ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 16 โลกที่กำลังจะโกลาหล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 18 การมาถึงของแต่ละคน

80Y-ตอนที่ 17 ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ


หลินจิ่วเฟิงกล่าวว่าทั่วโลกกำลังจะกลายเป็นความโกลาหล

3 วันหลังจากที่จักรพรรดิหยวนทรงประกาศออกไปว่าต้องการให้ข้าราชบริพารทั้ง 9 มาที่เมืองหลวงของราชวงศ์เพื่อฉลองพระชนม์พรรษของจักรพรรดินีตู๋ว่านเจ๋อ

เหล่าข้าราชบริพารเหล่านี้ได้ส่งจดหมายตอบกลับมาเป็นเอกฉันท์

เนื้อห้าข้างในเรียบง่ายมาก โดยพวกเขาบอกว่าตนเองป่วย พวกเขาจะส่งลูก ๆ ของพวกเขาไปที่เมืองหลวงเพื่อร่วมงานฉลองพระชนม์พรรษของจักรพรรดินีตู๋ว่านเจ๋อแทน

พวกเขาไปเองไม่ได้

ทันทีที่เนื้อหาจดหมายมาถึง คนทั้งประเทศก็พลันโกลาหล

ข้าราชบริพารทั้ง 9 ได้รวมตัวกันต่อต้านอำนาจของจักรพรรดิ

แน่นอนว่าพวกเขาเคยเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในการต่อต้านอำนาจของจักรพรรดิในอดีต

แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นจดหมายส่วนตัว แต่พวกเขาก็ยังแสดงความท้าทายต่ออำนาจของจักรพรรดือย่างไม่ยำเกรง

จดหมายเหล่านี้ล้วนเป็นการตบหน้าองค์จักรพรรดิโดยสิ้นเชิง

ราวกับว่าพวกเขาได้ชี้ไปที่ปลายจมูกของจักรพรรดิหยวนและตอบเป็นเสียงเอกฉันท์ว่า…

ผ่านไปเพียงแค่ 10 ปีหลังจากที่เจ้าขึ้นครองบัลลังก์ แต่คนหนุ่มอย่างเจ้ากล้าที่จะสู้กับพวกเรางั้นหรือไม่?

แม้แต่บิดาของเจ้าปู่ของเจ้า และ จักรพรรดิผู้ก่อตั้งของตระกูลเจ้าล้วนแล้วแต่ยังไม่กล้ามากขนาดนี้ แล้วอะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าจะต่อกรพวกเราได้?

ด้วยคำตอบของข้าราชบริพารทั้ง 9 การต่อสู้อย่างลับ ๆ ท่ามกลางผู้มีอำนาจก็ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

ทุกคนในโลกเริ่มประหม่า

ข่าวลือได้แพร่สะพัดไปทั่ว บางคนกระทั่งคาดเดาว่าจักรพรรดิหยวนกำลังเตรียมพร้อมที่จะระดมกองทัพของเขาเพื่อออกมาต่อสู้กับข้าราชบริพารทั้ง 9

บางคนกระทั่งกล่าวอีกว่าข้าราชบริพารทั้ง 9 ได้รวบรวมกองกำลังของตัวเองและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับอำนาจของจักรพรรดิ

ข่าวลือนี้มาจากทุกสถานที่จนกระทั่งพวกเขายังคาดเดาว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาถึงคราวแบ่งออกเป็นสองส่วน

คนทั้งประเทศเริ่มสั่นคลอน!

ราวกับว่าตึกสูงใหญ่สามารถที่จะล้มลงได้ทุกเมื่อ!

ภายในอาณาเขตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา 1 ในข้าราชบริพารทั้ง 9 คือตระกูลจ้าว บรรพบุรุษของพวกเขาได้ติดตามจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในการสร้างประเทศและประสบความสำเร็จอย่างมาก นี่เป็นผลให้พวกเขาได้รับฉายาว่า อ๋องจ้าว

ตระกูลจ้าวได้รับการจัดสรรดูแลที่ดินทั้งมณฑลด้วยตัวเอง

ที่คฤหาสน์ของ อ๋องจ้าว มีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ในคืนนี้

คนทั้ง 9 คนได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลม

9 คนนี้ก็คือ ข้าราชบริพารทั้ง 9 ที่เป็นขุนนางชั้นสูง

คนสนิทของพวกเขาได้ยืนอยู่ข้างหลัง

“จักรพรรดิหยวนเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ คราวนี้เขากล้าที่จะเคลื่อนไหวกับเราโดยตรง ไม่ใช่ว่าเขากำลังมองหาความตายหรือไม่?”อ๋องจ้าว ได้พ่นลมหายใจที่เย็นชาออกมา

ตำแหน่งที่พวกเขาได้รับล้วนถูกส่งต่อทางกรรมพันธุ์และพวกเขาคุ้นเคยกับการเป็นราชาในดินแดนของพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการจะไปที่เมืองหลวงของราชวงศ์และมอบความมั่งคั่งและวิถีชีวิตที่สะดวกสบายเหล่านี้ให้กับจักรพรรดิหยวน

“ใครจะไปสั่งสอนจักรพรรดิองค์ใหม่คนนี้และบอกให้เขารู้ว่าพวกเรามีอำนาจมากเพียงใด”ชายที่มีจมูกโ่งเยาะเย้ยออกมา

“จักรพรรดิหยวนผู้นี้มีความทะเยอทะยานที่จะปกครองประเทศอย่างเต็มที่ แต่เขากลับไม่ได้ถามหาความเห็นของพวกเราก่อนหรือไม่?”ขุนนางคนนึงได้ตอบกลับ

“ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะก่อกบฏ”

“ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับพลังงานทางโลก ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยพลังปราณฟ้าดินมากมาย สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือฝึกฝนกองกำลังไปก่อน”ชายผู้ที่ดูเป็นบันฑิต คนนึงได้ตอบกลับ

“แน่นอนว่า ข้ารู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา การฟื้นตัวของพลังปราณฟ้าดินยังไม่ได้มาถึงจุดสูงสุด มันก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วข้าคงนำทัพไปยังเมืองหลวงและตัดศีรษะของจักรพรรดิผู้ไม่เจียมตัวคนนี้”ผู้บ่มเพาะพลังที่มีกล้ามโตได้ตะโกนอย่างเย็นชา

“ถ้าอย่างนั้น...พวกเราจะสอนบทเรียนจักรพรรดิหยวนอย่างไร?”อ๋องที่เป็นชายชราได้กล่าวถาม

“วางยาพิษให้เขาตาย ๆ ไปซะทุกอย่างจะได้จบ”อ๋องจ้าวได้พูดขึ้นในเวลานี้

“จ้าวกั๋วกง หากเจ้าเลือกที่จะวางยาพิษฆ่าเขา ข้าก็ทำได้เพียงเลือกลอบสังหารเขาก่อน”ชายจมูกโ่งได้ยิ้มออกมา

“พวกเจ้าคิดจะลงมือจริง ๆ?”ข้าราชบริพารหัวแข็งคนนึงได้หัวเราะออกมา

“ในเมื่อ ราชาเทียนหยิง ต้องการจะเดิมพันกับข้า ก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าพวกเราคนไหนจะประสบความสำเร็จก่อน จักรพรรดิหยวนจะสิ้นพระชนม์ด้วยพิษของข้าหรือว่าการลอบสังหารของเจ้า”อ๋องจ้าว ได้หัวเราะออกมา

เขาถือว่าการตายของจักรพรรดิหยวนเป็นการเดิมพันแทน

“ราชาเทียนหยิง จักรพรรดิหยวนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้คอยติดตาม คนผู้นี้เคยสังหารบรรพบุรุษอาวุโสของนิกายชุนฮวาและให้การสนับสนุนจักรพรรดิหยวนในเวลาต่อมา มิฉะนั้นมีหรือที่เขาจะกล้าแตะต้องพวกเรา”ชายคนนึงได้พูดขึ้น

“แน่นอนว่า ข้ารู้ว่าจักรพรรดิหยวน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ แต่เจ้าคิดว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้คนเดียวในโลกหรือไม่?”ราชาเทียนหยิง ได้เยาะเย้ย

ขุนนางอีก 8 คนได้หัวเราะพร้อมกัน

บรรพบุรุษในตระกูลของพวกเขาได้มาถึงขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว นี่คือเหตุผลที่พวกเขาไม่กลัวจักรพรรดิหยวนที่คิดจะกำจัดพวกเขาให้หลุดออกจากอำนาจ

จักรพรรดิหยวนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียว เขาไม่มีทางเอาชนะ ปราชญ์การต่อสู้ 9 คนที่อยู่ข้างพวกเขาได้!

“ในกรณีนี้ พวกเราจะแสดงให้ทั่วโลกได้เห็นความสามารถของเรา มาเพิ่มเดิมพันกันหน่อยเป็นไง ในหมู่พวกเรา ใครก็ตามที่สังหารจักรพรรดิได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ”อ๋องจ้าว ได้ลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น

“ข้าไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ว่าแต่เดิมพันคืออะไร?”ราชาเทียนหยิง เห็นด้วยอย่างไม่ลังเล

“มาเดิมพันกันด้วยสัญลักษณ์ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายปีศาจกันเถอะ”

“สัญลักษณ์นี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ใครก็ตามที่รวบรวมพวกมันได้ทั้งหมดจะได้รับสมบัติที่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทิ้งเอาไว้”

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีชิ้นเดียวภายในมือ”

“ดังนั้นอีก 8 คนจะมอบสัญลักษณ์นี้ให้กับผู้ชนะโดยไม่มีเงื่อนไข”

อ๋องจ้าว ได้ยิ้มขณะที่พูดออกมา

แสงเย็นวาบได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

เขามีแรงจูงใจของตัวเอง

ใช้ความตายของจักรพรรดิหยวนเป็นเดิมพัน และ เริ่มการแข่งขันระหว่างพวกเขา เพื่อรับเอาสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์

ส่วนที่ว่าเขาจะชนะหรือไม่ เขาค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้มาก

คนอื่น ๆ ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึง จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ต่อจากนี้ เหล่าข้าราชบริพารทั้ง 9 นี้จะเดินทางไปยังเมืองหลวงและใช้วิธีการของตนเองในการสังหารจักรพรรดิหยวน

การพนันที่เกี่ยวข้องกับความตายของจักรพรรดิหยวนได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

คนกลุ่มนี้หาได้สนใจอำนาจของจักรพรรดิหยวนและราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในสายตาของพวกเขาเลย

พระราชวังต้องห้าม ห้องโถงกลาง

จักรพรรดิหยวน ได้นั่งลงด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า

ข้างหน้าเขามีชายชราอยู่คนหนึ่งยืนอยู่

เขามองไปที่จักรพรรดิหยวนด้วยใบหน้าซับซ้อน

“เจ้ารีบร้อนเกินไป”

ชายชราได้พูดคำเดียวกับ หลินจิ่วเฟิง โดยคิดว่า การจัดการของจักรพรรดิหยวน รีบร้อนเกินไป

จักรพรรดิหยวนได้ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ“เสด็จปู่จักรพรรดิ ขุนนางชั้นสูงเหล่านั้นได้กลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หากข้าไม่จัดการพวกเขาในตอนนี้ เกรงว่าในอนาคตจะไม่สามารถทำได้แล้ว”

“แต่เจ้าก็ไม่ฉลาดที่คิดจะจัดการพวกเขาทั้ง 9 ในเวลาเดียวกัน”ชายชราได้ถอนหายใจออกมา

เขาเป็นจักรพรรดิสองรุ่นก่อน ปู่ของจักรพรรดิหยวน

หลังจากที่เขาสละราชสมบัติ เขาก็เริ่มฝึกฝนอย่างสันโดษจนทั่งเขาไปถึงขั้นปราชญ์การต่อสู้ อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของพลังงานทางโลก

การดำรงอยู่ของเขาทำให้ จักรพรรดิหยวน มั่นใจที่จะลงมือในครั้งนี้

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ของราชวงศ์

ยังมี ไร้นาม ที่รับใช้เขา ทำให้เขามีปราชญ์การต่อสู้สองคนภายใต้บัญชาการ

นอกจากนี้ยังมีกองทัพทหารนับล้านและมหาอำนาจอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนในราชวงศ์

นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิหยวนกล้าเสี่ยงที่จะประกาศสงครามกับขุนนางชั้นสูงทั้ง 9

“เสด็จปู่จักรพรรดิ เวลาของข้าใกล้หมดลงแล้ว”จักรพรรดิหยวน ได้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่อ่อนล้า

ใบหน้าของ จักรพรรดิเฒ่าได้เปลี่ยนไป

เขาเอื้อมมือออกไปและคว้าข้อมือของจักรพรรดิหยวน ก่อนที่จะใช้พลังปราณสำรวจเข้าไปยังร่างกายของอีกฝ่าย

“นี่เจ้าฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายนั่นหรือไม่?”

จักรพรรดิเฒ่ามองไปที่จักรพรรดิหยวนด้วยความโกรธ

จักรพรรดิหยวนได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้“เสด็จปู่จักรพรรดิ ข้าต้องการพลัง”

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าพ่อของเจ้าเสียชีวิตเมื่อตอนอายุได้แค่ 50 ปี เพราะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายนี้ เจ้าคิดจะเดินตามรอยเท้าของเขาหรือยังไง?”จักรพรรดิเฒ่าได้กล่าวถามด้วยความปวดใจ

ต่อหน้าสาธารณชน การสิ้นพระชนม์ของพระโอรสของเขาก่อนหน้านี้ และ จักรพรรดิคนก่อน เป็นเพราะอีกฝ่ายประสบปัญหาในการบ่มเพาะพลังและเนื่องจากความเจ็บป่วยที่เขาได้รับจากความเครียดในการจัดการงานราชกิจ

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้สถานการณ์ของเขาไม่สามารถรักษาได้

แต่ความจริงก็คือจักรพรรดิองค์ก่อนพยายามแก้ไขปัญหาของชาติและฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายที่สุดในราชวงศ์เพื่อบรรลุแก่อำนาจ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ล้มเหลวและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

ในขั้นต้น จักรพรรดิเฒ่า ได้ปิดผนึกทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายหลังจากที่บุตรชายของเขาเสียชีวิต ไม่มีใครได้รับอนุญาติให้เข้าใกล้มัน แต่จักรพรรดิหยวน กลับแอบเข้าไปฝึกฝนโดยที่เขาไม่รู้

“เสด็จปู่จักรพรรดิ แม้ว่ามันจะมีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกฝนของข้า แต่ข้าก็ยังไม่พบปัญหาใด ๆ ในการฝึกฝน นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องการจะกวาดล้างส่วนเน่าเสียของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาที่ติดค้างมานานหลายร้อยปี”

จักรพรรดิหยวน ได้ยืนขึ้นและตอบกลับอย่างมั่นคง

“มันคุ้มงั้นเหรอ?”

จักรพรรดิเฒ่ามองไปที่หลานชายด้วยความรัก เพราะอีกฝ่ายคือเชื้อสายที่สืบทอดบัลลังก์

“เพื่อศักดิ์ศรีของราชวงศ์ และะ เพื่อความสงบสุขของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในอนาคต ข้าจำเป็นจะต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ เพื่อให้คนในโลกนี้อยู่ได้อย่างสงบสุข…”

“ดังนั้นข้าไม่เสียใจเลยที่จะต้องตายหากทำสำเร็จ”จักรพรรดิหยวน ได้กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น

“นอกจากนี้ ข้ายังมีไพ่ตายสุดท้ายอีกด้วย”

สายตาของจักรพรรดิหยวนได้มองไปที่ทางตำหนักเย็นที่ หลินจิ่วเฟิง อยู่

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะรบกวนพี่ใหญ่ของเขาเว้นแต่เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด