80Y-ตอนที่ 2 ฝึกฝนในตำหนักเย็น
ตำหนักเย็นถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน
ครั้งสุดท้ายที่มีคนเข้ามาก็คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ที่นี่มีใยแมงมุมและวัชพืชอยู่ทุกหนแห่ง กระทั่ง อากาศยังคงส่งกลิ่นเหม็นออกมา
เขาได้เข้าไปยังห้องชั้นใน และมองเห็น โต๊ะ เกาอี้ กระทั่ง ม้านั่งสองสามตัวที่นอนอย่างเบื่อหน่าย พวกมันอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม จนแทบจะไม่สามารถใช้งานได้
แต่หลินจิ่วเฟิง หาได้สนใจเรื่องนี้ เขาทำความสะอาดที่นี่เล็กน้อยและนั่งลง เมื่อหลับตาลง เขาก็เริ่มตรวจสอบทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดภายในจิตใจ
หลังจากลงชื่อเข้าใช้แล้ว ข้อมูลของทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
ขั้นแรกของทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด คือการสร้างร่างกระบี่
“การบ่มเพาะพลังของข้าถูกทำลายไปแล้วก็จริง แต่เพียงแค่ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดใช่ว่าจะฝึกฝนไม่ได้”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้เป็นประกาย เขาได้นั่งสมาธิและพยายามฝึกฝนขั้นแรกของทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์
สร้างร่างกระบี่!
มันคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนธรรมดาที่จะฝึกฝนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับ หลินจิ่วเฟิง มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา
เขาสามารถฝึกฝนมันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเลย
เขาใช้เวลาในวันแรกไปกับการฝึกฝนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด และ เข้าสู่ ขั้นสร้างรากฐานโดยตรง ภายในตันเถียนของเขาได้ปรากฏร่างกระบี่ขึ้น [ศูนย์กลางพลังภายในร่างกาย]
‘บรรพบุรุษของข้าขณะที่ยังเป็นองค์ชาย เขาได้ทุ่มเทกับการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก กระทั่งได้รับทรัพยากรบ่มเพาะพลังมากมาย แต่ถึงกระนั้นยังต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน กว่าจะไปถึงขั้นสร้างรากฐานได้ แต่ทักษะที่ข้าได้รับมานี้สามารถทำให้ข้าเข้าถึงมันได้เลย’
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกยินดีกับตัวเอง
พอตกตอนกลางคืน แสงจันทร์ได้สาดส่องลงมายังพื้นดินราวกับผิวน้ำตก
หลินจิ่วเฟิง ได้ทุ่มเทไปกับการบ่มเพาะพลัง การฝึกฝนของเขาคล้ายกับการตีเหล็กตอนที่มันยังร้อน
เพียงแต่ตอนนี้ มีคนมาเคาะประตูที่หน้าตำหนักเย็นและตะโกนขึ้น“องค์ชายจิ่วเฟิง ข้านำอาหารมาให้ท่านแล้วขอรับ”
หลินจิ่วเฟิง ไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดฝึกฝน เนื่องจากการบ่มเพาะพลังถูกทำลายไป ทหารองค์รักษ์คนนี้รู้ดีว่าจะต้องรีบส่งอาหารให้อีกฝ่ายเพราะเขาไม่ได้รับอนุญาติให้ปล่อยอีกฝ่ายอดตาย
แต่พวกเขาหาได้รู้ไม่ว่า หลินจิ่วเฟิง ได้สร้างรากฐานการบ่มเพาะพลังขึ้นมาใหม่หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว ด้วยการบ่มเพาะพลังในปัจจุบันของเขา เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้สิบวันหรือมากกว่านั้นโดยไม่จำเป็นจะต้องมีปัจจัยยังชีพใด ๆ เลย
เขาเดินไปที่ด้านหน้าประตูตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง มองเห็นรูเล็ก ๆ ที่มีหินกั้นเอาไว้
คนด้านนอกได้พูดขึ้น“องค์ชายจิ่วเฟิง ท่านรีบย้ายหินนี้ออกไปแล้วข้าจะส่งอาหารให้ท่าน”
หลินจิ่วเฟิง ได้ทำตามที่อีกฝ่ายบอก
อาหารที่กำลังร้อนและเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์และผักถูกส่งมาทางรู
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกตกตะลึงและกล่าวถาม“ข้าจะได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้งั้นหรือไม่?”
คนที่อยู่ด้านนอกประตูหัวเราะออกมา“องค์ชาย แม้ว่าท่านจะถูกปลดจากบัลลังก์ แต่ท่านก็ยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์อยู่ดี ดังนั้น ผู้บัญชาการจึงสั่งให้ข้าเตรียมอาหารที่ดีให้ท่าน”
หลินจิ่วเฟิง ได้ยิ้มออกมา“ฝากขอบคุณผู้บัญชาการของเจ้าแทนข้าด้วย!”
คนข้างนอกรีบตอบกลับ“รีบกินเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก ข้าจะนำอาหารมาให้ท่าน 3 มื้อต่อวันและให้สัญญาว่าจะไม่ขาดไม่สาย”
หลินจิ่วเฟิง ต้องการจะบอกว่าเขาไม่ต้องการมื้ออาหารมากขนาดนั้น แต่คนด้านนอกก็จากไปแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกินอาหารมื้อแรกตั้งแต่มาถึงที่โลกนี้
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เขาก็ยังคงฝึกฝนต่อไป ไม่คิดล่าช้าแม้แต่นิดเดียว
ขั้นตอนแรกของการบ่มเพาะพลังคือ รวมปราณ และ สร้างรากฐาน
หลังจากที่เสร็จสิ้นการรวมปราณและสร้างรากฐานแล้ว ถึงจะเริ่มต้นเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างแท้จริง จากนั้นก็ ขั้นก่อเกิด,ขั้นแกนทองคำ,ขั้นปรมาจารย์,ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่,ขั้นปราชญ์การต่อสู้ และ ในที่สุดก็ขั้นเทพมนุษย์”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อเกิด สามารถจัดการกับศัตรูนับหมื่นคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแกนทองคำ สามารถปราบปรามกองทัพนับล้าน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์สามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมือง และ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่สามารถต่อสู้กับคนทั้งประเทศได้
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ แต่ละคนล้วนมีพลังเหนือจินตนาการ
ส่วนขั้นเทพมนุษย์กลับทรงพลังมากกว่า
หลินจิ่วเฟิง ในตอนนี้ อยู่ในขั้น รวมปราณ และ สร้างรากฐาน
เขายังคงอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามอย่างหนัก
‘ฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ ลงชื่อเข้าใช้สถานที่อย่างเงียบ ๆ ไม่สามารถปัญหาหรือผลกระทบใด ๆ และพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง…’
‘อย่างไรก็ตามตอนนี้ ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวและถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ข้าสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบและลงชื่อเข้าใช้สถานที่อย่างต่อเนื่อง’
หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดเงียบ ๆ
ในคืนแรกผ่านไป ภายในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้นั่งขัดสมาธิตลอดทั้งคืน เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังของเขา
มี 9 ระดับสำหรับการรวมปราณ และ 15 ระดับสำหรับสร้างรากฐาน
หลินจิ่วเฟิง ได้ไปถึงระดับ 3 ของการสร้างรากฐานในชั่วข้ามคืน
เขาไม่มีปัญหาในการฝึกฝนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดที่เขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินจิ่วเฟิง ได้ลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการลงชื่อเข้าใช้
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ภายในตำหนักเย็นใช่หรือไม่?]
“ลงชื่อเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ โอสถชำระแก่นเท้!]
[สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำที่นี่ได้จนกว่าผลของการลงชื่อเข้าใช้จะหายไป]
คำสองบรรทัดได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุข
“โอสถชำระแก่นแท้ นี้เป็นของดี มีเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งมันได้ เพียงแต่มันจะต้องใช้เงินอย่างน้อย 2-3 พันเหรียญในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”โอสถสีขาวบริสุทธิ์ได้ปรากฏขึ้นในมือของ หลินจิ่วเฟิง เขาได้กลืนมันลงไปทันที
“สิ่งนี้จะช่วยขจัดของเสียภายในร่างกายของข้า และทำให้ข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น”
หลินจิ่วเฟิง ได้เริ่มต้นฝึกฝนของเขาทันที
1 ชั่วยามต่อมา เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ย่อย โอสถชำระแก่นแท้ ได้อย่างสมบูรณ์ ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้ไปพุ่งไปถึงระดับ 5 ของการก่อตั้งรากฐาน
เขาต้องการจะฝึกฝนต่อไปแต่คนส่งอาหารรได้มาเยือนในตอนเช้า
เมื่อหลินจิ่วเฟิง รับอาหารมา เขาก็ตอบกลับ“ต่อจากนี้ไปเจ้ามาส่งอาหารทุก ๆ 7 วันก็พอ เจ้าไม่ต้องมาบ่อยขนาดนั้น”
การมาถึงของคนส่งอาหารมักจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงการรบกวนขณะกำลังบ่มเพาะพลัง
“แล้วท่านจะไม่หิวงั้นหรือ?”ทหารคนนี้ได้กล่าวถามอย่างระวัง
“ข้ากำลังฝึกฝนและสร้างรากฐานใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่ได้โกหก
หลังจาการบ่มเพาะพลังของเขาถูกทำลาย มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาจะคิดฝึกฝนและสร้างรากฐานใหม่
“ตกลง ข้าจะกลับมาที่นี่ในอีก 7 วันต่อมา และนำของอร่อย ๆ มาให้ท่าน”ทหารคนนี้ได้ตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
หลินจิ่วเฟิง พึงพอใจมาก เขาได้ทานอาหารเช้าและฝึกฝนต่อไป
เขาสามารถลงชื่อเข้าใช้อย่างสงบสุขตลอด 7 วันนี้ และ ฝึกฝนมัน จากนั้นก็รอรับประทานอาหารอร่อยมื้อต่อไป
กิจวัตรประจำวันที่เงียบสงบและสวยงามเช่นนี้ค่อนข้างเหมาะกับ หลินจิ่วเฟิง
…
หลังจากส่งอาหารเช้าแล้ว ทหารคนนี้ก็กลับไปรายงานรองผู้บัญชาการของเขา
“เขาบอกว่า ในอนาคตให้ส่งอาหารไปทุก ๆ 7วันก็เพียงพอ ตอนนี้เขากำลังสร้างรากฐานพลังใหม่และไม่อยากถูกรบกวน”
รองผู้บัญชาการได้สั่นศีรษะ“แม้ว่าองค์ชายจะทรงเป็นอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในราชวงศ์ แต่เขาก็ไม่สามารถท้าทายชะตาสวรรค์และฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้งหลังจากที่การบ่มเพาะพลังของเขาถูกทำลายไป อย่างมากที่สุด เขาก็อาจจะติดอยู่ในขั้นสร้างรากฐานไปตลอด ดังนั้นลืมมันไปเถอะ เพียงแค่ส่งอาหารไปให้เขาทุก ๆ 7 วันก็พอ”
“ขอรับ!”ทหารคนนี้ได้ป้องหมัดและรับคำสั่ง
…
หลังจากที่เขาถูกขับออกจากบัลลังก์และเนรเทศมายังตำหนักเย็น เหตุการณ์วุ่นวายก็พลันจบลง ไม่มีใครพูดถึงองค์ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอัจฉริยะหาใดเปรียบคนนี้อีกแล้ว
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ได้จัดการแข่งขันขึ้นเพื่อชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทคนใหม่
ไม่มีใครสนใจ หลินจิ่วเฟิง ที่ยังอยู่ในตำหนักเย็น
แน่นอนว่า หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเขามาดูแล
เขายังคงฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ และลงชื่อเข้าใช้เป็นประจำ
หลินจิ่วเฟิง ได้ลงชื่อเข้าใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน
เขาได้นั่งไขว่ห้างทุกวันโดยไม่ลุกไปไหน
7 วันต่อมา หลินจิ่วเฟิง ได้บ่มเพาะพลังมาถึงระดับสูงสุดของการสร้างรากฐาน
นี่คือขอบเขตสูงสุดที่ หลินจิ่วเฟิง ไปถึงได้ ตามที่รองผู้บัญชาการกล่าวเอาไว้
หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง ทะลวงระดับพลัง ทหารคนนั้นก็กลับมาส่งอาหารอีกครั้ง
หลินจิ่วเฟิง ได้ย้ายหินออกและรับอาหารที่มาส่ง
ในนี้มีกระทั่งไวน์และเนื้อสัตว์ชั้นดี ถือเป็นมื้อฟุ่ยเฟือยที่ดีอย่างแน่นอน
หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะถาม“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อ ต้าชุน นี่คือชื่อที่ทุกคนเรียกข้า”ทหารคนนี้ได้ตอบกลับ
“เอาล่ะ อีก 7 วันเจอกัน”หลินจิ่วเฟิง อารมณ์ดีและหัวเราะออกมา
เมื่อ ต้าชุน ได้ยินเสียงหัวเราะของ หลินจิ่วเฟิง เขาก็กล่าวถามด้วยความสงสัย“องค์ชาย ทรงรู้สึกอารมณ์ดี?”
“อืม ข้าจำได้ว่ามีเรื่องน่ายินดี”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
เขาได้หยิบไวน์ขึ้นมาและเพลิดเพลินไปกับเนื้อชั้นดีและมื้ออาหารนี้