ตอนที่ 39 สอนล่าสัตว์
เฉินเถียนเถียนซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บไม้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!
นางนอนกลิ้งไปมาบนกองไม้ด้วยความกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
ความจริงแล้ววันนี้ก็ไม่ถือว่านายพ่ายแพ้อะไร แม่เลี้ยงก็เสื่อมเสีย ส่วนเฉิงเยี่ยก็ไม่ต่างกัน!
ในเมื่อไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ การยกห้องนอนให้น้องชายก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย นางหวังเพียงว่าเด็กชายจะพอจดจำความดีของนางได้บ้าง… หวังว่าทั้งสองจะเข้าใจกันในสักวัน
แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่อาจหลับลงได้เพราะนางหิวยิ่งนัก… เฉินเถียนเถียนรอให้ทุกคนในบ้านเข้านอนหมดเพื่อจะหาโอกาสขึ้นไปบนภูเขา…
เพราะหยุนเคอชอบออกล่าสัตว์ในตอนกลางคืน เช่นนี้นางก็น่าจะหาอะไรกินได้บ้าง!
หลังจากนั้นไม่นานเฉิงผิงอันและหลินชวนฮวาก็หลับสนิท เรื่องราวตลอดทั้งวันทำให้ทั้งสองเหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เฉินเถียนเถียนย่องออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ภูเขาเทพธิดา
ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณแต่คราวนี้เฉินเถียนเถียนไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะนางเคยมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและรู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น!
นางเดินขึ้นไปบนภูเขาอย่างราบรื่น แต่การล่าสัตว์กลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดไว้!
เถียนเถียนได้ยินเสียงของไก่ป่าวิ่งไปมา แต่เมื่อนางพุ่งตัวเข้าใกล้กลับไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ!
ยิ่งไปกว่านั้นการพุ่งเข้าไปอย่างเร่งรีบทำให้นางสะดุดล้มจนนอนกลิ้งไปบนกองหญ้า… กว่าจะหยุดลงก็เหนื่อยหอบเสียแล้ว!
เถียนเถียนพ่นวัชพืชต่าง ๆ ออกจากปากและเสียงนั้นดังก้องในความมืด อย่างไรซะสภาพของนางในตอนนี้แทบจะดูไม่ได้อีกต่อไป
ผมเผ้ายุ่งเหยิงพร้อมกับเศษหญ้าที่เปรอะเปื้อน แขนเสื้อขาดรุ่ย… เถียนเถียนก่นด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน เพียงแค่ไก่ป่าตัวเดียวทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้เชียวหรือ?
เด็กสาวลุกขึ้นด้วยความอับอายและเดินต่อขึ้นไปบนภูเขา แม้ว่าจะไม่มีสัตว์ป่าใดแต่ผลไม้ป่าก็น่าจะทดแทนได้
นางเริ่มหากิ่งไม้ยาว ๆ เพื่อเอาไว้ใช้สอยผลไม้ เด็กสาวหยุดยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ แสงจันทราสาดส่องพอให้มองเห็นบ้าง แม้ว่ามันจะยังไม่สุกดีแต่ก็มีบางผลที่กินได้!
เถียนเถียนทิ้งไม้ยาวในมือก่อนจะเริ่มปีนต้นไม้!
แม้นางจะไม่เก่งกาจในด้านการล่า แต่เรื่องปีนต้นไม้นางไม่แพ้ใครแน่นอน!
ถึงผลไม้จะยังเขียว ๆ นิดหน่อยแต่มันสามารถทำให้อิ่มท้องได้ เฉินเถียนเถียนนั่งกระดิกเท้าพร้อมแทะผลไม้ในมืออย่างมีความสุข
แต่ผลไม้รสเปรี้ยวนี้ช่างประหลาด ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ท้องของนางเริ่มร้องระงมโครกครากไม่หยุดหย่อน!
มือน้อย ๆ ลูบไปที่พุงอย่างกระสับกระสาย ขณะที่นางกำลังจะเอื้อมมือไปเด็ดผลไม้อีกลูกกลับพลาดท่าลื่นและร่วงหล่นจากต้นไม้ทันที!
นางรู้สึกขอบคุณที่ตอนนี้คือเวลากลางคืน หากมีใครพบเห็นคงต้องอับอายจนแทรกแผ่นดินหนี… โชคดีนักที่ไม่มีใครอยู่บนภูเขาลูกนี้
ขณะที่กำลังพร่ำบ่นกับตนเอง จู่ ๆ พลันเกิดเสียงกร็อบแกร็บจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ
ความตื่นตระหนกครอบงำทันที แม้ไม่มีสัตว์เล็กวิ่งผ่านให้พบเจอ แต่มีเสียงหมาป่าหอนดังไปทั่วภูเขา
การพบเจอหมาป่าในตอนนี้คือความโชคดีหรือโชคร้าย?
เฉินเถียนเถียนสังเกตเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง นางรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงรีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว
ลูกศรยาวเฉียดเส้นผมของนางไปเพียงนิด!
หากก้มลงช้ากว่านี้อีกสักวินาที มันอาจจะปักเข้าที่ลำคอแล้วเป็นแน่!
เฉินเถียนเถียนตื่นตระหนกพร้อมกับพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านจากความหวาดกลัว
ใครกันที่หมายมั่นจะสังหารนาง? หลินชวนฮวาก็ไม่น่าจะรู้จักนักฆ่าที่ไหน…
เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นนายน้อยหลี่… เขาเพียงหลอกล่อว่าจะปล่อยนางไปแต่ความจริงแล้วกลับหาโอกาสสังหารทีหลัง!?
"ออกมา!"
เสียงทุ้มต่ำของชายนิรนามดังขึ้น!
เป็นหยุนเคอ! นางจดจำเสียงนั้นได้ทันที…
“หยุนเคอ… เป็นข้าเอง ข้าหิวยิ่งนักเลยเดินขึ้นมาหาอะไรกินบนภูเขาน่ะ มันอาจจะเป็นเขตแดนของเจ้าแต่อย่าถือโทษโกรธข้าเลยได้ไหม?”
หยุนเคอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเถียนเถียน... แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใด
“เจ้าอีกแล้วงั้นหรือ?”
“คนที่สามารถวิ่งขึ้นมาบนภูเขากลางดึกเช่นนี้จะเป็นใครได้อีกหากไม่ใช่ข้า?”
หยุนเคอนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเดินจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดตอบ
แต่ด้วยสายตาคมหลาบของเฉินเถียนเถียน นางเห็นไก่ป่า กระต่ายและอื่น ๆ อีกมากมายห้อยอยู่ที่เอวของเขา!
หยุนเคอหยุดชะงักไปชั่วขณะเมื่อรับรู้ได้พลังออร่าแห่งความหิว… แต่อย่างไรเขาก็ไม่ได้หันหลังกลับ เฉินเถียนเถียนกัดฟันแน่นอย่างอึดอัดใจ โดยปกติแล้วเขาจะต้องหันกลับมาและถามไถ่นางมิใช่หรือ?
หากภูเขาไม่เคลื่อนเข้ามา ข้าก็จะเคลื่อนตัวเข้าหาภูเขาเองแล้วกัน!
“หยุนเค่อ... ช่วยสอนข้าล่าสัตว์หน่อยได้ไหม?”
หยุนเคอเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา เขาไม่ได้กล่าวตอบแต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ความจริงแล้วข้าก็มิใช่อ่อนแอ หยุนเคอ… เจ้าเก่งมากก็จริงแต่ไม่สามารถแกะรอยของสัตว์ได้ แต่ข้าทำได้นะ! หากสัตว์ตัวนั้นเคยวิ่งผ่านแถวนี้ ข้าสามารถตามจนพบตัวมันและพวกเราก็จะได้รับสัตว์ป่าจำนวนมากขึ้นไงล่ะ… ดีไหม?”
เฉินเถียนเถียนพยายามโน้มน้าวชายร่างใหญ่อย่างเต็มที่ หากเขายินยอม นางก็ไม่ต้องทนหิวโหยอีกต่อไป!
หยุนเคอพลันนึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นบุคคลที่กล้าหาญและช่างดื้อรั้นยิ่ง นางสามารถหาหนทางเอาชีวิตรอดด้วยตนเองเสมอ
นางไม่น่าจะโกหก…
"ได้!"
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เถียนเถียนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“ถ้าเช่นนั้น… ข้าขอยืมเหยื่อที่เจ้าล่ามาก่อนได้หรือไม่ ยังไงซะข้าต้องอิ่มก่อนจึงจะทำงานได้…”
หยุนเคอหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ในตอนนี้เถียนเถียนเริ่มสงสัยอยู่บ้าง นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดหยุนเคอที่ไม่เคยให้ความร่วมมือในตอนแรกจึงตอบตกลงกับนางอย่างง่ายดายในภายหลัง?
การจะหอบหิ้วสตรีไปด้วยตลอดทางมันคือภาระมิใช่หรือ?
“หลังจากข้าเรียนรู้วิธีล่าสัตว์ได้แล้ว ข้าย่อมตอบแทนเจ้าแน่นอน อย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวเลยหน่า”
ตระหนี่?
หยุนเคอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่เห็นด้วย เถียนเถียนกลอกตาไปมาและนึกถึงสิ่งที่เคยทำเงินมากโขให้กับนางในครั้งยังเป็นตำรวจ… แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ตำรวจลำบากใจมากที่สุด!
การสร้างสถานการณ์ว่าโดนรถชนเพื่อเรียกค่าเสียหาย!
หากเป็นการทำเช่นนี้นางค่อนข้างจะถนัด…
“ก็ดูเจ้าสิ… ลูกธนูนี้เกือบทำให้ข้าตายตกไปแล้ว ข้ามิควรชดใช้งั้นหรือ?”
หยุนเคอจับจ้องหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ก็ไม่เห็นว่านางจะหวาดกลัว!
ตอนนี้เถียนเถียนเข้าใจความคิดของหยุนเคออย่างรวดเร็ว
“ก็ถูกของเจ้า… เพราะข้าน่ะกล้าหาญจึงไม่กลัว แต่ในยามที่ข้าเอ่ยปากว่าหวาดกลัว ก็แสดงว่าข้ากลัวจริง ๆ! เจ้าไม่คิดจะขอโทษข้าสักหน่อยหรือ? อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมาก ไก่ป่าสักตัวก็พอ…”
‘เอาล่ะ… เจ้าลงเรือลำเดียวกับข้าแล้ว แค่ขอหยิบยืมสักนิดมันจะไม่ได้เชียวหรือ?’