264 - การอ่านใจ
264 - การอ่านใจ
วันรุ่งขึ้น เอี้ยนลี่เฉียงตื่นแต่เช้าตรู่...
หลังจากตื่นนอนเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้เริ่มฝึกฝนในทันทีแต่เขายืนมองใบหน้าของตัวเองในกระจกทองแดงเพื่อมองหาความผิดปกติที่อาจจะลงเหลือตั้งแต่เมื่อคืน
“งูพลังจิตนั้นมีประโยชน์อะไรกันแน่” เอี้ยนลี่เฉียงพึมพำกับตัวเอง
สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์กวางก็คือการสร้างงูพลังจิตขึ้นมา
งูพลังจิตตัวเล็กเป็นอย่างมาก มันมีขนาดไม่แตกต่างจากไส้เดือนตัวที่เล็กที่สุด
หลังจากที่เขาได้รับมันมาแล้วเขาก็ทำตามคำแนะนำของฟู่กวงด้วยการวางมันไว้ที่ปลายจมูกก่อนที่มันจะหายตัวเข้าไปในจิตใจของเขาเอง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงรวมตัวกับงูพลังจิต เขารู้สึกประหม่าราวกับว่าเขากำลังเสพยาเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามกระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่นจนเกินความคาดหมายของเขา
ในตอนแรก เขารู้สึกว่าภายในจมูกของเขาคันเล็กน้อย จากนั้นหนังศีรษะของเขาก็ชาเล็กน้อยเป็นเวลาน้อยกว่าครึ่งนาที ราวกับว่ามีไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามา จากนั้นทุกอย่างก็จบลง มันง่ายกว่าการบีบสิวเสียอีก
หลังจากนอนหลับทั้งคืน ทั้งร่างกายและศีรษะของเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ ทุกอย่างเป็นปกติและในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกสบายใจ
ตามปกติ หลังจากที่เขาทำกิจวัตรยามเช้าเสร็จ คนรับใช้จากห้องครัวก็จะมาส่งอาหารให้กับเขา
เอี้ยนลี่เฉียงเปิดประตู หยิบกล่องที่บรรจุอาหารเช้าขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ขอบคุณ…”
“เป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้ว…”
คนรับใช้ที่นำอาหารเช้าของเขามานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับแสดงความเคารพอย่างจริงใจ
เอี้ยนลี่เฉียงกำลังจะเดินกลับไปที่ห้อง แต่เขาก็นึกถึงงูพลังจิตที่เขาเพิ่งได้รับมาใหม่
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นเอี้ยนลี่เฉียงก็หันความสนใจไปที่คนรับใช้คนนั้น ทันใดนั้นก็มีฉากปรากฏขึ้นในจิตสำนึกของเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งแทบจะทำให้เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ
ฉากที่ปรากฏในความคิดของเอี้ยนลี่เฉียงคือฉากของเด็กชายตัวเล็กๆธรรมดาที่อายุประมาณแปดถึงเก้าขวบ เด็กชายสวมเสื้อผ้าฝ้ายราคาถูก แก้มของเขาเป็นสีแดง และเขามีความคล้ายคลึงกับคนรับใช้ที่ทำหน้าที่ส่งอาหาร
ด้วยการปรากฏตัวของฉากนี้ ความคิดมากมายก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียงพวกมันเหมือนฟองสบู่ ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น แตกและอีกตัวปรากฏขึ้น...
เถี่ยจูจะต้องได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ให้แข็งแกร่งเหมือนกับผู้บัญชาการเอี้ยน เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาจะได้มีคนมากมายคอยรับใช้เขาไม่เหมือนพ่อของเขาที่ต้องรับใช้คนอื่น
ค่าสมัครเข้าเรียนในสำนักหมิงเฉิงมีมูลค่าถึงสิบตำลึงบางทีข้าอาจจะต้องมอบเงินให้กับหัวหน้าจูมากขึ้นกว่านี้เพื่อให้เขาย้ายข้าไปทำงานตำแหน่งใหม่
แต่หากข้ามอบเงินให้กับหัวหน้าจูข้าก็จะไม่มีเงินเพียงพอที่จะเป็นค่าเล่าเรียนให้กับเถี่ยจูได้ ข้าต้องทำอย่างไรดีนะ
……
“อืม… ผู้บัญชาการเอี้ยนยังมีคำสั่งอะไรให้ข้าน้อยทำอีกหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้เข้าไปข้างในเขาก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อยจึงถามออกมา
“เอ่อ เปล่า เปล่า ไม่มีอะไร…”
พ่อแม่ทุกคนในโลกได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้กับลูกๆ อย่างเต็มที่ เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจภายในและหันความสนใจจากบุคคลนี้ ก่อนจะตัดการเชื่อมต่อของพวกเขาออกจากกัน
เอี้ยนลี่เฉียงเงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“วันนี้อากาศดูเหมือนจะไม่แจ่มใสเท่าไหร่…”
คนรับใช้คนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า
“ได้ยินสำนักพยากรณ์อากาศของเมืองลงประกาศว่าสัปดาห์นี้จะมีฝนตกติดต่อกันสามวัน…”
“อืม ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น…”
เอี้ยนลี่เฉียงฝืนยิ้มและเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหาร ในขณะที่คนรับใช้คนนั้นยังคงยืนรออยู่ข้างนอก
เอี้ยนลี่เฉียงกินอาหารเช้าของเขา แม้ว่าเขาจะดูสงบมาก แต่เขาก็ประหลาดใจไม่น้อย เขานึกถึงประสบการณ์การอ่านใจคนครั้งแรกและจมอยู่ในความรู้สึกนั้น
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็นำกล่องอาหารกลับมาพร้อมกับถามว่า
“เจ้ามีลูกหรือไม่” เอี้ยนลี่เฉียงถามขึ้นทันที
“มี… มีหนึ่งคนขอรับ!”
คนรับใช้ตอบอย่างไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าทำไมเอี้ยนลี่เฉียงถึงถามเรื่องนี้ในทันใด
“เมื่อวานนี้ตอนที่ตรวจสอบคลังอาวุธข้าเห็นว่าคันธนูขนาดสามต้านสองสามชิ้นเสียหายเนื่องจากความชื้นมาหลายปี ตามปกติแล้วสามารถเอาไปโยนทิ้งได้แต่ข้ารู้สึกเสียดายคันธนูบ้าง
เจ้าก็นำของที่เสียหายเหล่านั้นกลับไป หากว่าลูกชายของเจ้าต้องการฝึกฝนการยิงธนูเจ้าก็สามารถพาเขามาขอคำแนะนำจากข้าได้!”
คนรับใช้ที่มาส่งอาหารจ้องที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความงุนงง ทันใดนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาจากดวงตาที่เบิกกว้าง เขารีบคุกเข่าลงที่พื้นพร้อมกับโขกศีรษะให้กับเอี้ยนลี่เฉียง
“ขอบคุณผู้บัญชาการเอี้ยน ขอบคุณแทนลูกชายของข้า นี่เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง…”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อเสียงของเอี้ยนลี่เฉียงได้แพร่กระจายไปอย่างช้าๆ ทุกคนในคฤหาสน์กวางรู้ดีว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงธนู
แม้แต่หลิวกงกงยังให้การยกย่องอย่างสูงพร้อมกับมอบหมายให้เขาเป็นผู้ดูแลสนามยิงธนูหลวง การได้รับคำแนะนำจากเอี้ยนลี่เฉียงเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
คันธนูในสนามยิงธนูของคฤหาสน์กวางล้วนแต่เป็นสินค้าที่ประณีตไม่มีคันธนูชิ้นใดที่เป็นของราคาถูกแม้แต่ชิ้นเดียว
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถทิ้งได้ แต่คันธนูดังกล่าวก็สามารถขายข้างนอกได้ในราคาสิบหรือยี่สิบเหรียญทองโดยไม่มีปัญหา
ชายคนนี้ทำงานในคฤหาสน์กวางมาหลายปี เรื่องแค่นี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
“ลุกขึ้น ลุกขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้…”
เอี้ยนลี่เฉียงรีบช่วยคนๆนั้นให้ลุกขึ้น
“คันธนูพวกนั้นข้าจะเอามาเก็บไว้ที่นี่ ในตอนเย็นที่เจ้าส่งอาหารมาให้ข้าเจ้าก็รับพวกมันแล้วกลับไปที่บ้านได้ หากใครสอบถามถึงเรื่องนี้เจ้าก็บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า!”
"ขอบพระคุณผู้บัญชาการเอี้ยน…"
“อืม เจ้าไปได้แล้ว…”
หลังจากเห็นคนรับใช้จากไป เอี้ยนลี่เฉียงก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะขึ้นเขาไปฝึกฝน…
……………..
เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งก้าวออกจากประตูเขาก็เห็นหลี่น้อยวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับตะโกนด้วยความกระวนกระวายใจ
“ผู้บัญชาการเอี้ยน กงกงกำลังตามหาท่าน…”
"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนเช่นนี้”
“เจ้าหน้าที่สองสามคนมาจากเมืองหลวงมาที่นี่เพื่อจับกุมท่าน เขาบอกว่าเมื่อคืนนี้ท่านฆ่าใครบางคนในเมืองหลวง…”