80Y-ตอนที่ 22 กำจัดเหล่าขุนนางชั่ว
หลังจากช่วยจักรพรรดิหยวนยืดอายุขัยไปได้ 1 เดือน หลินจิ่วเฟิง ก็กลับไปที่ตำหนักเย็น
เขาบอกว่าจะมอบของขวัญให้กับจักรพรรดิหยวน
เขาจะต้องทำตามคำพูดที่ให้ไว้
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เคยออกจากเมืองหลวงราชวงศ์มาก่อน!”
เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า 10 ปี และอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นตลอดเวลา
เขาไม่เคยเที่ยวรอบเมืองหลวงราชวงศ์แม้แต่ครั้งเดียว นับประสาอะไรกับโลกภายนอก
“ขุนนางทั้ง 9 มีรกรากอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำลายพวกเขา ข้าจะต้องเริ่มจัดการพวกมันทีละคน”
ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของดินแดนปกครองที่ขุนนางทั้ง 9 ครอบครองได้ปรากฏขึ้นในใจของ หลินจิ่วเฟิง
ขุนนางที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุดก็คือ ราชาเทียนหยิง ใน ฉิงโจว
เชื้อสายของเขาเคยต่อสู้เคียงข้างกับจักรพรรดิผู้ก่อตั้งของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ดังนั้นเมื่อสร้างราชวงศ์ขึ้นได้สำเร็จ เพื่อเป็นรางวัล พวกเขาได้รับมอบหมายให้จัดการดูแลมณฑลฉิงโจวและได้รับอำนาจในการดูแลกองทัพ 100,000 นาย
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ถูกมองว่าเป็นคอขวดที่ใกล้กับเมืองหลวงของราชวงศ์มากที่สุด มันจะเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากในการจัดการ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความคิดเรื่องการก่อกบฏก็เพิ่มขึ้นในใจของบรรพบุรุษของราชาเทียนหยิง เขาได้ควบคุมกองทัพฉิงโจวทั้งหมดและจัดการกับประชาชนของเขาโดยพลการ จากนั้น ก็เปลี่ยน ฉิงโจว ให้เป็นประเทศส่วนตัวของเขา
เขาเป็นข้าราชบริพาร แต่กลับเปลี่ยนชะตากรรมของประชาชนเหล่านั้นให้กลายเป็นข้าราชบริพารของเขาเอง
“เริ่มจาก ฉิงโจวก่อน”
หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดประตูตำหนักเย็นและเดินออกไปพร้อมกับกระบี่ของเขา
ฉิงโจวอยู่ห่างออกไปมากกว่า 10,000 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ หลินจิ่วเฟิง เขาได้ทะยานขึ้นไปบนอากาศทันที
“ข้าจะทำลายขุนนางชั่วทั้ง 9 ภายใน 7 วันหลังจากกลับมา ก็คงถึงเวลาที่ต้าชุนจะส่งไวน์องุ่นและอาหารมาให้”หลินจิ่วเฟิง ได้คำนวณในใจขณะที่เขาหายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
…
ฉิงโจว
เนื่องจากสถานที่นี้อยู่ใกล้กับเมืองหลวงราชวงศ์มากที่สุด ราชาเทียนหยิง จึงเป็นคนแรกที่ได้รับข่าว
เช้าตรู่ เขาได้รับข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน
หลังจากเปิดอ่านข้อมูลนี้เขาก็ตกตะลึง
“เป็นไปได้ยังไง?”หลังจากเวลาผ่านไปนาน ราชาเทียนหยิง ก็ฟื้นคืนสติกลับมาและบดขยี้จดหมายในมือด้วยร่างกายที่สั่นเทา
“ปราชญ์การต่อสู้ 9 คน ไม่ใช่ ปรมาจารย์ทั้ง 9 เหตุใดพวกเขาถึงถูกกำจัดด้วยการฟาดฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้หลบซ่อนตัวอยู่ในราชวงศ์งั้นหรือไม่?”ราชาเทียนหยิง เริ่มกังวล
“บรรพบุรุษของข้าได้ตายไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดี?”
“ข้าไม่สามารถนั่งเฉยรอที่จะถูกฆ่าได้ จักรพรรดิหยวน ย่อมใช้โอกาสนี้ในการบดขยี้ข้าแน่นอน”
“ข้าต้องหาตัวช่วย”
“แต่ท่านบรรพบุรุษก็ตายไปแล้ว…”
“ข้าต้องเดินทางไปเข้าร่วมกับนิกายปีศาจหรือไม่?”
ราชาเทียนหยิง รู้สึกกังวล
เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะถูกฆ่าโดยใครบางคนจากเมืองหลวงเมื่อใดก็ได้
ดังนั้นเขาจึงรีบทิ้งความคิดนี้และพึมพัมกับตัวเอง
“ไม่สิ จักรพรรดิหยวนก็อาจจะตายไปแล้ว! ข้ายังมีเวลาเตรียมตัว”
“ที่นี่คือ คฤหาสน์ของราชาเทียนหยิง หรือไม่?”
“มันค่อนข้างใหญ่ทีเดียว!”
ในเมืองฉิงโจว หน้าคฤหาสน์ของ ราชาเทียนหยิง
มีคนได้เข้ามากใกล้
เขาสวมใส่ชุดสีขาวราวกับหิมะ มีใบหน้าที่หล่อเหลา และ บนเอวของเขาก็มีกระบี่สีดำเหน็บอยู่ การมาถึงของเขาราวกับการปรากฏตัวของขุนเขาขนาดใหญ่
จากนั้นชายคนนี้ก็ได้ชักกระบี่ของเขาออกมา
รัศมีปราณกระบี่ได้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ชายคนนี้ได้ชักกระบี่ของเขา
แสงอาทิตย์ยามเช้ายังคงบดบังความมืดมิดยามค่ำคืนก่อนหน้านี้ไม่หมด
ใบไม้ยังคงมีน้ำค้างอยู่เล็กน้อย
พลังปราณกระบี่ได้ฟาดฟันจนนำพาความมืดออกไป เหล่าน้ำค้างบนใบไม้ได้ร่วงหล่นลงทุกที่จากนั้นมันก็ผ่าคฤหาสน์ของราชาเทียนหยิงโดยตรง
ราชาเทียนหยิงในตอนนี้กำลังคิดแผนหนีเพื่อความปลอดภัยของเขา
ทันใดนั้น…
รูม่านตาของเขาก็ขยายออกเขาอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ“เหตุใดถึงปรากฏตัวเร็วเช่นนี้?”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบเขา
พลังปราณกระบี่ได้ฟาดฟันออกไป
มันได้สังหารราชาเทียนหยิงและคนอื่น ๆ ในคฤหาสน์อย่างไม่เจ็บปวด
แสงแรกยามอาทิตย์สาดส่องได้ลอดผ่านความมืดและส่องกระจายไปทั่วคฤหาสน์ของราชาเทียนหยิง
สิ่งนี้คล้ายกับภาพลวงตาที่สั่นไหวและปกคลุมไปด้วยฝุ่น
แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้ก็ไม่สามารถต้านทานพลังกระบี่นี้ได้
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครในคฤหาสน์ราชาเทียนหยิงต้านทานมันได้
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่นี่แล้ว ชายหนุ่มที่อยู่หน้าคฤหาสน์ก็หันออกไปพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้าและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไป
ฉิงโจวทั้งหมดต่างตกตะลึง
ประเทศฉิงโจวที่ประกาศตัวเอง…
ท่านลอร์ด…
ราชาเทียนหยิงผู้หยิ่งผยอง-ได้สิ้นพระชนม์แล้ว
คฤหาสน์ของราชาเทียนหยิงตลอดจนครอบครัวและนิกายทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างโดยสมบูรณ์
แต่ใครเป็นคนทำ?
บางคนที่เห็นการโจมตีนี้ได้อธิบายว่า เป็นเซียนอมตะที่จุติมายังโลก การฟาดฟันการโจมตีเพียงครั้งเดียว ได้ทำให้ ตระกูลของราชาเทียนหยิงทั้งหมดถูกสังหาร
อย่างไรก็ตาม เซียนอมตะ ที่พวกเขาพูดถึง หาใช่ใครอื่น เขาก็คือ หลินจิ่วเฟิง
…
เมื่อ จ้าวกั๋วกง แห่งแดนเหนือได้รับข่าว เขาก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับ ราชาเทียนหยิง
เขาได้ตกอยู่ในความหวาดกลัวโดยสมบูรณ์
“ข้าได้ขอให้ท่านบรรพบุรุษใช้พิษในการลอบสังหาร ซึ่งมันแตกต่างจากวิธีการของปราชญ์การต่อสู้คนอื่น ๆ เพราะพวกเราไม่สามารถฆ่าเขาให้เร็วขึ้นได้ ดังนั้นการใช้พิษจึงเหมาะสมที่สุด แล้วเหตุใดท่านบรรพบุรุษถึงได้ตกตายเช่นนี้ พวกเขาทะเลาะกันหรือไม่?”จ้าวกั๋วกัง ได้ครุ่นคิดและตัวสั่น
เขาตกอยู่ในความกลัวโดยสมบูรณ์
ความกลัวนี้มาจากส่วนลึกในใจของเขา ซึ่งเขาไม่สามารถควบคุมมันได้
มันเหมือนกับว่าคนผู้นี้กำลังสัมผัสได้ถึงความตายของตนเองแต่ก็ไม่สามารถหยุดได้
เขาทำได้เพียงเฝ้าดู-มองความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขา
นี่คือสิ่งที่เขารู้สึก
มันเป็นความตายที่คืบคลานเข้ามาและกำลังจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว
“ไม่ ข้าไม่อาจนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ได้ ท่านบรรพบุรุษก็จากไปแล้ว คฤหาสน์ตระกูลจ้าวของข้าไม่มีใครให้พึ่งพาอีกต่อไป ตอนนี้ราชวงศ์กลับมียอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ ข้าจะต้องหาผู้สนับสนุน”จ้าวกั๋วกง รู้สึกกังวลมาก
อำนาจของปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 กลับถูกล้มล้างโดยการโจมตีด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวนี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“นิกายปีศาจ! มีเพียงนิกายปีศาจเท่านั้นที่ช่วยข้าได้”จ้าวกั๋วกง รู้ว่าถ้าเขายอมจำนนต่อราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ชีวิตของเขาก็คงถูกพรากเอาไปเป็นแน่เพราะสิ่งที่ทำในอดีต
“ข้าไม่สามารถยอมจำนนได้”จ้าวกั๋วกงกล่าวอย่างหนักแน่น
เขาได้ลุกขึ้นและหาทางติดต่อกับหนึ่งในนิกายปีศาจ
หลินจิ่วเฟิง ที่เพิ่งมาถึงหน้าคฤหาสน์ของจ้าวกั๋วกงได้ยิ้มออกมา
เขาได้ยินสิ่งที่ จ้าวกั๋วกง พูดทั้งหมด
“ในเมื่อคิดเช่นนั้นก็ตายซะ!”หลินจิ่วเฟิง ได้ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว
บูม!
แสงกระบี่ได้วาดฟันออกไปกลืนกินทั่วคฤหาสน์จ้าวกั๋วกง
มันเป็นเวลาเที่ยงแล้ว
แดดจ้าและดินแดนทางเหนือก็ค่อนข้างร้อนดั่งเตาไฟ และ รัศมีพลังกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ที่สัมผัสกับอากาศ ก็ทำให้เกิดเปลวเพลิงอันทรงพลังซึ่งจุดประกายไปทั่วคฤหาสน์จ้าวกั๋วกงทั้งหมด
ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้!
ขุนนางคนนั้นได้ถูกไฟมหึมาตลอกตาย
หลินจิ่วเฟิง ได้ก้าวถอยหลังไป
จากนั้นเขาก็จากไปในทันที
ขุนนางทั้ง 9 อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ บางคนก็อยู่ในดินแดนที่ห่างไกล แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะบินได้ แต่เขาก็ยังใช้เวลาพอสมควรในการไปถึงที่นั่น
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาที่ใดที่นึงมากเกินไป หลังจากใช้กระบี่จัดการแล้วเขาก็จากไปโดยทันที
เหตุผลที่เขาไม่คิดจะพูดคุยเพราะยังไงอีกฝ่ายก็ต้องตายอยู่ดี
ทำไมเขาจะต้องเลือกที่จะพูดมากกับคนที่กำลังจะตาย?
มันเสียชีวิต!
…
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลินจิ่วเฟิง ได้เดินทางผ่าน 9 ภูมิภาคของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เขาได้สังหารขุนนางทั้ง 9 ลงอย่างรวดเร็ว
ตระกูลของพวกเขาได้ถูกกวาดล้างออกไปด้วยเช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ขอความช่วยเหลือจากนิกายปีศาจ
ความตายของพวกเขาเกิดขึ้นเร็วเกินไป
เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังเขย่าโลก
การจลาจลของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน
เหล่าขุนนางชั้นสูงทั้ง 9 ถูกฆ่าตายทั้งหมด
ใครคือผู้ลงมือ?
ทุกคนไม่ได้สงสัยเลยว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นยอดฝีมือลึกลับที่ได้ปรากฏตัวฆ่าปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวในเมืองหลวง
ไม่นานโลกก็กลับมาสงบสุข
แม้แต่ประเทศเล็ก ๆ ใกล้เคียง ก็ยังเลือกที่จะนิ่งเงียบ เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะบุกรุกพรมแดนเข้ามา
บางคนบอกว่า ยอดฝีมือลึกลับจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มาถึงจุดสูงสุดท่ามกลางการฟื้นตัวของพลังงานทางโลก
การฝึกฝนของเขาไม่ควรจะเป็นแค่ ขั้นปราชญ์การต่อสู้เท่านั้น
มีข่าวลือมากมายในโลกภายนอก แต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจพวกมัน
เขาได้กลับไปยังเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ
เข้าสู่ตำหนักเย็น…
จากนั้นก็พบกับต้าชุนที่คอยส่งอาหารตามปกติ