ตอนที่ 14 โมโหหิว
เสียงของเฉินผิงอันและหลินชวนฮวาดังลั่นมาถึงโรงเก็บไม้ เฉินเถียนเถียนไม่อาจข่มตาลงจนต้องยกผ้าห่มอุดหู! อีกทั้งเสียงนั้นดังรบกวนไปถึงห้องของเฉินเฉิงเยี่ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เป็นเหตุให้เขาโกรธจัดจนกำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะทำเพื่อตน แม่คงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้! สักวันหนึ่งเขาจะเอาคืนเฉินผิงอันให้ได้!
ในที่สุดหลินชวนฮวาที่เหนื่อยล้าจากการไม่ได้พักผ่อนทั้งคืนก็ผล็อยหลับยาวจนลืมไปว่านางต้องเป็นคนลุกมาทำอาหารในตอนเช้า!
เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินผิงอันออกแรงตลอดทั้งคืนและก่อนหน้านั้นแทบจะไม่ได้กินข้าวเลย เช่นนี้จึงส่งผลให้เขารู้สึกหิวมากหลังจากตื่นนอน
เฉินผิงอันนั่งรออาหารอย่างใจจดใจจ่อ สมาชิกของครอบครัวนี้มีทั้งหมดห้าคนแต่เฉินเฉิงเยี่ยอ้างว่าต้องอ่านหนังสือจึงตั้งใจจะกินอาหารในห้องเพื่อไม่ให้เสียเวลา ขณะที่เฉินเฉินยังเด็กมากจึงไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้ใหญ่ได้
การนั่งร่วมโต๊ะในห้องอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่หลินชวนฮวาเองยังต้องได้รับอนุญาตจากเฉินผิงอันก่อน ทั้งหมดก็เพราะหลินชวนฮวาอยากให้เฉินผิงอันและเฉินเฉิงเยี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น จึงอ้างกฎของการนั่งร่วมโต๊ะอาหารเช่นนี้ขึ้นมา
หลินชวนฮวาถือได้ว่าเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นางไม่เพียงต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีให้ลูกชายเท่านั้น แต่ยังเกลี้ยกล่อมเฉินผิงอันให้ทอดทิ้งและขับไล่เฉินเถียนเถียนออกจากบ้านได้อีกด้วย
หลิวชวนฮวาใส่เสื้อผ้า ก่อนจะบิดขี้เกียจและเดินตามเฉินผิงอันออกมา แต่วันนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เฉินเถียนเถียนไม่ได้ทำกับข้าวรอไว้เช่นเคย หลินชวนฮวาตระหนักได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เฉินเถียนเถียนคนเดิมอีกต่อไป!
เฉินผิงอันตบโต๊ะด้วยความโมโห “หายหัวไปไหนกันหมด?! อยากให้ข้าหิวตายงั้นหรือ?!”
หลินชวนฮวามองเฉินผิงอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจแต่ยังคงแสร้งทำตัวเป็นหญิงอ่อนโยน “สามี... ข้าต้องขอโทษด้วย เมื่อคืน… ข้าเหนื่อยเกินไปจึงตื่นสาย”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนั้น แน่นอนว่าเฉินผิงอันยอมอ่อนข้อลงทันที แต่ก็ยังไม่วายตะโกนเสียงดัง “หากแม่ไม่สบาย ลูกสาวต้องเป็นคนทำแทนไม่ใช่หรือ? อีเด็กขี้ครอกนั่นไปไหน?”
เฉินเถียนเถียนยังคงนอนหิวโซอยู่ในโรงเก็บไม้ นางจำเป็นต้องลดการใช้แรง เนื่องจากอาจทำให้เสียพลังงานมากขึ้น
ในขณะนั้นเองเฉินผิงอันถีบประตูเข้ามาด้วยความเกรี้ยวกราด เป็นเพราะเฉินเฉิงเยี่ยจึงทำให้เฉินเถียนเถียทำตัวสกปรกตลอดเวลา แต่ในสายตาของเฉินผิงอัน นอกจากจะไม่น่าสงสารแล้วยังสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาไม่น้อย!
“นังเด็กขี้ครอก! ปีกกล้าขาแข็งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่ลุกมาทำกับข้าว?!”
เฉินเถียนเถียนมักจะอารมณ์เสียเป็นปกติในตอนตื่น ยิ่งถูกปลุกด้วยวิธีที่หยาบคายเช่นนี้ยิ่งทำให้หงุดหงิดจนลืมไปว่าอยู่ในร่างของใคร จึงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “พ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือไร คิดว่าข้าไม่หิวงั้นหรือ?! ห้องครัวไม่มีอาหารสักอย่างจะให้ข้าทำสิ่งใดให้กินเล่า?”
เฉินผิงอันรู้สึกโกรธมาก ลูกสาวที่เคยแสนดีกล้าพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร?
“นังเด็กเหลือขอ กล้าพูดกับพ่อแบบงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเถียนเถียนก็ฟื้นคืนสติทันที “พ่อก็ไปถามแม่สิว่าเหตุใดจึงต้องซ่อนอาหารจากข้าด้วย?!”
ฉับพลันหลินชวนฮวารีบวิ่งเข้ามา หากเฉินผิงอันได้ยินว่านางทำอะไรลงไปบ้าง เขาต้องสงสัยในตัวนางแน่ เพราะมีเพียงเฉินเถียนเถียนเท่านั้นที่รู้ว่านางทำชั่วอะไรบ้าง
“สามี... ทั้งหมดเป็นความผิดข้าเอง ข้ากลัวว่าจะมีหนูมาขโมยอาหารจึงนำไปซ่อนและลืมเอาออกมา”
เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้ม “หากกลัวหนู เหตุใดจึงไม่วางกับดักเล่า?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันจึงโมโหขึ้นมาอีกรอบพร้อมตะคอกเสียงดัง “นี่เจ้าพูดจาดี ๆ ไม่เป็นหรือไร?!”
เฉินเถียนเถียนตอบ “ไม่เคยมีใครสอน ข้าจะพูดได้อย่างไร?”
“ไม่ใช่ไม่มีใครสอนแต่เจ้าไม่ฟังเสียมากกว่า แม่ของเจ้ามีเรื่องมากมายต้องจัดการ จะให้มาคอยสอนเจ้าได้ตลอดเลยหรือ?!”
เฉินเถียนเถียนกลอกตาไปมาด้วยความขยะแขยง
‘ให้นางมาคอยสอนงั้นหรือ? คงจะได้เรียนรู้วิธีการใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเสียมากกว่า!’
หลินชวนฮวากลัวว่าเฉินเถียนเถียนจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงรีบลากตัวเฉินผิงอันออกไปพร้อมกล่าวปลอบประโลม “สามีข้า… นางเป็นลูกของเจ้านะ พูดจากับนางดี ๆ หน่อยเถิด!”
“หากแม่เป็นห่วงข้าจริงก็ทำกับข้าวเองเสีย มื้อนี้ข้าจะออกไปหากินข้างนอก”
เฉินผิงอันที่กำลังจะใจเย็นลงก็พลันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนเฉินเถียนเถียนรีบลุกและเดินออกจากบ้านทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาอาละวาดแม้เพียงครึ่งคำ
“ส่วนเรื่องนายน้อยหลี่ อย่าคิดส่งข้ากลับไปอีก! หากพ่อยังขัดขืน ข้าจะทำให้เฉินเฉิงเยี่ยเสียชื่อเสียง คิดให้ดีก็แล้วกัน ขุนนางที่ขายน้องสาวเพื่อแลกกับการเรียนหนังสือจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร?” จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเดินออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
แต่ในขณะเดียวกันเฉินผิงอันกลับโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หลินชวนฮวาจึงใช้เรือนร่างอันยั่วยวนเพื่อปลอบและทำให้เขาพอใจ
เฉินเฉิงเยี่ยได้แต่กัดฟันอดทนและเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้น!
เฉินเถียนเถียนลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะเดินมายังบ่อน้ำพร้อมกับบิดขี้เกียจเบา ๆ อากาศในยุคโบราณช่างดีเสียจริง ในยุคที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าและควันจากไอเสียรถจะหาอากาศเช่นนี้ได้จากที่ไหนกัน?
เฉินเถียนเถียนไม่คุ้นชินกับวิถีชีวิตของคนโบราณที่ไม่แปรงฟัน แต่ยุคนี้แม้แต่เกลือขัดฟันยังหายาก ดังนั้นนางจึงหยิบหญ้ามาใช้แทนแปรงสีฟัน
หยุนเคอกำลังเดินลงมาจากภูเขาและเจอเข้ากับภาพนี้ก็ตกตะลึงทันที
หญิงสาวสกปรกคนนั้นกำลังใช้ต้นหญ้าขัดฟัน!
……
‘เสร็จสักที!’ เฉินเถียนเถียนชะโงกหัวดูบ่อน้ำก่อนจะยิงฟันเพื่อตรวจสอบ จากนั้นจึงทราบว่าใบหน้านั้นงดงามถึงเพียงนี้ แต่กลับอ่อนแอและปกป้องตนเองไม่ได้ เอาเถอะ อย่างไรซะแม้ร่างกายจะซูบผอมแต่ใบหน้ายังคงสง่างาม!
‘ต่อไปนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าจะดูแลร่างกายของเจ้าให้ดี... ไม่อยากจะคิดเลยว่าความงามของเจ้าจะมากมายเพียงใด!’
ทั้งหมดเป็นเพราะนางรู้ถึงเจตนาของเฉินเฉิงเยี่ยจึงทำตัวให้ดูสกปรกและไม่น่ามอง…