255-256
5/10
Ep.255
“ช่างอวดดี!”
สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าตอนแรกแค่นเสียงเย็นชา แต่แล้วพลันชะงักไป “มนุษย์ เหตุใดเจ้าสามารถเอ่ยภาษาเผ่าโลหิตของพวกเราได้?”
หยางฮ่าวและคนอื่นๆบนรถก็รู้สึกสับสนเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นซูเฉินคุยกับพวกต่างเผ่าพันธุ์
“พี่เฉินพูดภาษาต่างเผ่าได้ด้วยหรอ?” หยางฮ่าวเบิกตากว้าง
สือต้าหนิวที่อยู่ข้างๆกล่าวเสียงหวั่น “พี่เฉินสุดยอดจริงๆ ไม่ใช่ตัวตนที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะทำความเข้าใจได้ ฉันคิดว่าในโลกใบนี้ คงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่พี่เฉินทำไม่ได้”
เฉาหรานกับหยางฮ่าวมองหน้ากัน ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย
หากเป็นสือต้าหนิวคนก่อน จะไม่มีทางเอ่ยคำ ‘พี่เฉินสุดยอด’ ออกมาแน่ๆ เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายถูกพวกเขาสองคนพูดกรอกหูจนจดจำและเผลอเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว?
ภายนอกรถ ซูเฉินกวาดสายตามองเผ่าโลหิต แค่นเสียงเบาๆ “ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่รู้ แต่ทำไมฉันต้องบอกพวกแกด้วย? อาศัยแค่เผ่าโลหิต คู่ควรให้มาเสียเวลานั่งอธิบายหรือ?”
“ปากแส่หาที่ตาย!”
เผ่าโลหิตตัวสูงสุดโกรธจัด ฟันกัดเสียงดัง กรอด กรอด
เผ่าโลหิตไม่ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุดในบรรดาทุกเชื้อชาติก็จริง แต่พวกมันก็ยังถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์อันดับต้นๆเช่นกัน
ในขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นที่กล่าวขวัญว่าคือเผ่าพันธุ์อ่อนแอที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งปวง
ในสายตาของพวกมัน มนุษย์เป็นแค่มดหรืออาหารเท่านั้น
แต่มดที่ว่า เวลานี้กลับกล้าหัวเราะเยาะเผ่าพันธุ์โลหิต ช่างไม่รู้จักที่ตาย!
“กำจัดมันซะ!”
เผ่าโลหิตตัวสูงเลียริมฝีปาก ส่งสายตาให้พวกพ้องที่อยู่ข้างๆ
ทันใดนั้นเอง เผ่าโลหิตสี่ตนพลันหุบปีก ทิ้งตัวแหวกอากาศเข้าหาซูเฉิน
พิจารณาจากแรงกดดันที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา ซูเฉินได้ข้อสรุปว่าพวกต่างเผ่าทั้งสี่ตนนี้ เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ทั้งสิ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเผ่าโลหิต หากเป็นคนอื่นคงลนลานไปนานแล้ว แต่ซูเฉินกลับยังคงสงบ ใบหน้าเขาเผยกระทั่งร่องรอยของความเหยียดหยาม
เขาปลดปล่อยพลังจิตออกมา ในเวลาเดียวกันถือ [ดาบเสริมมนตรา] ตัดกวาดออกไปในแนวนอน
เผ่าโลหิตสี่ตนที่บินเข้าหาซูเฉิน ขณะที่พวกมันกำลังจะลงมือ ทั้งหมดราวกับจมลงไปในบึงโคลน แค่ขยับนิ้วยังทำไม่ได้
“ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4!”
ตระหนักถึงเรื่องนี้ ความตื่นตระหนกสะท้อนเข้ามาในแววตาของพวกมัน
เพราะความแข็งแกร่งของปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 มิใช่สิ่งที่พวกมันจะสามารถต้านทานได้
เมื่อถูกจำกัดการเคลื่อนไหว สิ่งที่ต้องเผชิญหลังจากนี้ ไม่ต้องบอกก็คงทราบได้
เผ่าโลหิตทั้งสี่ตนไม่ต้องการรอความตาย พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
กระนั้น ซูเฉินก็ไม่เปิดโอกาสให้พวกมัน [ดาบเสริมมนตรา] ตัดกวาดออกไป สะบั้นหัวพวกมันอย่างหมดจดและเฉียบขาด
ช่วงจังหวะที่สี่ศพร่วงลงกับพื้น ปรากฏลำแสงสี่สายสะท้อนขึ้นมา
เห็นสิ่งนี้ มุมปากของซูเฉินยกสูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นมองไปยังร่างสูงใหญ่ กล่าวเยาะเย้ยว่า “เผ่าโลหิต ที่แท้ก็มีฝีมือแค่นี้!”
เผ่าโลหิตตัวสูงกัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว
การตายของสหายในเผ่าทำให้มันโมโหมาก อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งที่ซูเฉินสำแดงออกมา กลับทำให้มันประหลาดใจยิ่งกว่า
ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 บวกกับผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 มีถึงสองอาชีพหลักในร่างเดียว อัจฉริยะเช่นนี้ กระทั่งในเผ่าโลหิตก็ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ ที่แท้ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง” ดวงตาของเผ่าโลหิตตัวสูงทอประกายเย็นยะเยือก มันพึมพำ ก่อนแสยะยิ้มและกล่าวอีกครั้งว่า “แต่ถึงเจ้าจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่อยู่ในสายตาข้าอยู่ดี วันนี้ ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็น ว่าคำว่าทรงพลัง แท้จริงเป็นอย่างไร!”
สิ้นเสียง แรงกดดันอันน่าพรั่นพรึงพลันระเบิดออกจากกายเขา และความแข็งแกร่งที่ถูกเปิดเผยออกมา คือระดับของผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 !
“ทรงพลังมาก!”
หวู่หยางและคนอื่นๆใน [รถศึกอัจฉริยะ] สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย อดเหงื่อแตกแทนซูเฉินไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า … มนุษย์เอ๋ย รู้สึกถึงความสิ้นหวังแล้วหรือยัง!”
เผ่าโลหิตหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บินเข้าหาซูเฉิน
6/10
Ep.256
“เจ้าหมอนี่อวดเบ่งชะมัด”
ซูเฉินเบ้ปาก อัดฉีดพลังเวทย์ธาตุสายฟ้าเข้าสู่ [ดาบเสริมมนตรา] ตวัดฟันออกไป
เผ่าโลหิตตัวสูงมาถึงเบื้องหน้าซูเฉินพอดี พริบตานั้นสายฟ้าพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตามัน
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ประกายจากสายฟ้ายิ่งมายิ่งเจิดจ้า พรั่งพราวใหญ่โตขึ้นเรื่อย
จนในที่สุดขยายเป็นกระแสสีฟ้าที่มีความหนาเท่าชามใหญ่ โถมกลืนเข้าหามัน
สัมผัสได้ถึงสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวและคลื่นความผันผวนที่แฝงอยู่ในกระแสสีฟ้า เผ่าโลหิตตะลึงลานไปครู่หนึ่ง ก่อนตะโกนด้วยความสยองเกล้า “เวทย์ธาตุสายฟ้า! นี่เจ้ายังเป็นปรมาจารย์มนตราด้วย!”
มันไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าซูเฉินไม่เพียงเป็นปรมาจารย์พลังจิตและผู้วิวัฒนาการ แต่ยังเป็นปรมาจารย์มนตราอีกด้วย
และเวทย์สายฟ้าที่ปลดปล่อยออกมา ก็เหนือกว่าเลเวล 4 อย่างสิ้นเชิง ทั้งยังดูเหมือนจะแกร่งของเวทย์เลเวล 5 อยู่เล็กน้อย
น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
มนุษย์รุ่นเยาว์ตรงหน้ามัน ไม่เพียงครอบครองสามอาชีพหลัก แต่ระดับการฝึกฝนในส่วนของปรมาจารย์มนตรา น่าจะอยู่ในเลเวล 5
เมื่อเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่อันร้ายกาจเช่นซูเฉิน ต่อให้เผ่าโลหิตมีความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างสูง มันก็ยังอดหวาดกลัวอย่างขึ้นมาไม่ได้
อันที่จริงแล้ว ระดับการฝึกฝนในฐานะปรมาจารย์มนตราของซูเฉินอยู่แค่เลเวล 4 เท่านั้น แต่เหตุผลที่เขาสามารถระเบิดอานุภาพเทียบเท่ากับเลเวล 5 ได้
เป็นเพราะ [สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งความป่าเถื่อน] ที่ถูกหลอมรวมเข้ากับเวทย์สายฟ้า
อีกทั้งเวทย์สายฟ้ายังเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าโลหิต เวทย์สายฟ้าเลเวล 5 จึงมากพอที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่มันได้
นี่จึงเป็นเหตุผลเผ่าโลหิตบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ถึงขั้นเกิดความคิดที่จะหนีออกจากที่นี่ทันที
เพียงแต่ว่า ระยะห่างระหว่างทั้งสองมันแคบเกินไป หากคิดหนีหรือหลบเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าสายไปเสียแล้ว
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เผ่าโลหิตตัวสูงทำได้เพียงกัดฟัน และยกสองแขนขึ้นบดบังเบื้องหน้า เพื่อป้องกันกระแสสีฟ้าของเวทย์สายฟ้า
วินาทีถัดมา กระแสสีฟ้าปะทะเข้าใส่มันอย่างจัง ชั่วพริบตาเดียว เผ่าโลหิตตัวสูงจมอยู่ภายใต้ธารสายฟ้า
ได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นดังกึกก้อง
เผ่าโลหิตตัวสูงปลิวประเด็นออกไป
ทันทีที่สองเท้าแตะลงกับพื้น ทุกคนก็เห็นว่าสองแขนของมัน ในเวลานี้เปื้อนไปด้วยเลือด นอกจากนี้ตามร่างกายยังมีรอยไหม้เกรียมปรากฏขึ้นหลายแห่ง
เดิมที ร่างกายของเผ่าโลหิตมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูตัวเองที่สูงมาก ทว่าภายใต้อำนาจทำลายล้างของเวทย์สายฟ้า มันกลับไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นตัวเลย
“อ๊อกกก!”
เผ่าโลหิตตัวสูงล้มลงกับพื้น ปากอ้ากระอักเลือด ลมหายใจของมันหอบถี่ อ่อนแรงลงเป็นอย่างมาก แทบรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้
เผ่าโลหิตที่เหลืออีกแปดตัวบนอากาศ เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งหมดสั่นสะท้าน
ความแข็งแกร่งเช่นซูเฉิน พวกมันเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรกในชีวิต
สามารถกำราบผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ด้วยการโจมตีเพียงครั้งนี้ อำนาจอันน่าสะพรึงเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่พวกมันจะสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน
เมื่อรู้อย่างนี้ ทุกตนก็ตัดสินใจล่าถอยพร้อมกัน
“คิดหนี? ก็ลองดูว่าพวกแกจะทำได้รึเปล่า”
ซูเฉินยิ้มเหยียดหยาม ซัดหมัดออกไป
ในชั่วพริบตา เงาหมัดนับร้อยปรากฏขึ้นกลางอากาศ ส่งเสียงฉวัดเฉวียนระดมชกใส่เผ่าโลหิตทั้งแปด
ผัวะ ผัวะ ผัวะ!
ท่ามกลางเสียงกระหน่ำอย่างรุนแรง กระดูกของเผ่าโลหิตทั้งแปดถูกทุบจนแหลกเป็นๆ ลำแสงแปดสายร่วงตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างช้าๆ
“ชิ้นส่วนแปดชิ้น!” ริมฝีปากของซูเฉินคลี่ยิ้ม แสดงออกถึงความสุข
เผ่าโลหิตตัวสูงที่นอนหมอบอยู่กับพื้น ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ มันก็ไม่คิดฝืนตัวเองอีกต่อไป ศีรษะพับลง แน่นิ่งไป
หวู่หยางในรถ เมื่อเห็นซูเฉินกำจัดศัตรูทั้งหมดในคราวเดียว เขาก็สูดหายใจลึก
ในใจอดนึกถึงความสามารถของซูเฉินที่เขาประเมินไว้ในครั้งก่อนขึ้นมาไม่ได้
ตอนแรกเขาคิดว่าซูเฉินแค่คงกระพันในเลเวลเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่อให้เป็นศัตรูระดับสูงกว่าหนึ่งขั้น ก็ยังกำจัดได้ง่ายดายไม่ต่างจากการล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า!
ความแข็งแกร่งของซูเฉิน ได้เหนือล้ำเกินกว่าที่ปุถุชนเช่นเขาจะเอื้อมถึงไปเรียบร้อยแล้ว