ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 6 ความลับยิ่งใหญ่ที่ถูกซ่อนเอาไว้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 8 ออกจากตำหนักเย็น

80Y-ตอนที่ 7 ข่าวใหม่จากต้าชุน


ปราณกระบี่ของหลินจิ่วเฟิง ฟาดฟันออกไปไกลหลายเมตร

เฉกเช่นกับแสงแรกที่ตัดผ่านความมืดมิดยามรุ่งสาง มันทำให้ทั่วตำหนักเย็นสว่างไสว

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแกนทองคำทั้งสองคนที่มาจากนิกายซากศพพวกเขามีระดับการบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับ หลินจิ่วเฟิง เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามา

กระบี่ 22 เล่ม ไม่ใช่ทักษะกระบี่มนุษย์ แต่มันเกี่ยวข้องกับ เต๋าสวรรค์อันยิ่งใหญ่และปฐพี

โดยเฉพาะกระบวนท่าสุดท้ายที่ชื่อ กระบี่ 22 เล่ม…

มันมีพลังมากพอที่จะสังหารผู้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรโดยไม่มีใครเห็น

ทั้งสองได้ถูกตัดศีรษะในทันที

โลหิตจำนวนมากได้สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น

พวกเขาได้เสียชีวิตโดยที่ไม่รู้ตัวว่าใครเป็นคนโจมตีพวกเขา

หลินจิ่วเฟิง ได้มาถึงที่นี่ เขาได้มองไปที่ ร่างทั้งสอง และ ให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานที่พิเศษบางแห่งที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้

บรรพบุรุษของนิกายซากศพถูกฝังอยู่ใต้ดินที่นี่งั้นหรือไม่?

“ตามที่พวกเขากล่าว ประมุขนิกายซากศพ จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งภายใน 10 ปีหลังจากทะลวงระดับขั้น นั่นหมายความว่า แม้ว่าข้าจะขุดศพบรรพบุรุษของนิกายซากศพออกมา ตอนนี้ก็คงไม่มีผลกระทบอะไร?”หลินจิ่วเฟิง มีความคิดที่อยากรู้อยากเห็นอย่างกระทันหัน

[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้สุสานใต้ดินพันปีหรือไม่?]

ทันใดนั้น ก็มีข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้าของ หลินจิ่วเฟิง เขารู้สึกตกตะลึง

“มีศพอายุพันปีถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้งั้นหรือ?”หัวใจของ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเต้นแรง

แต่ปากของเขาไม่ได้อยู่เฉย

“ยันยืนการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะควบคุมศพจากความตาย!]

จากนั้นข้อมูลจำนวนมากก็หลั่ไกลเข้ามาในจิตใจของเขา

เขาเข้าใจทุกความลับของทักษะนี้ทันที

ด้วยทักษะนี้ เขาจะสามารถควบคุมซากศพและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณใหม่ในศพได้

จากนั้นมันก็จะตื่นขึ้นและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ใช้ทักษะควบคุมศพ

นี่เป็นทักษะที่ทรงพลังมาก เมื่อพิจารณาว่ามันสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณใหม่ภายในร่างของศพและรับเอาทุกสิ่งจากศพได้

หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง เข้าใจทักษะนี้แล้ว เขาก็ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเริ่มขุดโดยทันที ด้วยพื้นฐานการบ่มเพาะพลังขั้นแกนทองคำ เขาสามารถขุดลึกลงไปได้หลาย 10 เมตรได้อย่างง่ายดาย ในไม่ช้า เขาก็เห็นโลงศพ

มันเป็นโลงศพทองแดงที่ปกคลุมไปด้วยภาพขัดเกลาต่าง ๆ จุดประสงค์ก็เพื่อขัดเกลาศพอายุพันปีนี้

แต่ศพอายุพันปีในตำหนักเย็น ไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงโลหิตจากสิ่งมีชีวิต

นิกายซากศพ ไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณนี้หลังจากที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้สร้างเมืองหลวงขึ้นที่นี่ เนื่องจากพวกเขากลัวว่าทางราชวงศ์จะค้นพบการมีอยู่ของพวกเขา

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ศพในโลงศพทองแดงจึงอยู่ในสภาพหลบสนิท

มันไม่เคยออกไปจาากที่นี่ขณะที่หลับใหล อย่างไรก็ตามมันก็ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

หลินจิ่วเฟิง ได้นำโลงศพทองแดงออกมาและปิดหลุมที่เขาขุด ก่อนที่จะกลับไปยังลานที่พักของเขา

ในลานที่พัก โลงศพทองแดงได้ตั้งวางอย่างเงียบ ๆ

แสงจันทร์ได้สาดส่องบนพื้นผิวของมันทำให้มันเรืองแสงมันวาวของโลหะออกมา

เขาได้เปิดโลงศพทองแดงและเห็นชายวัยกลางคนนอนอยู่ในนั้น

ใบหน้าของเขาซีดเผือก และ ไม่มีเลือดใต้ผิวหนัง

เขาได้นอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้ทักษะควบคุมศพจากความตายและเริ่มใส่พลังเข้าไปในร่างกาย

“ค่อย ๆ บ่มเพาะสร้างวิญญาณใหม่ในศพนี้ จากนั้นก็ควบคุมมัน ด้วยวิธีนี้ การทำงานหนักของข้าคงจะไม่สูญเปล่า”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวขณะที่มองดูศพในโลงทองแดง เขายุ่งอยู่กับงานนี้ทั้งคืน โชคดีที่เขามีชุดไร้ฝุ่นติดตัวมาด้วย

มิฉะนั้นเขาคงถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกทั่วร่างกายของเขา

หลินจิ่วเฟิง ได้ปิดโลงทองแดงและวางไว้ที่มุมห้อง

เขาสังเกตุมันอย่างช้า ๆ และอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณภายใน

จากนั้นเขาก็ลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝนทุกวันโดยไม่สนใจเรื่องราวภายนอก

ชั่วพริบตา 3 เดือนก็ได้ผ่านพ้นไป

ในช่วง 3 เดือนมานี้ น้องชายของเขา องค์ชายหก ไม่เคยกลับมาเยี่ยมอีกเลย ดูเหมือนเขาจะงานยุ่งมาก

หลินจิ่วเฟิง ได้ยินเรื่องนี้ จาก ต้าชุน

ต้าชุน ยังคงมาส่งอาหารทุก 7 วันและพูดคุยกับ หลินจิ่วเฟิง

ส่วนใหญ่เป็นต้าชุน ที่เล่าให้ หลินจิ่วเฟิง ฟัง

ต้าชุน บอก หลินจิ่วเฟิง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง

และ หลินจิ่วเฟิง ก็รับฟังสิ่งที่ต้าชุนพูด

บางครั้งเขาก็ให้คำตอบง่าย ๆ ขณะรับประทานอาหาร

หลังจากนั้นเขาก็กลับไปฝึกฝนการบ่มเพาะพลังของเขาต่อ

หลังจาก 3 เดือน ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

จากขอบเขตแกนภายในของขั้นแกนทองคำ เขาก็ได้ เลื่อนขอบเขตเป็นแกนแท้จริง

เขาอยู่ห่างจากระดับถัดไปอย่าง แกนแท้จริง เพียงหนึ่งก้าว

ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็มองเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ศพบรรพบุรุษของนิกายซากศพ เขาได้ฟื้นคืนชีพกลับมาาโดยใช้ทักษะควบคุมศพจากความตายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ใบหน้าของเขาไม่ซีดเหมือนกับคนตายอีกต่อไป

มีสัญญาณของโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายและผิวของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีกุหลาบ

ข้อต่อที่แข็งทื่อได้กลับมาอ่อนนุ่มมากขึ้น และ ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวจากมัน

เห็นได้ชัดว่า ทักษะควบคุมศพจากความตาย ของเขานั้นได้ผล

หลินจิ่วเฟิง ได้มาดูแลอีกฝ่ายทุก ๆ 2-3 วัน หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือทำงานหนักเพื่อฝึกฝน

ผ่านไปอีก หนึ่งสัปดาห์ ต้าชุน ก็กลับมาอีกครั้ง

อีกฝ่าย ได้มาส่ง ไวน์องุนและอาหารเฉกเช่นเคย และ พวกมันก็ยังคงรสชาติดีเหมือนเดิม

แน่นอนว่าเขาได้พูดคุยกับ หลินจิ่วเฟิง

ในอีกด้านหนึ่งของประตูหลักของตำหนักเย็น ต้าชุน ได้พิงกำแพงและพูดคุย

ตรงข้ามของกำแพง หลินจิ่วเฟิง ได้หยิบไวน์องุ่นขึ้นมาและจิบมันก่อนที่จะทานอาหารมื้อเหล่านี้และเพลิดเพลินไป

จากนั้นเขาก็ฟังที่ ต้าชุน พูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ

มีกระทั่ง เรื่องสำคัญ เรื่องเล็ก เรื่องไร้สาระ และ เรื่องส่วนตัว

ต้าชุน ชอบที่จะสนทนากับเขามาก และ หลินจิ่วเฟิง ก็ยินดีรับฟัง ตอนนี้ทั้งคู่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและค่อนข้างสนิทกันมากขึ้น

“องค์ชาย ช่วงนี้ข้าอาจจะยุ่งนิดหน่อย ถ้าครั้งหน้าข้าไม่ได้มาข้าจะวานให้สหายคนอื่นมาส่งอาหารให้ แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะส่งไวน์และอาหารที่ดีมาให้ท่านอย่างแน่นอน”ต้าชุน ได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

หลินจิ่วเฟิง รู้สึกตกตะลึงและกล่าวถาม“เจ้าไม่ใช่แค่นายทหารตัวเล็กในกองทัพทหารส่วนพระองค์หรอกเหรอ เหตุใด เจ้าถึงดูยุ่งมาก?”

นี่คือเมืองหลวงของราชวงศ์ ทหารรักษาส่วนพระองค์ไม่ควรจะยุ่งจนเกินไป

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มี ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งจำนวนมากเข้ามายังเมืองหลวงของราชวงศ์ พวกเขามีกระทั่ง สาวกลัทธิเต๋า,ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ,ผู้บ่มเพาะพลังชาวพุทธ กระทั่ง ผู้บ่มเพาะพลังจากต่างประเทศ…”

“องค์ชายหก ได้เข้าบัญชาการทัพทหารส่วนพระองค์ และ ระดมพวกเรา เพิ่มมาตราการป้องกันเมืองหลวงให้มากขึ้น”

“ดังนั้นเราจะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวง และ จัดการพวกคนชั่วที่ไม่เกรงกลัวกฏหมายเหล่านั้น”ต้าชุน ได้อธิบาย

หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่นขึ้น

เขาจำได้ทันทีว่า สองคนที่เขาสังหารไปได้พูดอะไรเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

ผู้อาวุโสจากนิกายปีศาจ ได้ลอบเข้ามาสังหารจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน - หรือก็คือ พ่อของ หลินจิ่วเฟิง

แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะรู้เรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ

ตั้งแต่นั้นมาก็ผ่านไป 3 เดือน ทุกอย่างสำหรับเขาค่อนข้างสงบสุข

หลินจิ่วเฟิง ยังไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องการลอบสังหารองค์จักรพรรดิเลย

เท่าที่เขาคิด หลินจิ่วเฟิง เชื่อว่าข่าวที่เขาได้รับมานั้นเป็นเพียงเรื่องเท็จ

แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ ต้าชุน พูด เขาก็จำคำพูดของสองคนนั้นได้ในทันที

“ต้าชุย ตอนนี้อยู่ข้างก็ระวังตัวด้วย อย่าได้ฝืนตัวเองมากเกิน ระดับการบ่มเพาะพลังของเจ้าไม่ได้สูง อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของผู้ที่อยู่ในโลกแห่งการฝึกตน”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

ต้าชุน ได้นำอาหารมาให้เขาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี และพวกเขาได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนม หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการให้ สิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย

ตามข้อมูลของ ต้าชุน ไม่ใช่เพียงแค่คนจากนิกายปีศาจเท่านั้นที่เข้ามายังที่นี่

พวกที่ยกย่องตัวเองเป็นคนจากลัทธิเต๋า และ นิกายชาวพุทธ ก็อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี ผู้ฝึกยุทธ์จากต่างประเทศเข้ามาอีก

การปรากฏตัวของคนเหล่านี้ ทำให้หลายสิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

มันจะเป็นการดีที่สุดที่ ต้าชุน จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

“ขอบคุณองค์ชายสำหรับความห่วงใยของท่าน อย่างไรก็ตาม ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ปกป้องพระราชวังเท่านั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองหลวงของราชวงศ์”

“ข้าเพียงแค่กลัวว่าจะมาส่งอาหารได้ไม่ตรงเวลา เพราะต้องอยู่เวร ดังนั้น ข้าจึงได้บอกท่านล่วงหน้า”ต้าชุน ได้ยิ้มออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึง จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้ว เศษเสี้ยวของพลังกระบี่ก็พุ่งผ่านกำแพงทะลุเข้าไปยังร่างกายของต้าชุน

ต้าชุน ไม่ได้สังเกตุเห็น

และพลังกระบี่นี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเกิดอันตรายใด ๆ เพียงทำให้ หลินจิ่วเฟิง สัมผัสได้ หาก ต้าชุน ตกอยู่ในอันตราย

‘เรารู้จักกันมา 3 ปีกว่า ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง’

หลินจิ่วเฟิง ชอบทัศนคติที่ซื่อสัตย์และจริงจังของ ต้าชุน

ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเพียงคำสั่งง่าย ๆ จาก รองผู้บัญชาการทัพทหารส่วนพระองค์

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็ส่งอาหารดี ๆ ให้กับ หลินจิ่วเฟิง ที่ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดตกบกพร่อง กระทั่งไม่เคยเรียกร้องใด ๆ จากเรื่องนี้

ในความเห็นของทุกคน องค์ชายที่ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นจะไปคาดหวังอะไรได้?

อย่างไรก็ตาม หลินจิ่วเฟิง ตั้งใจแล้วว่าเขาจะปกป้องเพียงคนสองคนในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

ซึ่งก็คือ ต้าชุน และ องค์ชายหก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด