25 - ทางเลือก
25 - ทางเลือก
"ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของ ... เชื่อหรือไม่เชื่อ แต่คุณเป็นผู้ต้องสงสัยไม่ผิดแน่นอน" เคดที่อยู่ข้างๆกระซิบออกมาเบาๆ
ผังป๋อจ้องตาของเขาทันทีและพูดว่า
"แกหมายถึงอะไรปีศาจผมเหลือง แกคิดว่าฉันจะตีแกไม่ตาย"
“เปล่า ฉันก็แค่วิเคราะห์ตามรูปกัน ฉันไม่ได้บอกว่าเขาเป็น ... ฆาตกร แต่ด้วยข้อเท็จจริงตอนนี้เขาคือผู้ต้องสงสัยที่มีความเป็นไปได้สูงสุด” เคดพูดออกมาอย่างจริงจัง
"สิ่งที่หลิวหยุนจื่อพูด ... สมเหตุสมผลแล้ว เย่ฟ่านมีแรงจูงใจในการทำเรื่องนี้ มิหนำซ้ำเขายังนั่งอยู่ข้างๆคนตาย ... "
แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่ราบรื่น แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร คำพูดของเขาก็เป็นเหมือนกับคำพูดของคนอเมริกันที่ยึดถือความยุติธรรมเป็นที่ตั้งโดยไม่มีอารมณ์เกี่ยวข้อง
“ปีศาจผมเหลืองแกนี่มันไร้หัวใจจริงๆ!”
"อะไรคือ ... ปีศาจ?" เคดงงงวยและพูดว่า "ฉันได้ยินนายพูด…...หลายครั้งแล้วมันหมายความว่าอะไร"
“เจ้าขยะฉันขี้เกียจคุยกับแกแล้ว” ผังป๋อไม่โกรธเคด แต่หันกลับมามองหลี่เสี่ยวม่านแล้วกล่าวว่า
“ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย หรือเธอคิดว่าเย่ฟ่านเป็นคนฆ่าเขาจริงๆ”
หลี่เสี่ยวม่านลูบผมของตัวเองเบาๆแล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
"ถ้าถามฉันฉันไม่คิดว่าเย่ฟ่านเป็นฆาตกร แต่ถ้าพูดตามหลักฐานแล้วเขาก็คือคนที่น่าสงสัยที่สุด... "
“หลี่เสี่ยวม่าน!” ผังป๋อโกรธมากจึงตะโกนออกมาอย่างรุนแรง
“ฉันหมดหวังกับเธอจริงๆ ฉันนึกว่าเธอจะเป็นคนแรกที่เชื่อมั่นในตัวเขา ถึงพวกเธอจะเลิกกันไปแล้วแต่ไม่คิดว่าเธอจะฉวยโอกาสทำร้ายเขาแบบนี้”
“ฉันก็แค่พูดถึงข้อเท็จจริงเท่านั้น”
หลี่เสี่ยวม่านสงบมาก จากนั้นเธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวเสริมว่า
“ฉันไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ใครเลย ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฆาตกรกล้าที่จะลงมือดังนั้นพวกเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น นี่ไม่ได้หมายถึงเย่ฟ่านคนเดียวเท่านั้น ฉันคิดว่าทุกคนที่ครอบครองวัตถุวิเศษล้วนสามารถทำเรื่องนี้ได้ทั้งสิ้น”
ผังป๋อไม่รอให้เธอพูดจบเขาก็ขัดคอขึ้นว่า
“ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังคงยืนยันว่าเย่ฟ่านเป็นผู้ต้องสงสัย เธอไม่เคยเชื่อเขาอยู่แล้วจะพูดให้มันยืดยาวทำไม! ฉันรู้สึกผิดหวังกับเธอมาก เสียแรงที่พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี?”
“ฉันไม่สามารถเรียกร้องให้นายเชื่อได้ ยังไงนายกลับเย่ฟ่านก็เป็นเพื่อนกันมานานเป็นธรรมดาที่จะเข้าข้างเขา”
ในเวลานี้เสียงที่ประหม่าและเกือบจะเป็นเสียงกระซิบก็พูดขึ้นว่า
"ฉัน ... ฉันเชื่อเย่ฟ่าน ฉันเชื่อเขา ... เขาไม่ใช่ฆาตกร"
เพื่อนร่วมชั้นหญิงที่น่าสงสารคนนั้นก้าวออกมาแล้วยืนอยู่ข้างหลังของเย่ฟ่าน
เด็กสาวที่เคยเต็มไปด้วยความสุขและความร่าเริงได้เปลี่ยนเป็นคนน่าสงสารในเวลาเพียงไม่กี่ปี
เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่เคยเชื่อเย่ฟ่านก็เพราะการกระทำของเขาในงานปาร์ตี้เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนขนาดนั้นจะฆ่าคนอื่นได้อย่างไร
ผังป๋อก็เป็นเหมือนกับเย่ฟ่านที่มีความเป็นห่วงเธอ ในอดีตพวกเขาเป็นนักกีฬาดังนั้นจึงเคยได้รับการดูแลของเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนนี้
“อี่อี้ ขอบคุณ!” เย่ฟานยิ้มและพยักหน้าให้เธอ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันคิดว่านายอาจจะฆ่าคนอื่นได้แต่ไม่คิดว่าจะฆ่าเพื่อนได้ลงคอหรอกนะ…” เสียงของหลิวอี่อี้อ่อนลงและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเขินอาย
“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้อีก?” หลี่ฉางชิงไม่พอใจแล้วตะโกนขึ้นมาว่า
"นอกจากเย่ฟ่านแล้วใครในพวกเราที่มีแรงจูงใจในการฆ่าเขา"
เพื่อนนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหลิวหยุนจื่อก็กล่าวขึ้นอีกว่า
“เย่ฟานพวกเรารู้จักกันมา 4 ปีแล้วนายทำแบบนี้ได้อย่างไร!”
“ฉันจะพูดอีกครั้งนะว่าฉันไม่เคยฆ่าใคร” เย่ฟ่านยังคงมีความสงบอย่างยิ่ง เขามองไปที่เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนนั้นแล้วพูดว่า
“เธอสงสัยฉันก็ไม่เป็นไร แต่การที่เธอพยายามใส่ร้ายฉันอยู่ตลอดเวลาหมายความว่ายังไงกันแน่”
“ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้วนายยังจะปฏิเสธ นายนั่งอยู่ข้างเขาตั้งแต่พวกเราเข้ามาในโลงศพทำแดงแล้วจะเป็นคนอื่นได้ยังไง!”
ผังป๋อเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเขาก็ตอบโต้ออกไปว่า
"เหตุผลของเธอมันไร้สาระสิ้นดี ตั้งแต่เรียนจบเธอกับหลิวหยุนจื่อก็แยกทางกันไป ในเวลานี้เธอพยายามอย่างเต็มที่คิดว่าเขาจะหันกลับมาสนใจเธอหรือไง? "
“นาย นายเป็นคนที่เลวระยำจริงๆ!” ผิวหน้าของเพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้นซีดเผือด เธอชี้หน้าผังป๋อและยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
“เลวระยำแล้วยังไง เธอพูดสิว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่เป็นความจริง!” ผังป๋อตะโกนออกมาอย่างเจ็บแสบ
"นาย ... " เพื่อนนักเรียนหญิงตัวสั่นและพูดไม่ออก
ใบหน้าของหลิวหยุนจื่อมืดมนและพูดว่า
"พอแล้ว นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมผังป๋อ?"
ไม้เท้าวัชระของเขากระแทกพื้นอีกครั้ง หากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆคงไม่มีอาวุธของใครที่สามารถสู้กับไม้เท้าวัชระของเขาได้
ผังป๋อไม่ได้แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย เขายังคงพูดออกมาว่า
“เย่ฟ่านไม่ใช่ฆาตกร ถ้านายยังพยายามใส่ร้ายเขาอยู่เห็นทีพวกเราคงต้องสู้กันจริงๆ”
สายตาของเย่ฟ่านเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ เขากวาดตามองเพื่อนร่วมชั้นทุกคนแล้วพูดว่า
"ฉันเย่ฟ่านไม่เคยฆ่าใครพวกนายจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่"
ในเวลานี้คนที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเย่ฟ่านและผังป๋อมีหกคนซึ่งถือเป็นจำนวนที่แทบจะครึ่งหนึ่งของคนที่เหลือรอดชีวิตอยู่
หลินเจี๋ยก็เดินมายืนอยู่ด้านหลังของเย่ฟ่านแล้วพูดว่า
“ฉันไม่คิดว่าเย่ฟ่านจะเป็นฆาตกรหรอกนะ …”
หลี่ฉางชิงที่เห็นท่าทางของเธอยิ่งแสดงความไม่พอใจออกมา
"นอกจากเขาแล้วจะเป็นใครได้อีก?"
ผังป๋อจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า
“ถ้าแกยังกล้าใส่ร้ายเย่ฟ่านอีก ระวังแผ่นป้ายของฉันจะทุบเข้าที่ใบหน้าของแก?”
“มาเลย เธอคิดว่าฉันจะกลัวแก!” หลี่ฉางชิงยังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ใบหน้าของเขาบวมเป่งจากการถูกกำปั้นของผังป๋อในตอนที่อยู่บนแท่นบูชาห้าสี
“ฉันก็เชื่อว่าเย่ฟ่านไม่ใช่คนแบบนั้น” ในเวลานี้หวังจื่อเหวินก็เข้ามาและเลือกที่จะเชื่อเย่ฟ่าน
โจวยี่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบก็กล่าวขึ้นเช่นกันว่า
"บางทีไม่แน่ว่าเราทุกคนอาจจะไม่มีใครฆ่าเขาเลยด้วยซ้ำ และฉันก็ไม่เชื่อว่าเย่ฟ่านจะเป็นคนลงมือ"
ในขณะนี้คนส่วนใหญ่อยู่ข้างเย่ฟ่าน เย่ฟ่านรู้ดีว่าบางคนก็เชื่อเขาด้วยความจริงใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนรู้สึกหวาดกลัวต่อไม้เท้าวัชระของหลิวหยุนจื่อและไม่ต้องการอยู่ใกล้เขา
“ฉันบอกเลยถ้าไม่ใช่เย่ฟ่านก็ต้องเป็นผังป๋อ?” หลิวหยุนจื่อตะโกนออกมาด้วยความเย็นชาพร้อมกับถือไม้เท้าวัชระเดินเข้าหาเย่ฟ่าน
“แกคิดว่าแผ่นป้ายทองแดงของฉันไม่เรืองแสงแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ มาดูกันเถอะว่าของวิเศษของฉันจะหมดพลังแล้วจริงๆหรือเปล่า!”
ใบหน้าของหลิวหยุนจื่อมืดมนเป็นอย่างมาก แต่สถานการณ์ตอนนี้เขาถอยหลังไม่ได้แล้วดังนั้นเขาจึงถือไม้เท้าวัชระเดินเข้าหาผังป๋อ!
เย่ฟานคว้าตัวผังป๋อไว้แล้วกล่าวว่า
"ถ้าฉันบอกว่าฆาตกรไม่ใช่พวกเราทุกคนล่ะ"