ในครั้งนี้ทหารที่ตั้งจุดตรวจล้วนสวมชุดดำและท่าทางของพวกเขาไม่เหมือนกับกลุ่มโจร
“พวกเจ้ามาจากไหน และมีธุระอะไรกับแคว้นล่าย?” ชายที่ดูเหมือนผู้นำห้อยกระบี่ไว้ที่เอวแล้วขี่ม้าเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียง
“พวกเราเป็นคนของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์!”
เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวถึงต้นสังกัดออกมาเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
“พวกเรามาจากจินหลิงและพวกเรากำลังกลับสู่นิกาย!”
"อะไร? พวกเจ้าคือกลุ่มผู้พิทักษ์ซีไห่ใช่หรือไม่?” ชายที่ดูเหมือนผู้นำประหลาดใจเล็กน้อย
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกสงสัยอยู่บ้างแต่เขาก็ชูป้ายประจำตัวของตัวเองขึ้น
"อา ไม่มีความผิดพลาด ทุกคนที่อยู่ที่นี่คือพี่น้องของเรา!” ทุกคนโล่งใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนั้น
อย่างไรก็ตาม เอี้ยนลี่เฉียงกลับรู้สึกงงๆเป็นอย่างมาก หรือว่าจุดตรวจนี้ถูกตั้งขึ้นโดยนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆชายคนนั้นดูเหมือนจะจำบางอย่างได้
เขากวาดสายตาไปทั่วเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆ จากนั้นจึงกระซิบคำสองสามคำกับผู้นำของเขาอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าคือกลุ่มคนที่ไปส่งอาวุธให้กับกองทัพวายุทมิฬหรือไม่?”
“ถูกต้องแล้ว” เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างใจเย็น
"อา…!" ดวงตาของหัวหน้าเบิกกว้างขึ้นทันทีขณะที่เขามีสีหน้าตกใจ หลังจากดูเอี้ยนลี่เฉียงอย่างระมัดระวังสักครู่เขาก็กล่าวขึ้นว่า
“เจ้าคือกลุ่มของหัวหน้าเฟิง?”
“ใช่แล้วหัวหน้ากลุ่มของเราแซ่เฟิง!”
ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“เร็ว ไปแจ้งนิกายว่าผู้พิทักษ์ซีไห่ที่ทำภารกิจคุ้มกันที่จินหลิงได้กลับมาแล้ว…!”
"เกิดอะไรขึ้น?"
“โปรดยกโทษให้เราด้วย เราได้รับคำสั่งจากจ้าวนิกายบอกว่าหากพวกท่านกลับมาให้รายงานเรื่องนี้ในทันที!”
“พวกเจ้าทั้งหมดมาจากนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ?” เอี้ยนลี่เฉียงถามด้วยความสงสัย
"ใช่ปัจจุบันนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเราตั้งตัวเป็นใหญ่ในแคว้นล่ายแล้ว…” ผู้นำตอบอย่างภาคภูมิใจ