80Y-ตอนที่ 4 วิญญาณอาฆาต
โอสถปรับแต่งแกนกลาง คือโอสถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแกนทองคำโดยเฉพาะ มันแพงยิ่งกว่า โอสถชำระแก่นแท้ ที่มีราคาเพียงไม่กี่พันเหรียญ แต่ทว่า โอสถปรับแต่งแกนกลาง กลับไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นโอสถแต่ละเม็ดล้วนล้ำค่าอย่างมาก
เนื่องจาก หลินจิ่วเฟิง สามารถลงชื่อเข้าใช้สถานที่แห่งนี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าตนเองไม่มีทางขาดแขลนโอสถปรับแต่งแกนกลางในอนาคต
‘หลังจากเข้าสู่ขั้นก่อเกิดและเข้าสู่ขั้นแกนทองคำ เดิมข้าคิดว่า ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าจะเริ่มช้าลงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าข้าจะยังคงพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วต่อไป’หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอย่างมีความสุข
เขาได้กลืนโอสถปรับแต่งแกนกลางลงไปและปล่อยให้พลังของมันไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
พลังงานจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาและพัฒนาความแข็งแกร่ง
ในตันเถียนของเขากระบี่อันทรงพลังได้ปะทุขึ้นจาก ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด และ กระบี่ 22 เล่ม ที่หลินจิ่วเฟิง เพิ่งฝึกฝน
ทักษะทั้งสองนี้เป็นทักษะกระบี่ที่ทรงพลังมาก มันสามารถใช้ร่วมกับทักษะนิมิตอันรุ่งโรจน์ยามฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ที่เขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ และพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของ หลินจิ่วเฟิง ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
แม้แต่เจ้าของร่างเดิมซึ่งเคยเป็นองค์รัชทายาท ก็ทำได้เพียงแค่ไปถึงระดับสูงสุดของขั้นก่อเกิด ถึงกระนั้น คนทั้งประเทศก็ยังสนับสนุนเขา แต่เขาก็ยังคงใช้เวลากว่า 20 ปี เพื่อบรรลุพลังในขั้นดั่งกล่าว
แต่ หลินจิ่วเฟิง ที่ใช้เวลาทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ ลงชื่อเข้าใช้ในตำหนักเย็น ได้บ่มเพาะพลังไปเกินขอบเขตดั้งเดิมของเจ้าของร่างกายภายในระยะเวลา 3 ปี
ความเร็วในระดับนี้ช่างเหนือจินตนาการมากเกินไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของตำหนักเย็น เมื่อเขาเดินผ่านกำแพงชั้นในเข้าไปเขาก็มองเห็นสวนกว้างขนาดใหญ่ ที่มีก้อนหิน ลำธาร ศาลา และ ป่าไพ่อยู่ไกล ๆ
ทิวทัวน์ที่นี่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามมาก่อน ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยสิ่งของประดับจำนวนมาก ที่จัดสร้างขึ้นตามข้อกำหนดขององค์ชายองค์แรก แต่แล้ว องค์ชายองค์แรกก็ล้มเหลวในการช่วงชิงบัลลังก์ทำให้ถูกเนรเทศออกจากที่นี่ในที่สุด ต่อมาเขาก็เสียชีวิตด้วยภาวะซึมเศร้า
ตั้งแต่นั้นมาที่นี่ก็ค่อย ๆ เสื่อมโทรมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักเย็น
สวนที่เคยเขียวขจี ตอนนี้ ค่อนข้างรกไปหมด วัชพืชและต้นไม้ได้เติบโตอย่างไม่เป็นระเบียบ กระทั่งมีเถาวัลย์พันรอบที่พักอาศัย ราวกับ บ้านผีสิงที่อยู่กลางป่าร้าง
หลินจิ่วเฟิง ได้วางมือไว้ด้านหลังของเขาและมองดูสิ่งเหล่านี้ด้วยท่าทีสงบ นี่คือตำหนักเย็นที่ใคร ๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่สำหรับเขาที่นี่คือสถานที่ที่ลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
หลินจิ่วเฟิง ได้หรี่ตาลงและยกนิ้วขึ้น เขาได้ใช้มันเป็นกระบี่ฟาดฟันวัชพืชเหล่านี้
กระบวนท่าแรกของทักษะกระบี่ 22 เล่ม!
ฟวั่บ!
ทั้งสวนเต็มไปด้วยพลังกระบี่ที่ถูกร่ายรำในทันที
มันได้กำจัดวัชพืชโดยรอบทั้งหมด จนเผยให้เห็นเส้นทาง
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินไปรอบ ๆ
จากนั้นเขาก็ค้นพบโดยบังเอิญว่ามีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีฝาปิดดอย่างแน่นหนาภายในสถานที่แห่งนี้
แม้ว่ามันจะไม่ใช่บ่อน้ำขนาดใหญ่ในสถานที่แห่งนี้ แต่รายละเอียดสำคัญก็คือมันมีลักษณะเหมือนกับบ่อน้ำในลานที่ หลินจิ่วเฟิง พบก่อนหน้านี้ทุกประการ
ทั้งสีและการออกแบบล้วนเหมือนกันทั้งหมด
‘บ่อน้ำในลานก่อนหน้านี้เป็นสถานที่ที่มีลางร้าย เช่นนั้นบ่อนี่ก็เหมือนกันหรือไม่?’หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสงสัย
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาได้ลงชื่อเข้าใช้สถานที่ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องรอสิทธิ์การลงชื่อเข้าใช้ในวันถัดไป
หลังจากเดินเล่นในสวนแล้ว หลินจิ่วเฟิง ก็จากไปในตอนเย็น
ท้องฟ้าพลันมืดลงเขารีบกลับไปยังลานบ้านของเขา
ต่อมาเขาก็ได้นั่งไขว่ห้างและเริ่มฝึกฝน
ก่อนที่จะเริ่มฝึกฝน หลินจิ่วเฟิง ก็ได้มองไปที่ บ่อน้ำเก่าในลานบ้าน
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้เปิดดูมันแม้แต่น้อย
แต่ในคืนนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินจิ่วเฟิง ต้องการเปิดบ่อน้ำดู
เมื่อเขาเปิดฝ่าบ่อน้ำเขาก็ค้นพบน้ำที่ใสสะอาดเช่นเคย
…
ในช่วงเวลากลางคืน หลินจิ่วเฟิง ได้นั่งไขว่ห้าง
กระบี่สังหารปีศาจได้หวุนวนรอบตัวเขา
เขาได้เสร็จสิ้นการฝึกฝนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด เช่นเดียวกับ ทักษะกระบี่ 22 เล่ม ในขณะนี้ หลินจิ่วเฟิง กำลังพยายามทำความรู้จักเกี่ยวกับกระบี่สังหารปีศาจให้มากขึ้น
ในคืนพระจันทร์สลัว
เมฆดำได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและส่งลมหนาวพัดผ่านตำหนักเย็นแห่งนี้
ในเวลานี้เองมีกลุ่มควันดำได้ลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำ
มันได้แปลงกลายเป็นผู้หญิง
“เหตุใดเจ้าถึงขังข้าไว้ที่ตำหนักเย็นเย็น!”เสียงนี้ได้คร่ำครวญออกมา หญิงคนนี้ได้พุ่งไปในห้องและเริ่มโจมตี หลินจิ่วเฟิง
หลินจิ่วเฟิง ได้ลืมตาขึ้น เขาได้คว้ากระบี่สังหารปีศาจและใช้งานทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด
ฟวั่บ!
แสงกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดออกมา และ พุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่หญิงสาวผู้นี้พุ่งเข้ามาหาเขา
พลังของปราณกระบี่ที่มาจากทักษะดาบผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด ได้ปราบปรามควันดำได้อย่างชัดเจน หญิงสาวคนนี้พยายามขัดขืนอย่างหนัก แต่ก็ไม่เป็นผล
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินออกจากห้องและมองดูใบหน้าของหญิงสาวคนนี้
จากนั้นเขาก็อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ“พระสนมเจีย?”
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอดีตเจ้าของตำหนักเย็น นางคือพระสนมเจีย ที่ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นเพื่อ 3 ปีก่อน
นางได้ถูกเนรเทศมาที่นี่โดยถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองของราชสำนัก
ด้วยความที่นางเป็นสนมโปรดขององค์จักรพรรดิ นางจึงเพิกเฉย ต่อเรื่องต่าง ๆ และไม่สนใจตำแหน่งของนาง ช่วยผลักดันน้องชายของนางเข้ามาทำงานตำแหน่งสำคัญ สิ่งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนกต่างไม่พอใจ
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกเนรเทศมาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้
เพียงแต่หลังจาก 3 เดือนในการคุมขัง นางไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายได้และเสียชีวิตลงในที่สุด
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หญิงสาวที่ไม่สำคัญคนนี้
ตอนนี้นางไม่มีอะไรนอกจากความเกลียดชังภายในใจ
“พระสนมเจีย ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง หลังจากตกตายไปมากกว่า 3 ปี วิญญาณของนางจะไม่สลายหายไปได้อย่างไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เขามองไปที่ บ่อน้ำ
ตอนนี้มันถูกเปิดออก
จากนั้น เขาก็มองไปที่ พระสนมเจีย ที่สูญเสียสติและเหตุผลของนางไป
นางดิ้นรนอย่างสิ้นหวังและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้สถานที่วิญญาณอาฆาตหรือไม่?]
ทันใดนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
เขาอดไม่ได้ที่มองขึ้นไปบนฟ้า“ดูเหมือนว่าจะเช้าแล้ว”
“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับเนตรแห่งการพิพากษา มันสามารถอ่านความทรงจำของวิญญาณและชำระล้างได้]
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเจ็บปวดและคันอย่างรุนแรงราวกับว่ากำลังมีบางอย่างไหลออกมาจากมัน
เขาได้ฟันแน่นและพยุงตัวเองขึ้น
โชคดีที่ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ความรู้สึกเหล่านี้ก็หายไป
เขาได้ลืมตาขึ้นและมองไปที่ พระสนมเจีย
หลินจิ่วเฟิง ได้มองเข้าไปในวิญญาณของพระสนมเจียในทันที
หึ่ม!
ความทรงจำของพระสนมเจียตั้งแต่ตอนที่นางยังมีชีวิต ตลอดจนการที่นางกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ล้วนถูกแสดงให้ หลินจิ่วเฟิง เห็น
“พื้นที่ใต้ดินของตำหนักเย็นนี้ เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่รุนแรงมาก ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่จะมีวิญญาณชั่วร้ายเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้”
ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็เข้าใจว่าเหตุใดตำหนักเย็นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ถึงทำให้ องค์ชายองค์แรก ตอมใจตาย
ปรากฏว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งไม่ดี
ตำหนักแห่งนี้อาจสร้างขึ้นหลังจากที่องค์ชายองค์แรกถูกหลอก มิฉะนั้น ใครมันจะไปคิดสร้างตำหนักในสถานที่ที่มีพลังด้านลับสุดขั้วเช่นนี้?
“บรรดาผู้ที่ถูกส่งมาที่นี่ ล้วนตกตายด้วยกันทั้งสิ้น ยกตัวอย่างก็พระสนมเจีย ที่ถูกส่งมาและทนได้เพียงแค่ 3 เดือน ก่อนที่จะตายไป หลังจากนั้น วิญญาณของนางก็ได้ดูดซับพลังงานด้านลบภายในที่แห่งนี้…”
“เหตุผลที่วิญญาณของนางไม่ได้สลายหายไปก็เพราะพลังงานด้านลบจำนวนมาก อีกทั้งด้วยความที่นางไม่เชี่ยวชาญการบ่มเพาะพลัง นางจึงลงเอยด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างการสับสนและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น”
“นางได้หลบซ่อนตัวในบ่อน้ำแห่งนี้ เพียงแต่ตราบใดที่ฟาบ่อไม่ได้รับการปิดบัง นางก็สามารถออกมาได้”หลินจิ่วเฟิง ได้บ่นพึมพัมออกมา
จู่ ๆ เขาก็ยิ้มขึ้น เขาเพิ่งรู้จากความทรงจำของพระสนมเจียว่านางต้องการจะออกมาจากที่นั่นตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว แต่ในคืนนั้นหลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง เปิดฝาดูและไม่พบอะไร เขาก็ปิดผนึกมันกลับไปอีกครั้ง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถออกมาได้
หลังจากนั้น ก็ผ่านไป 3 ปี
ในช่วงเวลา 3 ปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่นางเจ็บปวดที่สุด
ถ้า หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สังเกตุเห็นบ่อน้ำที่คล้ายกัน และใคร่สนใจ อย่าว่าแต่ 3 ปีเลย เกรงว่านางคงต้องรอต่อไปอีกนาน
แต่ทว่า หลังจากผ่านไป 3 ปี หลินจิ่วเฟิง ได้กลับมาเปิดบ่อน้ำอีกครั้ง ดังนั้น นางจึงใช้โอกาสนี้เพื่อแก้แค้นเกี่ยวกับเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
น่าเสียดาย ที่ หลินจิ่วเฟิง ในปัจจุบัน แตกต่างจากช่วงเวลาในตอนนั้น
ตอนนี้ นางได้ถูกพลังปราณกระบี่ตอกกลับจนไปชนผนังกำแพงด้วยความรุนแรง
แน่นอนพลังปราณกระบี่อันแข็งแกร่งนี้ทำให้นางไม่สามารถขัดขืนได้
ผนังกำแพงที่นางชนก็ปรากฏรอยร้าวจำนวนมากออก