เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1503 กองทัพอสูรวิญญาณ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1503 กองทัพอสูรวิญญาณ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนขี่ก้อนเมฆสีขาวและเคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้า
มันไม่เร็วมากแต่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ
เมฆที่เขาขี่ไม่ใช่เมฆธรรมดา มันมีต้นกำเนิดมาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน หลังจากดัดแปลง ฟางหยวนสามารถใช้งานมัน
มันถูกเรียกว่าเมฆมงคล
เมฆมงคลไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามความต้องการของฟางหยวนแต่มันถูกขับเคลื่อนโดยโชค
ฟางหยวนไม่รู้ว่ามันจะนำพาเขาไปที่ใด แต่เขาเข้าใจว่าเมฆมงคลจะนำเขาไปพบกับโชคดี
เขาใช้เวลาหลายวันเพื่อมาที่นี่
มันคือทะเลทรายผีเขียว
มันเป็นสถานที่อันตรายของทะเลทรายตะวันตก ในช่วงแสนปีที่ผ่านมามีผู้อมตะจำนวนมากเสียชีวิตอยู่ที่นี่
ท้องฟ้าของทะเลทรายผีเขียวปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำตลอดทั้งปี แสงแดดแทบไม่สามารถสาดส่องลงมา
ทะเลทรายแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณ
มันเป็นต้นไม้ที่ดูราวกับภูตผีกำลังร้องไห้ ทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน มันจะเกิดการสั่นสะเทือนและส่งเสียงโหยหวนออกมา
ต้นไม้เหล่านี้กำลังร้องไห้คร่ำครวญขณะที่อสูรวิญญาณสัญจรไปมาอยู่อย่างเงียบๆ
อสูรวิญญาณที่ดูคล้ายแมลงสาบแต่มีหางยาวเหมือนอสรพิษกำลังคืบคลานเข้ามาด้านหลังฟางหยวน
แต่ดูเหมือนฟางหยวนจะไม่รู้สึกถึงมัน มันยกแขนเคียวทั้งสองขึ้นและฟาดมาที่ฟางหยวน
ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้ว
ร่างของอสูรวิญญาณแข็งค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะล้มลงบนพื้น
ฟางหยวนโบกมือเบาๆขณะที่ศพของอสูรวิญญาณลอยขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเขา
ศพของอสูรวิญญาณกลายเป็นควันสีเทาเข้มและสลายไปกับสายลม หลังจากนั้นมีเพียงแก่นกลางที่ดูเหมือนลูกแก้วของมันวางอยู่ในมือของเขา
ลูกแก้วสีฟ้าค่อนข้างมีน้ำหนัก ฟางหยวนรู้สึกราวกับกำลังถือถังสุราเอาไว้ในมือ
นี่เป็นทรัพยากรอมตะระดับหก
แก่นแท้อสูรวิญญาณ
เช่นเดียวกับอสูรโคลนที่จะทิ้งแก่นแท้ของพวกมันเอาไว้หลังจากความตาย
อสูรวิญญาณ อสูรโคลน อสูรโลหิต และสัตว์อสูรประเภทภูตผีจะเก็บร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเอาไว้ในแกนกลางของพวกมัน
หลังจากยืนยันว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ ฟางหยวนก็โยนมันเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา
ในมิติช่องว่างจักรพรรดิมีแก่นแท้อสูรวิญญาณอยู่เล็กน้อย
ส่วนใหญ่เป็นแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหก มีระดับเจ็ดบางส่วน แต่ไม่มีระดับแปด
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวน มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะสังหารอสูรวิญญาณเดียวดายและอสูรวิญญาณบรรพกาล
หลังจากมาถึงทะเลทรายผีเขียว อสูรวิญญาณเดียวดายและอสูรวิญญาณบรรพกาลจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาหาเขา
แม้ฟางหยวนจะมีผนึกภูตผีและอาภรณ์วิญญาณ แต่เมฆมงคลไม่ได้ปกปิดกลิ่นอาย เป้าหมายของอสูรวิญญาณเหล่านั้นก็คือเมฆมงคล แต่น่าเสียดายที่พวกมันตกลงสู่หลุมพรางที่ชั่วร้ายของฟางหยวน
การถือกำเนิดของอสูรวิญญาณเกี่ยวกับเทพปีศาจสองคน
หนึ่งคือเทพปีศาจบัวแดง เขาทำลายวิญญาณชะตากรรม นั่นทำให้รูปแบบชีวิตมากมายสามารถหลบหนีจากโซ่ตรวนของโชคชะตา หลังจากตกตาย ดวงวิญญาณของพวกมันสามารถหลบหนีออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย
สองคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นั่นทำให้ดวงวิญญาณสามารถเปลี่ยนเป็นอสูรวิญญาณ
แต่ในปัจจุบันส่วนหนึ่งของอสูรวิญญาณสามารถถือกำเนิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติในสถานที่ที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่หนาแน่น
เวลาเปลี่ยนไป สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนแปลง
จากอดีตจนถึงปัจจุบันโลกของผู้ใช้วิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว แก่นแท้อสูรวิญญาณสามารถใช้ทดแทนดวงวิญญาณเพื่อเป็นอาหารให้กับภูเขาตงฮัน
แต่คุณภาพของแก่นแท้อสูรวิญญาณยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับดวงวิญญาณของผู้อมตะ มันเทียบได้กับดวงวิญญาณของสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเท่านั้น
‘ตั้งแต่ข้าเข้ามาในทะเลทรายผีเขียว ข้าได้รับแก่นแท้อสูรวิญญาณมามากมาย ข้าหวังว่าข้าจะสามารถยึดครองสถานที่แห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์’ ฟางหยวนคิดกับตนเอง
หากเขาสามารถยึดครองสถานที่แห่งนี้ มันก็เหมือนกับเขาสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มันสามารถผลักดันรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา
ขณะที่ฟางหยวนกำลังครุ่นคิด เสียงที่แหลมสูงก็ดังมาจากด้านหลังทางซ้าย
แมงป่องยักษ์กำลังบินเข้ามาหาเขา
รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลงทันทีเมื่อเขาชำเลืองมอง
แมงป่องสีดำที่มีร่างกายแบนราวกับจานทรงกลมพุ่งเข้ามาหาฟางหยวนด้วยความดุร้าย
‘นี่คือแมงป่องจานบินแรกกำเนิด มันเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งปัญญา อาหารของมันคืออสูรวิญญาณ!’ ข้อมูลของมันปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ผนึกภูตผีสามารถซ่อนฟางหยวนจากการรับรู้ของอสูรวิญญาณแต่มันไม่มีผลกับสัตว์อสูรตัวนี้
ฟางหยวนกระโดดออกจากเมฆมงคลและหลบหนี
ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาไม่ได้หวาดกลัว อย่างไรก็ตามเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้กับแมงป่องจานบินแรกกำเนิด แต่เพื่อรวบรวมแก่นแท้อสูรวิญญาณให้ได้มากที่สุด
ฟางหยวนล่าถอยแต่แมงป่องจานบินแรกกำเนิดไม่ยอมปล่อยเขาไป แต่หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฟางหยวนก็ประสบความสำเร็จในการหลบหนี
อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งในทะเลทรายผีเขียว กระทั่งฟางหยวนก็ไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่
ฟางหยวนออกล่าอสูรวิญญาณและบ่มเพาะจิตวิญญาณไปพร้อมกัน หากพบสัตว์อสูรเช่นแมงป่องจานบินแรกกำเนิด ฟางหยวนจะพยายามหลบหนี
ฟางหยวนไม่ใช่คนเดียวที่ออกล่า สมาชิกนิกายเงาก็ทำเช่นเดียวกัน
แก่นแท้อสูรวิญญาณทั้งหมดที่พวกเขาได้รับถูกส่งมอบให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยว
ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน รากฐานของฟางหยวนก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
‘รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าเพียงพอแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว’ ฟางหยวนออกคำสั่งให้สมาชิกนิกายเงาหยุดสังหารอสูรวิญญาณแต่เปลี่ยนเป็นจับและสะกดข่มพวกมัน
ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีวิธีการมากมายในการกดขี่อสูรวิญญาณ
สิ่งเดียวที่เขาไม่มีคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งทาส
ภายใต้ความพยายามของทุกคน ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้รับทาสอสูรวิญญาณฝูงใหญ่ ท่ามกลางพวกมันมีอสูรวิญญาณเดียวดายหกสิบตนและมีอสูรวิญญาณบรรพกาลอีกยี่สิบตน
อสูรวิญญาณมีรูปร่างพิสดารทุกประเภท มันกลายเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่ออกอาละวาดอยู่ในทะเลทรายผีเขียว
เมื่อพวกเขาพบอสูรวิญญาณที่อยู่เพียงลำพังหรือฝูงอสูรวิญญาณ ฟางหยวนจะสั่งให้ทาสอสูรวิญญาณของเขาโจมตีพวกมัน อสูรวิญญาณตัวที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมจะถูกสังหารเพื่อรับแก่นแท้อสูรวิญญาณ อสูรวิญญาณที่เหลือจะกลายเป็นทาสของฟางหยวนและคนอื่นๆ
ผ่านไปสิบกว่าวัน กองทัพทาสอสูรวิญญาณก็เติบโตขึ้นถึงสามเท่า