370 - พิจารณาคดีร่วมกัน
370 - พิจารณาคดีร่วมกัน
หลิวกงกงกวาดสายตามองดูฝูงชนจำนวนมากที่มาฟังการพิจารณาคดีด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและยิ้มให้เอี้ยนลี่เฉียง
“จากนี้ไปเจ้าจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงแล้ว แม้แต่ข้าตอนที่อายุเท่ากันกับเจ้าก็ยังไม่โด่งดังถึงขนาดนี้!”
“ชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งที่ข้าสนใจ การพิจารณาคดีวันนี้ต่างหากที่น่าสนใจท่านว่าหรือไม่กงกง” เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัวขณะที่เขายิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
“ลี่เฉียงไม่ต้องกังวล พวกเราจะทำให้ความบริสุทธิ์ของเจ้าปรากฏ ผู้พิพากษามาแล้วเจ้าเข้าไปเถอะ!”
“ขอบคุณกงกงที่คอยช่วยเหลือ!”
เอี้ยนลี่เฉียงแสดงความเคารพต่อหลิวกงกงอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในลานพิจารณาคดีอย่างสง่าผ่าเผย
เมื่อเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนที่มีความเคารพมากแค่ไหน แม้แต่ตัวเขาที่เป็นขันทีซึ่งมีปมด้อยและเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจ เอี้ยนลี่เฉียงก็มีความเคารพอย่างจริงใจ
เรื่องนี้ทำหลิวกงกงปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก
ชายวัยห้าสิบเดินเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงจากนั้นก็ทำความเคารพต่อหลิวกงกง
"คารวะหลิวกงกง"
หลิวกงกงพยักหน้า
“ข้าน้อยกู่เทียนเจิ้ง เลขานุการศาลฎีกามาที่นี่เพื่อรับตัวผู้บัญชาการเอี้ยน”
หลิวกงกงพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว
“ผู้พิพากษามาถึงหรือยัง” หลิวกงกงถามขณะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ซึ่งจัดเตรียมไว้พิเศษ
“พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว!”
"ยอดเยี่ยม!"
“หลิวกงกง วันนี้ท่านเป็นตัวแทนของฝ่าบาทมาทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ ใต้เท้าของเราบอกให้ข้าน้อยมาขอร้องท่านว่าได้โปรดอย่าสอดแทรกการพิจารณาคดี!”
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้ธรรมเนียมดี หากคนของข้าทำผิดข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่หากเขาไม่ได้ผิดแล้วมีใครคิดจะรังแก เรื่องนี้ข้าไม่ยอมแน่นอน!”
“วันนี้มีผู้พิพากษาสามฝ่ายทำหน้าที่พิจารณาคดี เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถเล่นตลกได้!” เลขากู่กล่าว
หลิวกงกงเหลือบมองที่เอี้ยนลี่เฉียงและเห็นว่าเขายังคงสงบนิ่งจึงพยักหน้าเบาๆ
ทันทีที่ทั้งสองถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งของตน เลขากู่ก็เดินกลับไปที่ด้านข้างของโต๊ะทั้งสามเพื่อรอให้ผู้พิพากษาทั้งสามคนปรากฏตัว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ประหม่าจริงๆ ในเวลานี้สายตาของเขากวาดมองไปรอบข้างและมีดนตรีของเพลงประกอบละครเรื่องเปาบุ้นจิ้นดังขึ้นมาในใจของเขาเบาๆ
น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องประหารหัวมังกร พยัคฆ์และสุนัข ไม่งั้นทุกอย่างก็คงเหมือนในละครเป๊ะ! ถ้าไม่ใช่ว่ามีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ป่านนี้เอี้ยนลี่เฉียงคงฮัมเพลงออกมาเบาๆแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้รอนานเกินไป สิบนาทีต่อมาเสียงกลองก็ดังขึ้น หลิวกงกงก็ลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาทั้งสามเมื่ออยู่ในศาลพิจารณาคดีพวกเขาจะเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ดังนั้นหลิวกงกงึคึคึคึคึคึคึคึคที่ปกติแล้วจะเป็นถึงหนึ่งในผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินก็ต้องแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน
ผู้พิพากษาสูงสุดสามคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของโต๊ะ พวกเขาพยักหน้าให้กับหลิวกงกงจากนั้นจึงนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองซึ่งเลขากู่จะทำหน้าที่จดบันทึกทุกอย่าง
ชายที่นั่งกลางโต๊ะทั้งสามสวมชุดขุนนางบุ๋นชั้นสองปักด้วยภาพของไก่ฟ้าสีทอง เขามีอายุประมาณหกสิบเศษไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสวีไท่อี้รองอัครมหาเสนาบดี
ขุนนางระดับสูงที่นั่งด้านซ้ายของสวีไท่อี้เป็นชายอ้วนที่มีจมูกเป็นสีน้ำตาลและมีเครายาวสวยงาม
หลังจากที่เขาเข้ามา เขาเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้ว ชายคนนั้นคือกู่ชุนยี่เสนาบดีกรมอาญาของอาณาจักรฮั่น
ชายที่นั่งทางด้านขวาของสวีไท่อี้มีใบหน้ายิ้มแย้มอายุประมาณห้าสิบ ชายคนนี้คือผู้พิพากษาสูงสุดคนใหม่ของเมืองหลวงซึ่งจักรพรรดิทรงแต่งตั้งเอง เป่ยเถาหยวน
เอี้ยนลี่เฉียงรู้จักตัวตนของพวกเขาทันทีที่เหลือบมอง
——เจ้าขยะแซ่เฉินกลับสร้างความยุ่งยากให้ข้าจนได้—— กู่ชุนยี่เสนาบดีกรมอาญาแอบสบถอย่างลับๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำหน้าเคร่งขรึมก็ตาม
——ว้าว ไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะเป็นเด็กน้อยถึงขนาดนี้! เขาได้รับการดูแลจากฝ่าบาทอนาคตของเขาต้องไปไกลอย่างแน่นอน—— ความคิดแล่นเข้ามาในหัวของรองอัครเสนาบดีสวีไท่อี้ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง
—— ทำไมถึงไม่รีบจบๆไปสักทีเสี่ยวหลิงคงรอข้าอยู่ที่ห้องนอนแล้ว!——ผู้พิพากษาสูงสุดเป่ยเถาหยวนไม่สนใจเกี่ยวกับการพิจารณาคดีนี้เลย
ทั้งหมดที่เขาคิดได้คือกลับไปจัดการภรรยาน้อยคนใหม่ที่พึ่งซื้อมาจากหอนางโลม
เอี้ยนลี่เฉียงเงียบไปขณะ จากความคิดของพวกเขาเพียงอย่างเดียว เอี้ยนลี่เฉียงก็รู้ดีว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายไหน
ก่อนที่การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นเสนาบดีกรมอาญากู่ชุนยี่ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ติดตามของอัครเสนาบดีหลินชิงเทียน
สวีไท่อี้และเป่ยเถาหยวนดูเหมือนจะเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปทางจักรพรรดิและอัครเสนาบดี
ที่น่าสนใจคือเป่ยเถาหยวนซึ่งดูเหมือนนักธุรกิจที่เกษียณแล้ว เขาเพิ่งถูกตั้งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ บางทีตำแหน่งนี้อาจจะมีการแย่งชิงอย่างรุนแรงดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงต้องเลือกใครบางคนที่มีความเป็นกลางขึ้นมา
เจ้าหน้าที่ทั้งสามได้แลกเปลี่ยนสายตากัน เนื่องจากสวีไท่อี้มีตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดดังนั้นเขาจึงเป็นคนเริ่มก่อน
“เจ้าคือเอี้ยนลี่เฉียงผู้บัญชาการหยิงหยางของหน่วยทหารม้าแห่งจักรวรรดิหรือไม่”
“เรียนใต้เท้าข้าน้อยเอี้ยนลี่เฉียง!” เอี้ยนลี่เฉียงประสานมือกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไม่ได้กดดันใดๆ
“เข้าใจไหมว่าทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่วันนี้”
"ใช่!"
“เจ้ามีอะไรจะพูดก่อนที่จะเริ่มพิจารณาคดีหรือไม่”
“ข้าน้อยมาที่นี่ก็เพื่อชำระชื่อเสียงของตัวเอง ขอให้ใต้เท้าทั้งสามให้ความเป็นธรรม!”
สวีไท่อี้มองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตาสงบนิ่งแล้วกล่าวว่า
“เราไม่อาจให้ความเป็นธรรมเพียงแค่ฟังจากคำพูดของเจ้าเท่านั้น!”
“ใต้เท้าพูดถูกข้าน้อยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี!”
“ใต้เท้าทั้งสองมีคำถามอะไรจะถามหรือไม่” สวีไท่อี้มองไปทางซ้ายและขวาของเขา
“ใต้เท้ากู่ ขอให้ท่านเริ่มก่อนส่วนข้าจะนั่งฟังและคอยสอดแทรกเป็นบางครั้ง!” เป่ยเถาหยวนยิ้ม
“อะแฮ่ม… อะแฮ่ม…” กู่ชุนยี่กระแอมในลำคอก่อนจะหรี่ตาขณะที่จ้องมองเอี้ยนลี่เฉียงอย่างเย็นชา
“เจ้ากับซูหลางรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”
"ใช่!" เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า
“จริงหรือไม่ที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้ามีความขัดแย้งกับซูหลางก่อนจะเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มแล้วกล่าวว่า
“หากใต้เท้ากู่ประสงค์จะนิยามเหตุการณ์นี้ว่าเป็นความขัดแย้งทั้งที่ความจริงข้าเป็นฝ่ายที่ถูกรังแก ถ้าอย่างนั้นก็นับว่าเป็นความขัดแย้งเถอะ
อย่างไรก็ตามมีสายตรวจที่เห็นเหตุการณ์เรื่องนี้ดีพวกเขาทั้งหมดสามารถเป็นพยานได้ว่าซูหลางพยายามจะหาเรื่องข้าในตอนที่ออกจากร้านอาหาร
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ข้าเป็นเพียงเหยื่อความสนุกสนานของพวกเขา ใต้เท้ากู่ท่านเป็นถึงเสนาบดีกรมอาญาคำถามเหล่านี้ของท่านไม่มีความเป็นกลางอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าท่านมีเจตนาใดกันแน่”
คำตอบของเอี้ยนลี่เฉียงทำให้ทุกคนที่กำลังรับฟังการพิจารณาคดีต่างก็หัวเราะออกมาเบาๆ