ตอนที่24 สามพี่น้องรวมพลัง
ตอนที่24 สามพี่น้องรวมพลัง
อีกสองพี่น้องเข้าใจได้ในบัดดลว่าพี่ใหญ่ของพวกเขากำลังหมายความอย่างไร ทั้งคู่รีบปล่อยมือออกจากด้ามดาบ ตีลังกากลับหลังในขณะอึดใจเดียวกัน เย่เจวี๋ยกวาดเท้าวาดออกไปกลางเวหา กล่าวได้ว่าทั้งสามหลบท่าเท้าคมวายุหมุนของเขาได้อย่างฉิวเฉียด ปาดผ่านปลายจมูกอีกนิดเดียวเกือบถึงฆาต เย่เจวี๋ยใช้ดาบใหญ่ทั้งสามขึ้นเหยียบเพื่อทรงตัว ก่อนจะร้อนลงพื้นอย่างสวยงาม มุมปากพลันกระตุกยิ้มบางๆ
คล้อยหลังจากนั้นเย่เจวี๋ยปราศจากถ่วงท่าการเคลื่อนไหวใดอื่น ราวกับว่ากำลังยืนรอรับกระบวนโจมตีสามผสานของสามพี่น้อง ซึ่งนี่สร้างความผ่อนคลายอย่างมากให้แก่เฉี่ยวเอ๋อที่กำลังเฝ้ามองดูอยู่
สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานย่อมไม่นิ่งเฉย ตอนนี้ร่งเข้าปิดล้อมเย่เจวี๋ยจากสามทิศทางอีกครา และเริ่มกระบวนโจมตีต่อเนื่องเป็นคำรบสอง ครั้งนี้เป็นกำปั้นเหล็กกล้า สามผสานพวยพุ่งเข้าใส่เย่เจวี๋ยเป็นค่ายกลสามเหลี่ยมสามมุม ดูทรงแล้วเย่เจวี๋ยไม่มีทางเลี่ยงหลบค่ายกลปิดตายนี้ได้เลย
อย่างไรเสีย เย่เจวี๋ยเข้ารับปะทะกำปั้นเบื้องหน้าของหยินตงซานโดยตรง ส่วนกำปั้นของหยินเอ๊อร์ซงจากทิศซ้ายมือ เย่เจวี๋ยตั้งศอกเข้าชน และกำปั้นปิดท้ายจากทางขวาของหยินซานซง เย่เจวี๋ยเพียงเอียงคอหลบและเข้าหนีบแขนแน่นไม่มีปล่อย
กล่าวได้ว่าสามารถรีดประสิทธิภาพของร่างกายในส่วนต่างๆ ออกมาได้ถึงขีดสุด
ในชั่วขณะเดียวกัน เพียงเย่เจวี๋ยขยับตัวบิดแขนตีศอกออกไป สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานก็ถึงกับถูกแรงผลักสวนจนล่าถอยออกไป เนื่องด้วยทั้งสามโอนถ่ายน้ำหนักโถมเข้าสุดกับการโจมตีดันกล่าว เมื่อโดนผลักสวนกลับไปกะทันหันจนเกิดเสียการทรงตัวทันที เย่เจวี๋ยระเบิดประเคนลูกแตะกวาดทั้งสามซ้ำอีกระลอก ซัดร่างสามพี่น้องจนบินกระเด็นออกไปไกล
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างชัดแจ้ง สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานโดนเย่เจวี๋ยเตะจนร่างปลิวกระเด็นดระดอนกลางเวหา ก่อนจะตกกระแทกพื้นลากออกไปเป็นทางยาวประดุจว่าวไร้ซึ่งสายเชือกดึง
เสียตะกระแทกดังขึ้นสามจุดโดยพร้อมเพรียง พื้นดินบริเวณดังกล่าวกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่อยู่สามแห่ง ซึ่งสามพี่น้องนอนแน่นิ่งไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน นอนบิดๆ เบี้ยวๆ คร่ำครวญอยู่แบบนั้นไม่หยุดหย่อน
“โอ๊ย...เอวข้า...”
“นี่นายน้อยเย่จะเล่นถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยรึ?”
“เจ็บๆๆ ...หน้าอันหล่อเหลาของข้า...”
เจ้ากุ้งแห้งที่เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาพยุงร่างของสามพี่น้องขึ้นมา
“พวกเจ้าก็พูดเกินจริงไป นี่ข้าใช้แรงแค่สี่ในสิบส่วนเอง”
เย่เจวี๋ยยกมือเกาหัวแกร๊กๆ ไปทีหนึ่งและบ่นพึมพำกับตัวเองว่า
“หากข้าเอาจริง พวกเจ้าไม่ตายเลยรึไง?”
“ข่างเถอะ ข่างเถอะ... หากพวกเจ้าสู้ต่อไม่ไหว ก็ไปแช่อ่างสมุนไพรสักรอบก่อน แล้วค่อยมาต่อกัน”
เมื่อได้ยินว่าเย่เจวี๋ยยังคงจะฝึกซ้อมฝีมือต่อ สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานก็อดคร่ำครวญมิได้อีกครา
หากให้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างเย่เจวี๋ยกับพวกเขาทั้งสามแล้ว มันช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว อันที่จริงพวกเขาเองก็ตระหนักได้เช่นกันว่า ต่อให้นายน้อยเย่ใช้เพียงนิ้วเดียว ก็สามารถคว่ำพวกเขาให้นอนหมดสภาพได้ไม่ยาก
เจ้ากุ้งแห้งกับเฉี่ยวเอ๋อรีบสามพี่น้องไปลงแช่อ่างสมุนไพรทันที ส่วนเย่เจวี๋ยก็ถอดเสื้อครึ่งบนนั่งเข้าฌานอาบแสงตะวันตรงลานกว้างด้านหลังเรือนต่อไป หากเขายังสามารถฝึกฝนจากประสบการณ์การต่อสู้จริงได้เรื่อยๆ เขามั่นใจอย่างมากว่าจะต้องเลื่อนระดับชั้นได้สำเร็จแน่นอน
ครึ่งวันผ่านไป สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากแช่อ่างสมุนไพรไป แต่พอเดินทางมาถึงลานประลองหยุดอยู่ตรงหน้าเย่เจวี๋ย พวกเขาก็พลันแปลกใจขึ้นมา ไฉนถึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงมวลลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนายน้อยเย่ได้เลย?
“ไยพวกเจ้าทำให้แตกตื่นปานนี้? มาเถิด ครั้งนี้ข้าจะไม่ใช่ลมปราณเข้าต่อสู้ มีเพียงกระบวนท่าร่างล้วน”
เย่เจวี๋ยเอ่ยปากกล่าวขึ้น
ตัวเขาในตอนนี้ต้องหาวิธีอะไรสักอย่าง เพื่อจะได้ต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสี ต้องนำชีวิตเข้าเสี่ยงกับอันตรายเท่านั้นถึงจะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งตัวเองได้ เพราะการจะรีดศักยภาพของมนุษยให้ถึงขีดสุดได้ จำเป็นต้องเผชิญหน้าหรือเข้าใกล้ความตายให้ได้มากที่สุด ในช่วงชีวิตก่อนหน้า ตัวเขาเป็นถึงจักรพรรดิเทพสายฟ้า เรื่ององค์ความรู้ทักษะการต่อสู้ รวมไปถึงประสบการณ์การต่อสู้เองก็ไม่ต้องพูดถึงมามีล้นเหลือเท่าไหร่แล้ว เพียงแต่ร่างกายใหม่ในชีวิตนี้ตัวเขายังไม่คุ้นเคยมากเพียงพอ ดังนั้นจึงต้องใช้โอกาสที่มีอยู่ รีดเร้นศักยภาพสูงสุดของร่างกายออกมาให้ได้ สร้างความเชี่ยวชาญให้แก่มวลกล้ามเนื้อทั่วร่างทุกอณูขุมขนและซึบซับมันให้ได้มากที่สุด วิธีนี้เท่านั้นเขาจึงจะสามารถควบคุมร่างกายใหม่นี้ได้อย่างใจนึก
ดังนั้นแล้ว ตัวเขาจำเป็นต้องเข้าใกล้ความตายให้ได้มากที่สุด กล่าวได้ว่ายิ่งเสี่ยงยิ่งดี
สามพี่น้องพยักหน้าและยกดาบยักษ์สาดประกายสีเย็นเข้าฟาดฟันเย่เจวี๋ยทันที หยินเอ๊อร์ซงอยู่ทางซ้าย หยินซานซงอยู่ทางขวา ส่วนหยินต้าซงเข้าประจัญบานอยู่เบื้องหน้า นี่เป็นรูปแบบค่ายกลใหม่ล่าสุดที่พวกเขาทั้งสามเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้ ใช้สำหรับต่อกรกับเย่เจวี๋ยโดยเฉพาะ
โดยจะให้หยินซานซงเปิดฉากเข้าร่ายกระบวนดาบใส่ก่อน และอีกสองคอยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของเย่เจวี๋ย ยามใดที่เปิดช่องโหว่ ยามนั้นเข้าจัดการบัดดล ถึงจะลอบหลบได้ถึงสองคมดาบ แต่อย่างน้อยต้องมีเสียท่าให้ดาบสุดท้ายกันบ้าง
ค่ายกลสามผสานนี้ได้ทุกรุกและรับนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เมื่อต้องเข้าเผชิญหน้ากับค่ายกลไร้ที่ตินี้ เย่เจวี๋ยก็ปราศจากทางเลือกอื่นนอกใช้กลยุทธ์เชิงรับป้องกันตัวเอง และค่อยๆ หาช่องล่าถอยออกไป ทว่าสามพี่น้องเองก็รุกคืบเข้าหาตามมาติดๆ ไล่ล่าเย่เจวี๋ยดั่งเงาตามติด
ไม่ว่าเย่เจวี๋ยจะร่นถอยไปทางไหน แต่ทั้งสามก็พุ่งเข้าใส่ทันทีในทิศทางนั้น รอจนกว่าจะจนมุมค่อยเข้าเผด็จศึกในคราวเดียว ค่ายกาลนี้ขอเรียกมันว่า ค่ายกล สามพี่น้องลมกรด
เป็นดั่งคาดไม่มีผิด เย่เจวี๋ยร่นถอยออกไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ติดมุมกำแพง เมื่อสามพี่น้องเห็นดังนั้นก็ตะโกนลั่นให้สัญญาณเข้าเผด็จศึสามผสานคมดาบอย่างสุดกำลัง
อย่างไรเสีย แทนที่เย่เจวี๋ยจะหาวิธีป้องกันรับมือ หรือรีดเร้นลมปราณทั่วกายาผนึกเป็นเกราะ เขากลับหันหลังให้คมดาบยักษ์ทั้งสาม วิ่งไต่กำแพงหินตีลังกากลับหลังออกไปแทน เย่เจวี๋ยพลิกตัวกลางอากาศ ยกเท้าแตะเสยทั้งสามอย่างแรง
ทั้งหยินเอ๊อร์ซงและหยินซานซงที่อ่อนประสบการณ์กว่าต้านรับไว้ไม่ทัน ก็โดนลูกเตะของเย่เจวี๋ยเสยหน้าจนล้มคะมำ และเป็นหยินต้าซงเพียงคนเดียวที่รีบทิ้งดาบ ยกสองมือขึ้นมาปีดป้องได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่วายพลาดท่าโดนเย่เจวี๋ยชกเข้ากลางลิ้นปี่จนร่วงลงเป็นรายที่สาม
สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานสิ้นท่าอีกครั้ง
ค่ายกล ‘สามพี่น้องลมกรด’ ได้ถูกเย่เจวี๋ยแก้ทางไปอย่างง่ายดาย
และก็เป็นเหมือนเดิม เจ้ากุ้งแห้งกับเฉี่ยวเอ๋อราวกับรู้งาน รีบไปเตรียมอ่างสมุนไพรให้ทั้งสามกลับไปแช่อีกครั้ง จากนั้นก็กลับมาฝึกฝนใหม่กับเย่เจวี๋ย ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สามพี่น้องก็โดนเย่เจวี๋ยอัดเละกลับมาไม่เป็นท่า ทว่าอย่างไร สามพี่น้องเองก็ใช่ว่ามีแต่เสีย พวกเขาค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับความแข็งแกร่งของเย่เจวี๋ยได้ทีละเล็กละน้อย ฝีมือของแต่ละคนเริ่มพัฒนาการ ทำให้ยืนหยัดต่อสู้ได้นานขึ้นเป็นลำดับ
ซึ่งหาใช่ว่าเย่เจวี๋ยจะรังแกพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียว บางครั้งเขายังสอนกระบวนการต่อสู้และเคล็ดวิชาใหม่ๆ ให้พวกเขาลองไปปรับใช้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียวหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป ภายใต้การฝึกฝนอันแสนเข้มข้นตลอดหนึ่งเดือนเต็มกับเย่เจวี๋ย รัศมีกลิ่นอายความแข็งแกร่งของสามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานแตกต่างจากก่อนหน้าลิบลับ เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสามทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรนภาม่วงได้เรียบร้อย!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระดับพลังบ่มเพาะของเย่เจวี๋ยจะเพิ่มขึ้นมากเพียงใดในระยะหนึ่งเดือนมานี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่สามารถเลื่อนระดับชั้นได้อยู่ดี