372 - คืนความบริสุทธิ์
372 - คืนความบริสุทธิ์
—— โชคดีที่เจ้าโง่นั่นยังรู้จักทางถอยของตัวเอง ไม่รู้ว่าเจ้าขยะหลินเจ๋อเกลี่ยกล่อมให้ชายคนนี้ฆ่าตัวตายได้ยังไง แต่ก็ดีแล้ววิธีนี้จะช่วยลดความขัดแย้งในอนาคตได้
เจ้าขยะหลินเจ๋อช่างใจดำอำมหิตนักโชคดีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีส่งเขากลับไปที่แคว้นไห่แล้ว หากให้เขาอยู่ในเมืองหลวงต่อ มีแต่สวรรค์เท่านั้นถึงจะรู้ว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไรให้ข้าอีก——
เอี้ยนลี่เฉียงแอบส่องความลับที่อยู่ในหัวของกู่ชุนยี่โดยไม่ตกหล่น
งูพลังจิตนี้ถือว่าได้รับมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ไม่เช่นนั้นเอี้ยนลี่เฉียงคงไม่รู้ว่าเสนาบดีกรมอาญาผู้ยิ่งใหญ่กำลังวางแผนกำจัดเขาอยู่
เอี้ยนลี่เฉียงสูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่เขาแอบป้องกันกู่ชุนยี่
“ในเมื่อใต้เท้าทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาพิจารณาคดีต่อ!”
สวีไท่อี้จ้องไปที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงและถามอย่างเข้มงวด
“เจ้าได้เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงในวันที่ 4 ของเดือน 7 ซึ่งก็คือเมื่อ 4 วันก่อนหรือไม่”
"ใช่!"
“หลังจากเกิดความขัดแย้งเจ้าได้พบกับซูหลางและเพื่อนของอีกหรือไม่”
"ไม่!" เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัว
“บอกจุดประสงค์ในการเข้ามาเมืองหลวงของเจ้า? เจ้าอยู่ที่ไหน อยู่นานแค่ไหน และมีใครเป็นพยาน” สวีไท่อี้ถามคำถามสองสามข้อติดต่อกัน
เอี้ยนลี่เฉียงตอบคำถามอย่างใจเย็นในขณะที่เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างมื้ออาหาร จนถึงจุดที่เขาได้ออกจากรถม้าของลู่เปียน
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น” สวีไท่อี้ถามต่อ
“จากนั้นข้าก็เดินเท้ากลับคฤหาสน์กวาง!”
“เจ้าจำเวลาที่กลับไปคฤหาสน์กวางได้หรือไม่”
“ข้าจำไม่ได้ชัดเจนแต่รู้ว่าก่อนเที่ยงคืนแน่นอน”
“ใต้เท้าทั้งสองมีคำถามอะไรจะถามหรือไม่” สวีไท่อี้มองไปที่คู่หูทั้งสอง ทั้งสองส่ายหัวเงียบๆ
“ในเมื่อใต้เท้าทั้งสองไม่มีคำถามอีก ถ้าอย่างนั้นก็เบิกพยานเข้ามาเถอะ” สวีไท่อี้หยุดเล็กน้อยก่อนจะตะโกนออกมาว่า “เบิกตัวพยาน!”
ชายคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงในฐานะพยาน พวกเขาเป็นพนักงานและเสมียนของร้านท้องฟ้าไร้สิ้นสุด
ในตอนนี้พวกเขากำลังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการปลอมแปลงใดๆ
ทันทีที่พวกเขาให้การเสร็จ สวีไท่อี้ก็โบกมือส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่พาพวกเขาออกจากห้องโถงและนำพยานอีกคู่เข้ามา
พยานคู่ต่อมาคือลู่เปียนและผู้อาวุโสเหยาจากนิกายภูเขาวิญญาณ
ผู้อาวุโสเหยาไม่เพียงเป็นพยานว่าเอี้ยนลี่เฉียงอยู่ในร้านอาหารท้องฟ้าไร้สิ้นสุดเท่านั้น เขายังนำคำให้การอีกฉบับหนึ่งมาจากจางโหย่วหรง
สิ่งนี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้งกับคำให้การของเอี้ยนลี่เฉียง
พยานกลุ่มที่สามคือทหารองครักษ์จากคฤหาสน์กวาง พวกเขาทั้งหมดเป็นพยานว่าเอี้ยนลี่เฉียงกลับไปที่คฤหาสน์กวางก่อนเวลาเที่ยงคืนเพราะพวกเขาได้คุยกันอยู่เล็กน้อย
หลังจากพยานกลุ่มที่สามออกจากห้องโถงสวีไท่อี้เรียกก็สั่งให้เจ้าหน้าที่นำลูกแก้วขนาดใหญ่เข้ามา
มันเป็นลูกแก้วที่มีความลึกลับและมีหมอกสีเทาปกคลุมทั้งลูก
ของสิ่งนี้ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ที่ถือมันเข้ามาในลานพิจารณาคดีมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง
“นี่คืออัญมณีแห่งจิตวิญญาณชี่ มันสามารถระบุระดับการบ่มเพาะของบุคคลได้ เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ในระดับนักรบต่อสู้
ตอนนี้เจ้าก็ถ่ายเทพลังลมปราณเข้าไปในอัญมณีนี้แล้วมันจะแสดงระดับพลังของเจ้าออกมาให้ทุกคนเห็น!” สวีไท่อี้กล่าวกับเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงจ้องไปที่ลูกแก้วแล้วพยักหน้าเบาๆ เขาเติมพลังปราณเข้าไปในลูกแก้ว ทันใดนั้นลูกแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนๆ สิบลมหายใจต่อมามันก็กลับไปเป็นปกติอีกครั้ง
สวีไท่อี้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เอาอัญมณีแห่งจิตวิญญาณชี่ออกไปแล้วจึงกล่าวว่า
“ในคืนวันที่ 4 ของเดือน 7 เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงเมืองหลวงและทานอาหารกับสหายของเขา เขาอยู่ในร้านอาหารจนถึงเวลาร้านปิด
เรามีพยานหลายคนที่ให้การว่าเอี้ยนลี่เฉียงกลับมาที่คฤหาสน์กวางก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ประตูเมืองจะปิด
ในคืนเดียวกันนั้นการฆาตกรรมเกิดขึ้นในเมืองหลวง ซูหลางและสหายของเขาถูกฆ่าตายในบ้านพักของตัวเอง
ในขณะที่การบ่มเพาะของเอี้ยนลี่เฉียงอยู่ในระดับนักรบต่อสู้
ส่วนเหยื่อที่ถูกสังหารคือปรมาจารย์นักสู้สองคนและปรมาจารย์นักสู้ขั้นสุดยอดสองคน เมื่อมองดูสิ่งนี้ข้าเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถเป็นฆาตกรได้!”
สวีไท่อี้กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น จากนั้นเขาก็หันไปหาเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนแล้วกล่าวว่า
“ใต้เท้าทั้งสองคิดอย่างไร?”
“ข้าเห็นด้วยกับท่านสวี!” เป่ยเถาหยวนกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจากนั้นจึงเสริมว่า
“จากพยานหลักฐานต่างๆมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถเป็นฆาตกรได้
ไม่มีทางที่นักรบต่อสู้คนหนึ่งจะสามารถสังหารปรมาจารย์นักรบระดับสูงสุดได้โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสส่งเสียงร้อง
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าคนลงมือเป็นคนอื่นและเอี้ยนลี่เฉียงเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าขอแนะนำให้พวกเราออกตามล่าตัวฆาตกรตัวจริงให้มารับโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด!”
“ข้า… ไม่มีข้อคัดค้าน!”
แม้ว่าเสนาบดีกรมอาญาจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
"ยอดเยี่ยม ข้าขอประกาศว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นผู้บริสุทธิ์ โจทย์ที่ฟ้องร้องเขาฆ่าตัวตายในคุกเพื่อหนีความผิด นี่เป็นข้อสรุปการพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ!”
คำตัดสินของศาลฎีกานี้เป็นคำแถลงอันทรงพลังที่ทำให้ชื่อเสียงของเอี้ยนลี่เฉียงกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง
ในส่วนของผู้ที่กล่าวหาเขาก็ฆ่าตัวตายไปแล้วดังนั้นเรื่องทุกอย่างจึงต้องจบลงที่นี่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง นั่นคือวิถีของการเมือง
เอี้ยนลี่เฉียงประสานมือให้สวีไท่อี้แล้วโค้งคำนับเขาด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณใต้เท้าที่ให้ความเป็นธรรม!”
“เอาล่ะ ผู้บัญชาการเอี้ยนท่านกลับไปได้แล้ว!” สวีไท่อี้พยักหน้าให้เอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและออกจากห้องโถง
บัดนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และเอี้ยนลี่เฉียงก็ถูกประกาศว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจึงมีเสียงโห่ร้องดังขึ้นจากฝูงชน
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงเดินออกจากศาลฎีกา กลุ่มคนที่คุ้นเคยก็วิ่งเข้ามารายล้อมเขาพร้อมกับตะโกนด้วยความสุข
“ไห่เหอเจ้านำเงิน 50 ตำลึงไปจับจองห้องที่หอท้องฟ้าไร้สิ้นสุด วันนี้พวกเราจะไปเลี้ยงฉลองที่นั่น” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"พวกเราจะไปที่หอท้องฟ้าไร้สิ้นสุด!"
“ยังรออะไรอยู่ก็ไปสิ…!” เอี้ยนลี่เฉียงลูบท้องขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “ท้องของข้าส่งเสียงบ่นแล้ว…”