363 - คืนสังหาร
363 - คืนสังหาร
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็ทะยานข้ามกำแพงที่สูงกว่าหนึ่งวาไปได้ง่ายๆ
ภายในสถานที่อย่างเมืองหลวง คฤหาสน์ที่ซูหลางอยู่นั้นไม่ถือว่าเป็นคฤหาสน์ที่สูงใหญ่และมั่งคั่ง อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้มีขนาดเล็กนัก ในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกสุดยังคงจุดตะเกียงอยู่
เอี้ยนลี่เฉียงเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบไปในทิศทางของหน้าต่างห้องที่มีแสงไฟนั้น เขาปีนขึ้นต้นไม้เพื่อส่องให้เห็นถึงสถานการณ์ด้านใน
มีคนห้าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ พวกเขากำลังดื่มเหล้าและสนทนากันในเรื่องที่พบกับเอี้ยนลี่เฉียงในวันนี้
“ทำไมปี้อันยังไม่กลับมา? ไม่ใช่ว่าถูกเจ้าเด็กนั่นฆ่าตายไปแล้วหรอกนะ?”
คนที่นั่งทางด้านซ้ายของซูหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ปี้อันทำงานอย่างรอบคอบและสามารถเชื่อถือได้ การที่เขายังไม่กลับมาก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาแล้ว…” ซูหลางหรี่ตาในขณะที่เขาพูด
“ตอนนี้มันเที่ยงคืนกว่า ร้านอาหารก็น่าจะปิดแล้ว…”
“อืมดังนั้นปี้อันก็น่าจะกลับมาเร็วๆนี้!”
“หวังว่าเจ้าเด็กนั่นคงนอนอยู่ในเมืองคืนนี้ พวกเราจะได้จัดการให้เสร็จไปในทีเดียวเลย!
“ไม่ได้! พวกเราจะออกไปดักรอเจ้าเด็กนั่นที่นอกเมืองพรุ่งนี้เช้า ในตอนที่เขากำลังกลับคฤหาสน์กวางพวกเราจะทำการสังหารมันทันที…”
“ฮ่าฮ่า พี่ซูดูเหมือนว่าท่านจะหวาดระแวงเกินไปแล้ว ได้ยินมาว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นเพียงนักรบเท่านั้น หากท่านแจ้งที่อยู่ของมันมาข้าจะไปฆ่ามันให้ท่านทันที…”
“การฆ่าเจ้าเด็กนั่นไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แต่จะฆ่ามันยังไงเจ้าจึงจะเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ได้ หากเจ้าไม่มีความคิดที่เข้าท่าก็หุบปากไปซะ…”
“เจ้าเด็กนั่นเป็นเพียงโคถึกไม่กลัวพายัพ มันคิดว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่แบบไหนถึงจะกล้าทำตัวหยิ่งผยองได้ การเป็นผู้บัญชาการหยิงหยางแล้วอย่างไร นั่นก็แค่ขุนนางระดับเจ็ดเท่านั้น…”
“ถ้ามันออกนอกเมืองในคืนนี้เลยพวกเราก็จะทำการปีนกำแพงเมืองไปไล่ล่ามัน ไม่ว่าอย่างไรนายน้อยหลินก็บอกให้พวกเราฆ่ามันให้ได้…”
พวกเขายังคงสนทนาในห้องต่อไป และเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนั้นที่แท้ก็แซ่หลิน?
เขามีแซ่เดียวกับเสนาบดีใหญ่บางทีอาจมีความเกี่ยวข้องกันก็ได้
“ดื่มเหล้ามากเกินไปข้าขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย…”คนแซ่เกาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู
“ฮ่าฮ่าฮ่า เหล่าเกาข้ารู้ว่าเจ้าซื้อหญิงสาวคนหนึ่งมา เจ้าอย่าได้คิดว่าจะตบตาพวกเราได้”
คนแซ่เกาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หัวเราะแล้วออกจากห้องไป
ขณะที่เขาเดินอยู่ในความมืดเขาก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาถึงกระดูก แต่ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาอะไรมีดสีดำก็แทงเข้าลำคอของเขาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เอี้ยนลี่เฉียงมีปฏิกิริยาอันรวดเร็ว หลังจากลงมือสำเร็จเขาก็เดินไปที่ประตูห้องที่มีแสงไฟด้วยความสงบ จากนั้นเขาก็เคาะประตูเบาๆด้วยจังหวะที่เป็นรหัสติดต่อกัน
เมื่อซูหลางและคนอื่นๆได้ยินเสียงเคาะ ซูหลางก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นทันที
“นี่คือเสียงเคาะของปี้อันเขากลับมาแล้ว…”
“เดี๋ยวข้าเปิดประตูให้!”
ในตอนที่คนคนนั้นเปิดประตูก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาอะไรมีดสีดำก็แทงเข้าสู่หัวใจของเขาพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ยื่นเข้ามาปิดปากไม่ให้เขาส่งเสียงร้องออกมาได้
ก่อนที่คนที่เปิดประตูจะล้มลง เงาของเอี้ยนลี่เฉียงก็พุ่งเข้าไปราวกับสายฟ้า ภายในห้องซูหลางและอีกสองคนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
ในทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ซัดเข็มบินเข้าใส่ไส้ตะเกียงที่อยู่ในห้องทำให้ทุกอย่างมืดสนิทลง
ซูหลางมีไหวพริบและประสบการณ์มากกว่าคนอื่น ทันทีที่ไฟในห้องดับลงและเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาล้มตัวลงกับพื้นแล้วกลิ้งออกไปเพื่อหลบท่าสังหารที่อาจจะตามมา
อีกสองคนไม่ได้โชคดีเหมือนเขา ทันทีที่ไฟดับทั้งสองก็ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ในลมหายใจต่อมาชะตากรรมของพวกเขาก็ถูกตัดสินแล้ว
คนผู้หนึ่งถูกเข็มบินแทงเข้าใส่ลำคอโดยตรง ในขณะที่คนซึ่งกำลังจะตอบโต้ก็ถูกมีดเล่มนั้นตัดศีรษะออกจากร่างโดยที่มือของเขายังคงจับดาบอยู่
“นั่นใคร…”
คนสุดท้ายที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตะโกนออกมา ปฏิกิริยาของเขารวดเร็วมากดาบในมือของเขาก็ถูกชักออกมาแล้ว
บุคคลนี้ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่คนที่เขาพบคือเอี้ยนลี่เฉียง
เมื่อแสงไฟของห้องดับลงมันเป็นธรรมดาที่ต้องใช้เวลาชั่วครู่ในการปรับสภาพสายตา ในขณะที่คนคนนั้นฟาดฟันกระบี่ออกล่วงหน้า กำปั้นของเอี้ยนลี่เฉียงก็กระแทกเข้าใส่หน้าอกของเขาอย่างแรง
ในทันใดนั้นกระดูกหน้าอกของเขาก็จมลงอย่างสมบูรณ์และด้วยเสียงวูบวาบ ร่างกายของเขาก็บินกลับไปกระแทกผนังห้องก่อนจะรูดลงมากองที่พื้น
ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวจากหมัดของเอี้ยนลี่เฉียงได้ทำลายกระดูกหน้าอกของเขาและอวัยวะภายในให้เป็นผง ดับพลังชีวิตของเขาลง
หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงลงมือประสบผลติดต่อกันเขาก็คว้าโต๊ะที่อยู่ในห้องฟาดเข้าไปที่ใต้เตียงอย่างรวดเร็ว
ซูหลางก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงโต๊ะบินเข้ามาหาเขาเขาก็รีบกระโดดออกจากใต้เตรียมเพื่อหลบของชิ้นนั้น
ในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหวหลบรอดจากโต๊ะที่บินเข้ามา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นแขน
อาวุธลับอาบยาพิษ...
ซูหลางคิดว่าวันตายของเขาได้มาถึงแล้ว เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นเขาก็เย็นวาบไปทั้งจิตใจ
เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ในเมืองหลวง ความสามารถของบุคคลนี้สามารถเทียบได้กับยมทูตดำขาวได้เลย
ด้วยความสิ้นหวังซูหลางจึงทำได้เพียงตะโกนออกไปด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าเป็นใคร?”
ในขณะที่เขาเพิ่งจะตะโกนออกมาศีรษะของเขาก็บินออกจากร่างไปกระแทกผนังห้อง โลหิตของเขาสาดกระจายไปทั่วทุกที่นับเป็นความสยองอย่างถึงที่สุด
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่าห้าลมหายใจนับตั้งแต่ที่ประตูเปิดออก เวลาเพียงเท่านี้กลับสามารถทำให้ยอดฝีมือห้าคนเสียชีวิตโดยแทบจะไม่มีการดิ้นรนใดๆ
เอี้ยนลี่เฉียงชำเลืองมองที่ศพที่ไม่มีหัวของซูหลางก่อนที่เขาจะใช้มีดของตัวเองแทงซากศพของคนพวกนั้นซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“… อย่า… ฆ่า…”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะคนที่ถูกเข็มบินแทงทะลุลำคอยังคงไม่ตายสนิท
เอี้ยนลี่เฉียงดึงเข็มบินของตัวเองกลับมาจากลำคอของคนคนนั้นโดยตรงก่อนจะกระแทกฝ่ามือบดขยี้ศีรษะของเขาจนบี้แบน
เอี้ยนลี่เฉียงรวบรวมเข็มของตัวเองที่เขาใช้ไปในกระบวนการนี้ทั้งหมดแปดเล่มกลับมา หลังจากนั้นเขาก็ทำการรื้อค้นห้องทั้งห้องเพื่อเป็นการปกปิดร่องรอยของตัวเอง
หลังจากทำลายร่องรอยทั้งหมดเอี้ยนลี่เฉียงก็เดินออกจากห้องแล้วทะยานข้ามกำแพงที่สูงประมาณหนึ่งวานั้นก่อนจะหายสาบสูญไปในความมืด
…
ห้านาทีต่อมาร่างที่สวมชุดดำร่างหนึ่งก็เดินเลียบไปตามชายขอบของกำแพงเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ
เมื่อมั่นใจว่าทหารองครักษ์ที่เดินตรวจตราไม่ได้อยู่ในทิศทางนี้ เอี้ยนลี่เฉียงก็เหินข้ามกำแพงเมืองที่สูงกว่าสิบวาราวกับนกฮูกตัวใหญ่และหายตัวไปจากที่นี่อย่างไร้ร่องรอย