369 - การพิจารณาคดี
369 - การพิจารณาคดี
"น่าสนใจ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้น่าสนใจจริงๆ เมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ก็จะเห็นได้ทันทีว่าเจ้าเป็นแพะรับบาป
ดูเหมือนว่าฟางเป่ยโต้วสหายของเจ้าจะเป็นคนที่ค่อนข้างใช้ได้เช่นกัน” หลิวกงกงหัวเราะและปรบมือขณะอ่านหนังสือพิมพ์ในรถม้าของเขา
"ฮ่าๆๆ. ช่วงหลายวันที่ผ่านมาข้าไม่ได้ติดต่อพวกเขาเลย ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วเช่นนี้…”
หลิวกงกงหัวเราะ
“พวกเจ้าเป็นสหายกัน มันเป็นธรรมดาที่สหายของเจ้าจะช่วยเหลือเจ้า เรื่องของเจ้าก็ค่อนข้างโด่งดังอยู่แล้วการที่ฟางเป่ยโต้วจะได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่เห็นแปลก
บทความนี้เขียนได้ดี ดูเหมือนจะกล่าวอย่างเป็นกลางเต็มไปด้วยความยุติธรรม เห็นได้ชัดว่าสหายของเจ้ามีสติปัญญาล้ำเลิศ…” หลิวกงกงอ่านหนังสือพิมพ์ไปสักพักดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
“น่าสนใจ น่าสนใจ! ในความเป็นจริงหนังสือพิมพ์ของเจ้ามันสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากกว่านี้ เหตุไฉนข้าถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน…”
“ถ้ากงกงชื่นชอบข้าจัดส่งมาให้กงกงทุกฉบับ ทำให้กงกงได้รับข่าวสารที่ฉับไวกว่าคนอื่น…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มประจบประแจง
“ตกลงตามนี้…”
หลิวกงกงยิ้มขณะที่เขาเปิดดูกระดาษต่อไป
“อืมม… น่าสนใจ เจ้ายังมีประกาศตามหาคนหาย นี่เป็นความคิดที่ดี บางทีนี่อาจช่วยให้ผู้คนได้กลับมาพบกับสมาชิกในครอบครัวที่หายตัวไป…”
“หนังสือพิมพ์ของเราตีพิมพ์ทุกสัปดาห์ ถ้าคนๆนั้นโชคดีพอและไม่ได้หายไปนานเกินไป เขาก็อาจจะได้อ่านหนังสือพิมพ์ด้วย…”
“เจ้าคิดค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ในการเผยแพร่โฆษณา”
"ครั้งแรกๆก็ไม่คิดเงิน หากธุรกิจของพวกเขาดีขึ้นจริงๆพวกเราก็จะคิดเงินเพิ่ม แต่เป็นประกาศตามหาคนหายพวกเราจะไม่คิดเงินถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมไปด้วย
นอกจากประกาศตามหาคนขายและโฆษณาแล้ว พวกเรายังสามารถออกคำเชิญงานเลี้ยง หรือไม่ก็ลงภาพเหมือนของฆาตกรหรือผู้ร้ายที่ทางการต้องการตัวได้เช่นกัน!”
"ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ธุรกิจนี้ได้รับประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย ลี่เฉียง ข้าไม่ทราบว่าสมองของเจ้าบรรจุอะไรอยู่ถึงได้คิดของแบบนี้ขึ้นมาได้! อย่างที่เจ้าพูดหลังจากนี้ทางการคงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าไม่น้อย”
"แน่นอน! อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกกังวลอยู่บ้างหนังสือพิมพ์ของเราไม่มีผู้หนุนหลังอยู่เลย ดังนั้นข้าจึงกลัวว่าพวกเราอาจถูกกลั่นแกล้งได้”
มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะหาผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงไม่มีทางที่จะพลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“สิ่งที่เจ้าตีพิมพ์นั้นล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบอยู่แล้วไม่ใช่ความลับอะไร ส่วนเรื่องที่จะมีใครมากลั่นแกล้งเจ้าก็ขอให้มันมาเถอะข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะมีความสามารถแค่ไหน!”
“ขอบคุณกงกง…”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”
หลิวกงกงโบกมือให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากมุมมองของหลิวกงกง เขามองว่าหนังสือพิมพ์ของเอี้ยนลี่เฉียงเป็นธุรกิจขนาดเล็กคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรได้
คนทั้งสองนั่งรถม้าไปยังจัตุรัสกลางเมือง ระหว่างทางพวกเขาได้ยินคนตะโกนขณะที่พยายามขายหนังสือพิมพ์ หลิวกงกงจึงเลิกอ่านหนังสือพิมพ์แล้วหันกลับไปพูดกับเอี้ยนลี่เฉียงว่า
“ลี่เฉียง อย่าลืมสงบสติอารมณ์ไว้ในระหว่างการพิจารณาคดี ถ้ามีใครถามอะไรเจ้าเจ้าก็แค่พูดในสิ่งที่เจ้าพูดกับข้า พวกเขาอาจจะสร้างพยานเท็จขึ้นมาแต่หากเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเจ้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัว…”
“ข้าเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาแล้ว และคิดว่าคนทั้งเมืองก็เฝ้าดูการพิจารณาคดีอยู่ด้วยดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ลี่เฉียง เจ้ากลัวเหรอ? แน่นอนว่าผู้ที่บงการเรื่องนี้อยู่ก็คงหนีไม่พ้นเสนาบดีใหญ่” ขันทีหลิวถามด้วยรอยยิ้ม
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและตอบกลับว่า
“ข้าไม่ได้กลัว ตรงกันข้ามพวกเขาต่างหากที่ต้องหวาดกลัว ในวันนี้เป็นการพิจารณาคดีในที่สาธารณะ
เรื่องที่พวกเขาสอบถามข้าอาจจะสะกิดความทรงจำของผู้คนให้นึกถึงเรื่องชั่วช้าที่พวกเขาเคยทำ…”
หลิวกงกงพยักหน้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าชอบเจ้าลี่เฉียง…”
—— ไม่เลวไม่เลวเลย! ดูเหมือนว่าเด็กน้อยคนนี้ควรค่าแก่การส่งเสริม สมแล้วที่ฝ่าบาทแนะนำอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนให้กับเขา!
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มแต่เมื่อได้ทราบเหตุผลว่าคนที่ฝากฝังเขาให้ได้ฝึกวิชาเหล่านั้นคือจักรพรรดิ์เอี้ยนลี่เฉียงก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
นี่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่หลิวกงกงเห็นเขาฝึกศิลปะการต่อสู้และสังเกตว่าเขามีพรสวรรค์ ดังนั้นหลิวกงกงจึงนำเรื่องนี้ขึ้นรายงานต่อจักรพรรดิ์
หลังจากนั้นจักรพรรดิก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่จะทำการบ่มเพาะเขาเพื่อให้เป็นเสี้ยนหนามต่อหลินชิงเทียนในอนาคต
เอี้ยนลี่เฉียงมองเห็นภาพรวมทั้งหมดทันที
ความสามารถของงูพลังจิตนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง มันทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถอ่านใจคนได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็จะมีไพ่ลับอีกชิ้น
รถม้ายังคงดังเอี๊ยดต่อไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในเมือง ในที่สุดมันก็หยุดลง และเสียงของหลี่น้อยที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น
“กงกงเรามาถึงแล้ว!”
ประตูรถม้าถูกเปิดออก เอี้ยนลี่เฉียงปล่อยให้หลิวกงกงลงจากรถม้าก่อนจากนั้นเขาจึงเดินตามหลังออกไป
รถม้าหยุดตรงหน้าทางเข้าจัตุรัส ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงลงจากรถม้า เขาก็รู้สึกประหลาดใจกับฝูงชนจำนวนมากที่กำลังรอฟังการพิจารณาคดี
“เห็นเขาไหม? ชายหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถม้าคนนั้นคือเอี้ยนลี่เฉียง…”
“เขาดูเด็กมาก ได้ยินมาว่าเขาเป็นเพียงนักรบต่อสู้เท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะฆ่าปรมาจารย์นักสู้หลายคนด้วยตัวคนเดียว! เขาต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาถูกใส่ร้าย…”
"ถูกต้อง! เขาต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน!”
“เอี้ยนลี่เฉียงเป็นอัจฉริยะแห่งยุค! ได้ยินมาว่าชื่อเสียงของเขาที่แคว้นกานโดดเด่นเป็นอย่างมาก แม้แต่นักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลกอย่างจางโหย่วหรงก็มาที่เมืองหลวงเพื่อพบเขาเป็นการเฉพาะ!”
“ว้าว ที่เจ้าพูดคือเรื่องจริง!”
ทันทีที่ฝูงชนด้านนอกจัตุรัสมองเห็นเอี้ยนลี่เฉียงออกมาจากรถม้า พวกเขาก็ส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินทุกคนพูดถึงเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นดาราที่กำลังเดินอยู่บนพรมแดง
เอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่รอช้าเขาก้มลงแสดงความเคารพให้กับฝูงชนที่อยู่รอบๆพร้อมกับเรียกเสียงโห่ร้องให้กำลังใจจากทุกคนจนดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนน้อมของเอี้ยนลี่เฉียงฝูงชนจำนวนมากก็เริ่มสร้างความวุ่นวายขึ้นมาทันที
พวกเขาส่งเสียงตะโกนกดดันให้เจ้าหน้าที่กรมอาญาให้ความเป็นธรรมแก่เด็กหนุ่ม “ผู้ซื่อสัตย์”คนนี้ อย่าปล่อยให้เขาถูกใส่ร้ายจากคน “ชั่วช้า” ได้
เอี้ยนลี่เฉียงจำใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคนได้อย่างรวดเร็ว ฟางเป่ยโต้ว หูไห่เหอ สวีเอิ้นต้าก็อยู่ท่ามกลางฝูงชนคอยชักนำคำพูดเพื่อสร้างความปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา
เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้าให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มจากนั้นจึงเดินเข้าไปในส่วนพิจารณาคดีด้วยความมั่นใจ
"หลีกทาง! ออกจากบริเวณพิจารณาคดี! พวกเจ้าอย่าได้สร้างความปั่นป่วน!”
ทหารหลายคนเข้ามาคุมตัวเอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าไปในลานกว้างในขณะเดียวกันก็เพื่อปกป้องเขาจากมือสังหารที่อาจจะแฝงตัวเข้ามา