ตอนที่แล้วตอนที่22 ศึกสัประยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่24 สามพี่น้องรวมพลัง

ตอนที่23 ฉีกกระชาก


ตอนที่23 ฉีกกระชาก

ทว่าจุดที่เย่เจวี๋ยกำลังย่างเท้าเดินจากไปกลับหนีไม่พ้นรยะที่กำแพงเมืองถล่ม!

“นายน้อย!”

“นายน้อย!”

เฉี่ยวเอ๋อกับเจ้ากุ้งแห่งรีบวิ่งหน้าตั้งดูลนลานยิ่ง เมื่อวิ่งตรงมาถึงซากปรักหักพังที่คลุ้งไปด้วยเซษฝุ่นเศษผง พวกเขาถึงกับทำอะไม่ถูก

กลับกัน เหล่าสมาชิกตระกูลเย่รีบลงมือกับสถานการณ์ตรงหน้าทันที ถึงอย่างไรตระกูลเย่ยังต้องหวังพึ่งเย่เจวี๋ยเป็นแกนนำสำคัญ ดังนั้นภาพฉากในปัจจุบันจึงสะท้อนให้เห็นอย่างชัดแจ้ง เหล่าสมาชอกตระกูลเย่แต่ละคนต่างร่วมแรงร่วมใจ ขุดซากปรักหักพังที่ถล่มลงมาทั่วบริเวณอย่างเอาจริงเอาจัง

เฉี่ยวเอ๋อกับเจ้ากุ้งแห้งที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าช่วยเป็นกำลังเสริมทันที ศึกการประลองระหว่างเย่เจวี๋ยและเย่ซวนในคราแรก ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนตระกูลเย่ กล่าวได้ว่าสมาชอกตระกูลเย่มารับชมการประลองนี้เกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด แม้กระทั้งตอนที่ฉิงกุยปรากฏตัวขึ้นมา เหล่าสมาชิกตระกูลเย่เหล่านี้เองก็หาได้แสดงท่าทีเกรงกลัวใดๆ ที่วิ่งหนีเตลิดไปมีแต่พวกชาวบ้านชาวเมือง

พวกเขาเริ่มลงมือขุดได้ไม่นาน ก็มีกลุ่มหนึ่งที่ยกซากกำแพงชิ้นใหญ่ออกไปและดันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนถูกทับถมอยู่ตรงนั้น สิ่งนี้ได้ดึงดูสมาชิกคนอื่นๆให้แห่กันเข้ามาดู ทันใดนั้นปรากฏเป็นมือนิรนามของชายคนหนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากซากปรักหักพัง ก่อนจะค่อยๆตะเกียดตะกายขึ้นมาลุกขึ้นยืนหยัดราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ บิดขี้เกียจยืดเส้นยิดสายไปทีสองทีก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านขึ้นว่า

“ไม่น่าเก๊กเท่เลย เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว...”

ปรากฏว่าเป็นเย่เจวี๋ย คล้อยหลังบ่นพึมพำเสร็จก็ยกมือปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าหน้าผมอย่างใจเย็น

ทั้งเฉี่ยวเอ๋อและเจ้ากุ้งแห้งรีบสิ่งไปดูทันทีว่านายน้อยของพวกเขาปลอดภัยดีหรือไม่ แต่ก็อย่างว่า พอไปถามเย่เจวี๋ยก็ตอบเพียงว่า ก็เพราะอยู่ในอาณาจักรก่อกายาเลยไม่เป็นอะไร ทุกคนรอบข้างที่ได้ยินแทบสำลึก โดนกำแพงหินหนาขนาดนั้นถล่มทับใส่ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรก่อกายาเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาม่วงยังมีบาดเจ็บกันบ้าง หากเย่เจวี๋ยกล่าวออกมาเช่นนั้น หาใช่เท่ากับว่าผู้ฝึกยุทธิ์อาณาจักรก่อกายาแกร่งปานนี้ทุกคน?

“นายน้อย อีกฝ่ายตายสนิทแล้วกระมัง?”

“ใช่แล้วนายน้อย ไฉนจู่ๆแรงกดดันอีกฝ่ายก็หายวับไร้ร่องรอยปานนี้? ทั้งๆที่ถูกฟันหัวขาดไปแล้วแท้ๆ? หากตายปกติ แรงกดดันอีกฝ่ายไม่ควรหายไร้ร่องรอยขนาดนี้”

ได้ยินเหล่าสมาชิกตระกูลเย่ตั้งข้อสงสัยขึ้นมา เฉี่ยวเอ๋อกับเจ้ากุ้งแห้งพลันกังวลขึ้นทันที

เย่เจวี๋ยเก็บดาบสะบั้นมังกรลงฝัก กวาดสายตามองโดยรอบอยู่ปราดหนึ่งก่อนระงับโทสะลง กล่าวว่า

“มันหนีไปแล้ว”

พอได้ยินแบบนั้นเหล่าสมาชิกตระกูลเย่ก็ปั้นหน้าวิตกกังวลออกมา แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาม่วงขั้นสุด มีความสามารถสูงสุดอยู่ในขอบเขตพลังนี้ย่อมหาใช่ธรรมดา บนตัวมันต้องมีสมบัติอีกมากมายเร้นซ่อนอยู่ นอกจากเกราะอ่อนเกล็ดมรกตแล้ว ยังต้องมีเครื่องรางบางชิ้นที่ใช้สร้างภาพลวงตาได้อีกด้วย เพื่อแสดงละครตบตาเย่เจวี๋ยว่าตายแล้ว จากนั้นก็รีบชิงจังหวะที่กำแพงเมืองถล่มหนีไป

“นายน้อย ไม่เป็นไรหรอก”

เฉี่ยวเอ๋อคลี่ยิ้มปลอบประโลม

ภายในใจของเย่เจวี๋ยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาฉับพลัน เขายื่นมือออกมาลูบหัวนางอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า

“พวกเรากลับกันเถอะ”

จากนั้นทั้งสามก็ตรงกลับเข้าตระกูลเย่ สำหรับเย่เจวี๋ยแล้วนี่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว มิอาจจะย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่ครั้งต่อไปที่เจอ มันตายแน่นอน

ระหว่างที่ดาบสะบั้นมังกรตัดกำแพงเมืองจนถล่มลงมา คล้ายมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแว่วจับใจความได้ว่า จงล้างคอรอเสีย สักวันข้า ฉิงกุยจะกลับมาล้างแค้น ในยามนั้นตระกูลเย่ถึงคราวชะตาขาดเป็นแน่!

สำหรับเรื่องนี้ เย่เจวี๋ยเพียงคิดกับตัวเองในใจมิได้บอกใคร ในชีวิตก่อนหน้า เขาในญานะจักรพรรดิเทพสายฟ้าได้ยินคำขู่เฉกเช่นนี้มานับหมื่นแสน กับเพียงมดปลวกตัวน้อย กล้าหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ ในตอนนั้นกลับเป็นมันที่ต้องชะตาขาด!

หลังจากที่เย่เจวี๋ยกลับไป เขาก็สั่งให้ผู้คนตระกูลเย่เก็บศพของสองพ่อลูก เย่ชุ่นซินและเย่ซวนไปฝังร่วมกับหลุมศพบรรพบุรุษตระกูล เขาต้องการปล่อยพวกเขาให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แท้ๆ แต่กลับถูกฉิงกุยสะบัดคออย่างเหี้ยมโหด แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาสองพ่อลูกจะทำเรื่องร้ายแรงขนาดไหนเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นคตตระกูลเย่อยู่วันยังค่ำ มิอาจปล่อยให้ศพของพวกเขาไร้ซึ่งที่ฝังไม่ได้

ศึกสัประยุทธ์เดือดได้จบลง ทุกอย่างกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ตระกูลเย่ขึ้นมาปกครองเมืองหลงเยวี่ยอย่างเบ็ดเสร็จ นับแต่นั้นเป็นต้นมา สายตาของทุกคนภายในเมืองไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ต่างมองเหล่าสมาชิกตระกูลเย่ด้วยความเลื่อมใส เจือแววเกรงขามอยู่หลายส่วน กล่าวได้ว่า บารมีของตระกูลเย่ได้ครอบคลุมไปทั่วทุกมุมเมือง

เหล่าผู้คนที่เคยดูถูกดูแคลนตระกูลเย่ไม่ว่าจะเคยแต่งกลอนล้อเล่นเย่เจวี๋ยก็ดี หัวเราะเยาะก็ดี ทว่าตอนนี้มีแต่ความยำเกรงและกตัญญูต่อเขาทั้งสิ้น ความแข็งแกร่งของเย่เจวี๋ยคือความจริงที่ไม่มีวันเสือมคลาย หากไม่มีเย่เจวี๋ย ตระกูลเย่คงขึ้นมาเรืองอำนาจไม่ได้แน่นอน

พอไปราศจากเรื่องเข้ามากวนใจ เย่เจวี๋ยก็สามารถเก็บตัวฝึกปรือได้อย่างสงบจิตสงบใจอีกครั้ง หลายวันก่อนเขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรก่อกายาระดับแปดขั้นสุดได้แล้ว และเดินทีตั้งใจจะทะลวงขึ้นสู่ระดับเก้าในคราเดียว ทว่าในท้ายที่สุดกลับไม่ประสบความสำเร็จ สมรรถภาพของเขาในตอนนี้ดูอ่อนแอกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย เขาจำต้องพาตัวเองให้กลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดอีกครั้ง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีจะได้เลื่อนระดับชั้นเสริมแกร่งให้ตัวเอง

ไม่มีใครบนผืนพิภพต้องการอ่อนแอ หากอ่อนแอก็เท่ากับไร้ค่า ดังนั้นเย่เจวี๋ยจึงต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้

สามวันผ่านไปหลังจากการศึกการประลองกับเย่ซวน ในตอนนี้เย่เจวี๋ยกำลังขัดสมาธิอยู่ในเรือนพัก เขาหยิบหินลมปราณและแกนอสูรที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัวขึ้นมา จากนั้นก็เข้าดูดซับมันโดยตรงผ่านเคล็ดหลอมจักรวาลทั้งยังอาศัยควาสามารถของกายเขมือบสวรรค์ ดูดซับทรัพยากรการบ่มเพาะเหล่านี้เข้าไปในรวดเดียว ปราศจากผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกาย

ผ่านไปอีกหลายวัน ระดับพลังบ่มเพาะของเย่เจวี๋ยก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าก็ยังไม่มีสัญญาณจะเลื่อนระดับชั้นแต่อย่างใด

เย่เจวี๋ยหยิบแกนอสูรระดับสูงขึ้นมาพร้อมกันสามก้อน และแปรสภาพมันกลายเป็นกากหินในพริบตา ซึ่งเหล่านี้เป็นของเหลือที่ไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไป กระแสลมปราณสายหนึ่งรินไหลเข้ามาผ่านอณูขุมขนตรงปลายนิ้วสัมผัส

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เย่เจวี๋ยก็ถึงกับถอนหายใจเสียงยาวออกมา พลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

“ดูเหมือนว่าการเก็บตัวฝึกปรือเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถทำให้เลื่อนระดับชั้นได้จริงๆ ข้าควรออกไปเดินเล่นเสียหน่อย”

ว่าจะไปก็ไปทันที เย่เจวี๋ยลุกขึ้นยืนบิดยืนตัวเสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะ และเปิดประตูเรือนเดินออกไป

สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานที่กำลังอยู่ตรงลานกว้างด้านหลังเรือน กำลังแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่ได้รับมาให้แก่พี่น้องคนอื่น ส่วนเจ้ากุ้งแห้งกับเฉี่ยวเอ๋อก็ยืนถือถ้วยน้ำชากับผ้าขนหนูอยู่ข้างๆไม่ห่าง บนผืนพิภพแห่งนี้ คนรับใช้ก็คือคนรับใช้วันยังค่ำ เป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องทำหน้าที่รับใช้และปรนนิบัติผู้ฝึกยุทธ์

ก่อนหน้านี้เย่เจวี๋ยสั่งให้เจ้ากุ้งแห้งกับเฉี่ยวเอ๋อไม่ต้องคอยมารับใช้เขาแล้ว และให้ไปดูและรับใช้สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานแทน

เย่เจวี๋ยได้แบ่งชนชั้นวรรณะการดำรงอยู่ได้อย่างชัดเจนมาก แน่นอนว่าเขาจะต้องใส่ใจและดูและผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็ง

แกร่งเป็นหลัก ดั่งกฎที่ว่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นได้รับความเคารพบนใต้หล้า แนวคิดดังกล่าวได้ฝังลึกอยู่ในใจเย่เจวี๋ยนานแล้ว

หลังจากสามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาของแต่ละคนเสร็จสิ้น พวกเขาก็เริ่มต่อสู้กับเพื่อฝึกฝีมืออย่างดุเดือด ราวกับว่าคิดจะฆ่ากันจริงๆ เย่เจวี๋ยที่บังเอิญเดินไปเห็นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แน่นอนว่านี่ทำให้เย่เจวี๋ยนึกอะไรดีๆออก พอตัดสินใจได้ดังนั้นก็โยนดาบมสะบั้นมังกรที่เหน็บอยูที่เอวทิ้งไป และกระโดดเข้าสู่สมรภูมิที่สามพี่น้องกำลังสัประยุทธ์เดือดกันอยู่โดยตรง เข้าซัดกำปั้นใส่หยินต้าซงที่กำลังรับมือกับอีกสองคนโดยใช้แค่มือเดียวอยู่

พอเห็นภาพฉากดังนั้น สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานพลันเข้าใจไปโดยปริยาย และหันมาร่วมมือกันเข้าต่อสู้กับเย่เจวี๋ยแบบสามต่อหนึ่งภายใต้แสงตะวัน

คมดาบยักษ์ของทั้งสามสาดประกายสะท้อนแสงวิบวับ ปราดพุ่งเข้าฟันเย่เจวี๋ยเป็นสามกระบวนท่าสอดประสานได้อย่างลงตัว ราวกับสุนัขล่าเนื้อสามตัวที่ได้รับการฝึกปรือร่วมกันเป็นอย่างดี

ในชั่วพริบตา ทั้งสามก็กระจายตัวออกเป็นสามทิศทาง จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีพร้อมจากสามทิศโดยพร้อมเพรียง เห็นเป็นดังนั้นเย่เจวี๋ยพลันแสยะยิ้มกว้าง ดูดตัวกระโดดหลบทำให้คมดาบยักษ์ทั้งสามฟันโดนกันเองจนติดแน่นเป็นแพดึงไม่ออก

“ทิ้งดาบเร็ว!”

หยินต้าซงที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบสั่งการน้องอีกคนเสียงดังลั่น

  

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด