80Y-ตอนที่ 20 ความประหลาดใจ
หลินจิ่วเฟิง ได้ผ่าแยกโลกออกจากกันเขาได้กวางล้างราตรีทมิฬได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ราวกับว่าตอนนี้ดอกไม้ไฟขนาดใหญ่กำลังเบ่งบานอยู่ทั่วพระราชวังต้องห้าม จนทำให้ตอนกลางคืนเปลี่ยนเป็นตอนกลางวันในทันที
ใบหน้าของทุกคนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าเหล่านี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อ
ขณะที่พวกเขากำลังสังหารจักรพรรดิหยวน ก็มีพลังปราณกระบี่พุ่งมาจากระยะไกลหลายร้อยเมตร
ปราณกระบี่นี้ได้นำมาซึ่งความเย็นเฉียบสู่โลก!
ในเวลานี้ กลางคืนได้เปลี่ยนเป็นกลางวัน ฤดูร้อนได้กลายเป็นฤดูหนาว และ พลังปราณกระบี่ก็เหมือนกับสายลมหนาวที่พัดผ่านทำให้คนรู้สึกหนาวจนตัวสั่น
พลังกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งเกินไป!
“ในเมืองหลวงของราชวงศ์ กลับ มีปราชญ์การต่อสู้ อีกคนงั้นหรือไม่?”
โกวเทียนเต๋อ รู้สึกประหลาดใจ
เขาที่กำลังต่อสู้กับไร้นามยังรู้สึกตัวสั่นเมื่อเห็นพลังกระบี่นี้
เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลยทำได้เพียงสั่นกลัว
กระบี่นี้ทรงพลังเกินไป
“หึ่ม ปราชญ์การต่อสู้อีกคนแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยจักรพรรดิหยวนได้!”ปราชญ์การต่อสู้ที่โจมตีด้วยกระบี่ได้ยื่นตัวไปข้างหน้า เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเขามากและยืนกรานที่จะฆ่าจักรพรรดิหยวน
มีเพียงการฆ่าจักรพรรดิหยวนเท่านั้นที่เขาจะชนะการเดิมพันได้
เขามุ่งมั่นที่จะได้รับสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายปีศาจ!
“พี่ใหญ่!”
ร่างกายของจักรพรรดิหยวนอ่อนแอมากในเวลานี้ เขาคิดว่าตนเองจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่พลังกระบี่นี้ทำให้เขารู้สึกมีความหวังที่จะมีชีวิต
เป็นพี่ใหญ่ที่มาช่วยชีวิตเขา
“เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้!”จักรพรรดิหยวนได้ยิ้มออกมา
ศรัทธาของเขาในตัวพี่ใหญ่ค่อนข้างแน่วแน่
“ตายซะ!”แสงกระบี่ได้ฟาดฟันลงไป
เหนือพระราชวังต้องห้าม แรงกดดันขนาดใหญ่ได้ทำลายพื้นที่โดยรอบพระราชวังโดยตรง มันก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่
เขาต้องการสังหารจักรพรรดิหยวน!
ฉากนี้ตกตะลึงจนเกินไป
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ในเมืองหลวงมองดูฉากนี้จากระยะไกล ทุกคนต่างรู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง
พวกเขาไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ในระดับดั่งกล่าวได้ เพียงแค่เศษเสี้ยวพลังจากการปะทะกันของปราชญ์การต่อสู้ก็เพียงพอแล้วที่จะสับพวกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
“จักรพรรดิหยวนกำลังจะถูกสังหาร!”ทันใดนั้นก็มีคนอุทานขึ้นพร้อมกับรูม่านตาที่ขยายออก
ทุกคนได้เห็นแสงกระบี่อันรุนแรงได้ฟาดลงมาที่ด้านล่าง
บางคนอดไม่ได้ที่จะทนเห็นการตายของจักรพรรดิหยวนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง
จักรพรรดิหยวนเป็นจักรพรรดิที่ดี
เขาตัดสินใจช่วยราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาที่กำลังเน่าเสีย
แม้ว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจะยังไม่ได้กำจัดส่วนร้ายออกไป แต่ทุกคนก็ตระหนักได้ถึงประโยชน์ที่จักรพรรดิหยวนนำมาให้กับประเทศ
หลายคนไม่อยากให้เขาตาย
เปรี๊ยะ!
ในเวลานี้ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับเกาะฝุ่นมานานหลายพันปีก็ถูกแกะออกจากฝัก
เสียงที่คมชัดได้ดังกึกก้องในหูของทุกคนในเมืองหลวง
บางคนรีบมองไปยังพลังกระบี่ดังกล่าวและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“พลังกระบี่อยู่ที่นี่แล้ว! ดูเหมือนว่าจักรพรรดิหยวนจะรอดแล้ว”
ภาพที่เกิดขึ้นภายใต้สายตาของทุกคนล้วนเป็นฉากที่น่าสนใจ
พลังปราณกระบี่ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยเมตรและเกือบจะในทันที-มันได้พุ่งมาถึงพระราชวังต้องห้าม
จากนั้นศัตรูก็เหมือนกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น หลายคนได้ล้มลงกับพื้น
พวกเขาเป็นเหมือนกับใบไม้ที่ถูกตัดขาดยามเมื่อเสียชีวิต
ขณะนี้ปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ราวกับใบไม้สีเหลืองที่ตายไปแล้ว
หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด
เมื่อพลังกระบี่ไปถึงที่หมาย มันก็ได้ทำการกวาดพรมฆ่าเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
เมืองหลวงราชวงศ์ทั้งหมดล้วนสั่นสะเทือนภายใต้แสงดาบของหลินจิ่วเฟิง
…
บรรพบุรุษของ ราชาเทียนหยิง ที่ยืนอยู่บนยอดของพระราชวังต้องห้าม ได้ถูกสะกดไปด้วยพลังกระบี่นี้
ในสายตาของเขา พลังกระบี่นี้ช่างงดงามเหลือเกิน
พลังภายในของมันคล้ายกับทำให้โลกหล้าเต็มไปด้วยดอกซากุระบานที่สวยงามโปรยไปทั่วผืนฟ้า
ดอกไม้เหล่านี้ค่อย ๆ ดึงดูดสายตาของพวกเขา!
พวกเขาไม่สามารถต่อต้านมันได้เลย
เมื่อพลังกระบี่นี้วูบผ่านต่อหน้าต่อตาของเขา…
ศีรษะของเขาก็ลอยขึ้นไปตามจังหวะของกระบี่นี้
ทั้งหมดที่เขาทำได้คือมองเห็นความสวยงามของพลังกระบี่ในวินาทีสุดท้าย
…
เขาไม่ใช่ปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวที่อยู่เหนือพระราชวังต้องห้ามที่รู้สึกเช่นนี้
กระทั่ง ภูเขาเนื้อโกวเทียนเต๋อ ก็ยังตกตะลึงกับพลังดั่งกล่าว
นี่คือพลังที่อยู่สูงกว่า?
บุคคลผู้นี้มีพลังในระดับสุดยอด
หลินจิ่วเฟิง
เขามองดูฉากนี้ ใต้แสงจันทร์ที่เย็นชาบนท้องฟ้าในชุดสีขาว
หมอกที่อยู่รอบตัวเขาหนานแน่นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครมองเห็นใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่ทุกคนมองเห็นก็คือพลังปราณกระบี่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา
จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นแผ่นหลังของหลินจิ่วเฟิงที่สูงตระหง่าน
มันทั้งสูงใหญ่และแข็งแรงอย่างมาก
…
ศีรษะของปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 คนได้ถูกตัดขาดด้วยพลังกระบี่เดียวในตอนนี้
ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
ภายใต้พลังกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง พวกเขาได้ถูกฆ่าตายในทันที พลังของทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด ช่างทรงพลังเหนือคำบรรยาย
พวกเขาคงไม่นึกไม่ฝันว่าคนที่สังหารพวกเขาก็คือ หลินจิ่วเฟิง องค์ชายที่ถูกปลดจากบัลลังก์และถูกขังในตำหนักเย็น
การตายของพวกเขาไม่ใช่ความประมาทของพวกเขาแม้แต่น้อย!
เหล่าผู้คนในพระาชวังต้องห้ามและเมืองหลวงต่างไม่เชื่อในสายตาที่มองเห็น
จักรพรรดิหยวน รู้สึกตกตะลึง
สิ่งที่ปรากฏในความคิดของเขาคือร่างของพี่ใหญ่ที่หล่อเหลาของเขา
จักรพรรดิเฒ่าอ้าปากกว้าง
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดของ โกวเทียนเต๋อ แต่เขาหาได้สนใจมันอีกต่อไป
ในสายตาของเขา มีเพียงพลังกระบี่เมื่อครู่ที่ปรากฏขึ้น
มันน่าอัศจรรย์!
ยอดเยี่ยม!
สวยงาม!
น่าสะพรึงกลัว!
“ในเมืองหลวงมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือไม่?”
จักรพรรดิเฒ่าสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุดเขาก็เห็นความหวังของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
ไร้นามได้เฝ้ามองดูฉากนี้อย่างสงบ
เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับ ‘ท่อนไม้’ หน้าตาของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลย
“ท่านอาจารย์...เป็นท่านอาจารย์!”
หลินเทียนหยวน ผู้ซึ่งได้รับการปกป้องโดยจักรพรรดิหยวน ได้พึมพัมออกมาอย่างตื่นเต้น
ในเมืองหลวงทั้งหมด หลินเทียนหยวน เชื่อมั่นในใจว่ามีเพียงอาจารย์ของเขาเท่านั้นที่มีทักษะกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
ในเวลานี้ทั่วทั้งเมืองหลวงทั้งหมดได้พลันเงียบลงชั่วขณะ
จากนั้นเสียงเชียร์และเสียงโห่ร้องที่ตื่นเต้นก็ได้ดังขึ้น
ทุกคนรู้สึกดีใจ
สามารถตัดศีรษะปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ด้วยเพียงการโจมตีเดียว
นี่เป็นทักษะกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์แบบไหนกัน?
นี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นใด?
ค่ำคืนนี้ พระราชวังต้องห้าม เต็มไปด้วยความโกลาหล และ ทุกคนต่างตกตะลึง
ปราชญ์การต่อสู้!
ขั้นพลังที่ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนใฝ่ฝันที่จะไปถึง…
ปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวเพียงพอที่จะปราบปรามคนทั้งประเทศ
แต่คืนนี้ ปราชญ์การต่อสู้ 12 คนได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันในพระราชวังต้องห้าม
แม้ไม่รวมจักรพรรดิหยวนที่มาถึงขั้นนี้ด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง ก็ยังมีมากกว่า 11 คนอยู่ดี
9 ปราชญ์การต่อสู้ ได้ร่วมมือกันเพื่อสังหารจักรพรรดิหยวน ทำให้ ปราชญ์การต่อสู้ 2 คนจากทางราชวงศ์ไม่สามารถต่อต้านได้
แต่ในช่วงเวลาสำคัญ-ผู้อาวุโสลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงของราชวงศ์ก็ได้สังหารปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คล้ายกับเรื่องเล่าในตำนานที่คนทั่วไปชอบพูดถึง
ยอดฝีมือลึกลับที่สังหาร ปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ยืนอยู่ข้างราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
โดยพื้นฐานแล้วคนทั่วไปย่อมมีความสุขเมื่อได้รู้เช่นนี้
บางคนกระทั่งจัดปาร์ตี้ขึ้น
ทั้งชาย หญิง คนแก่ และ เด็ก ๆ ต่างพากันส่งเสียงเชียร์กันสนั่นหู
เมือวหลวงของราชวงศ์ต่างส่งเสียงเชียร์ แต่ภายในพระราชวังกลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
หลินจิ่วเฟิง ได้สังหาร ปราชญ์การต่อสู้ทั้ง 9 ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างแท้จริง
แต่หลังจากที่จักรพรรดิหยวนได้รับการช่วยเหลือ
พวกเขาก็พบว่าอีกฝ่ายได้มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
พลังชีวิตจำนวนมากได้ถูกผลาญออกไปจากร่างกายของเขาเนื่องจากการฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ เขาได้ฝืนใช้พลังชีวิตสุดท้ายในการบังคับตัวเองให้ไปถึงขั้นปราชญ์การต่อสู้
มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่าพลังชีวิตของจักรพรรดิหยวนได้มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นจักรพรรดิเฒ่าก็ยังถ่ายทอดพลังปราณแท้จริงเข้าไปในร่างกายของจักรพรรดิหยวนโดยไม่หยุดพัก
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จักรพรรดิหยวนไม่ได้เสียใจเลย
ภายใต้การจ้องมองของเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก เขาได้ลืมตาขึ้นและพูดอย่างอ่อนแรง“เวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว”
“ข้าได้ประทับบนบัลลังก์มานานกว่า 10 ปีเต็ม และ ข้าได้มุ่งมั่นในหน้าที่การงานของข้า”
“เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็ได้เปลี่ยนกลุ่มกันอย่างต่อเนื่อง ข้าได้พยายามกำจัดพวกเจ้าหน้าที่ทุจริตออกไป และ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยเหลือจักรพรรดิองค์ต่อไปอย่างเต็มที่ทำงานรับใช้ราชวงศ์และคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนและทหาร ซึ่งนำโดย หัวหน้าคณะรัฐมนตรี อดไม่ได้ที่จะสะอื้นออกมาขณะที่มองไปที่จักรพรรดิหยวน
จักรพรรดิหยวนเป็นจักรพรรดิที่ดี
“พวกเจ้าทุกคนออกไปให้หมด ข้าต้องการทบทวนคำสั่งในเรื่องสำคัญบางอย่าง”
จักรพรรดิหยวนได้โบกมือไล่ทุกคนออกไปยกเว้น หลินเทียนหยวน
แม้แต่จักรพรรดิเฒ่าก็ถูกสั่งให้ออกไป
จักรพรรดิเฒ่าได้ถอนหายใจออกมา
ทั้งบุตรชายและหลานชายของเขาต่างก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก
แทนที่จะบอกว่าพวกเขาตายด้วยเงื้อมมือของคนอื่น มันจะแม่นยำกว่าที่จะบอกว่าพวกเขาตายด้วยเงื้อมมือของทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนั่น
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักทั้งหมดต่างถอยออกไป
แต่จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันไม่ได้ทำ
นางเป็นภรรยาของจักรพรรดิหยวน ที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อเขาทั้งคู่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา
ในเวลานี้ นางได้คุกเข่าลงกับพื้นและร้องขอ“ฝ่าบาท ถ้าพระองค์ต้องการออกคำสั่งในเรื่องสำคัญบางอย่าง โปรดแต่งตั้งลูกชายของเราเป็นองค์รัชทายาทเสียก่อน”
“จากนั้นก็ขอให้เจ้าหน้าที่ในราชสำนักช่วยเขา…”
“จากนั้นพระองค์จะได้จากไปแบบสบายใจ”
องค์จักรพรรดินีต้องการขอให้ยกบัลลังก์ให้กับลูกชายของนาง
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักได้เฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ
“ออกไปรอข้างนอก!”จักรพรรดิหยวน มองไปที่องค์ชายที่คาดหวังและจักรพรรดินี เขาได้กล่าวพูดอย่างเฉยเมย
องค์ชายคนนี้รู้สึกตกใจ
แม้แต่ องค์จักรพรรดินีก็เช่นเดียวกัน!
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็มองหน้ากันพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิหยวนไม่ได้ถูกใจองค์ชายคนนี้
พวกเขาได้จากไปทีละคน
แต่จักรพรรดินีไม่ค่อยเต็มใจ
นางจะมองดูบัลลังก์ที่ควรจะเป็นของลูกชายนางตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้อย่างไร
แต่ก่อนที่นางจะพูด นางก็ได้รับการสนับสนุนจากขีนทีชราในวังอย่างรุนแรง
นางไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ในฐานะจักรพรรดินีหลังจากเหตุการณ์นี้
ในห้องโถงเฉียนหยวนใบหน้าของจักรพรรดิหยวนซีดเผือก
ผมสีดำของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีขาวไปแล้ว
การหายใจของเขาเริ่มอ่อนแรงลงขณะที่เขาพูด“ไปที่ตำหนักเย็นและขอให้อาจารย์ของเจ้ารีบมาที่นี่…”
“ข้าอยากจะพบพี่ใหญ่ของข้า”
หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้าทันทีและเตรียมจะจากไป
“ไม่จำเป็น ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”หลินจิ่วเฟิง ได้ถอนหายใจออกมา
เขาเฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักเย็น
สำหรับเขา ระยะทางหลายร้อยเมตร สามารถข้ามผ่านมาได้ในทันที
ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาที่ห้องโถงเฉาเทียน
เมื่อเขาเห็นจักรพรรดิหยวน ที่กำลังจะตาย หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเจ็บปวดอย่างกระทันหัน
ก่อนหน้านี้ที่เขาพบจักรพรรดิหยวน น้องชายของเขายังดูสง่างามมากกว่านี้
แต่ทว่าตอนนี้เขาดูเหมือนชายชราในวัย 70-80 ปี
ที่สำคัญเขาเพิ่งอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ ห้องโถงเฉียนหยวน หรือไม่?]
ในขณะนี้ข้อความได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้คาดหวังว่าตอนนี้จะเช้าแล้ว เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ใด ๆ ดังนั้นจึงได้ลงชื่อเข้าใช้ในทันที
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะช่วยชีวิต!]
ทักษะช่วยชีวิต.
มันสามารถช่วยให้ผู้บาดเจ็บที่ใกล้ตายชะลอความตายของพวกเขาลงได้
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ การแนะนำของทักษะช่วยชีวิต
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าการลงชื่อเข้าใช้แบบไม่ได้ตั้งใจนี้ จะทำให้เขาได้รับสมบัติที่จะช่วยชีวิตจักรพรรดิหยวนได้
เมื่อพิจารณาถึงสภาพปัจจุบันของจักรพรรดิหยวน หลินจิ่วเฟิง ตระหนักได้ดีว่าคงจะโชคดีถ้าหากเขายังรอด