80Y-ตอนที่ 1 ตำหนักเย็น
“ฝ่าบาท องค์รัชทาบาทแอบปล่อยปีศาจสาวหลบหนีไป เขาจะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง!”
“ฝ่าบาท องค์รัชทาบาทหยาบกระด้างและไร้หลักการเกินไป เขาจะต้องได้รับการลงโทษอย่างเหมาะสม!”
“ฝ่าบาท ได้โปรดปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งและขับไล่เขาไปยังตำหนักเย็น!”
ในห้องโถงราชสำนัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนและทหารทุกคนได้มารวมตัวกัน แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมและวิงวอนต่อองค์จักรพรรดิในการปลดองค์รัชทาบาทออกจากตำแหน่ง
ตอนนี้จักรพรรดิราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา กำลังประทับอยู่บนบัลลังก์
เขามองไปที่องค์รัชทายาทที่กำลังสับสนเนื่องจากถูกทำลายการบ่มเพาะพลังและพูดขึ้นอย่างเย็นชา“อนุมัติเรื่องการปลดองค์รัชทายาท หลินจิ่วเฟิง ขับไล่เขาไปยังตำหนักเย็น หากไม่มีพระราชฏีกาจากข้า ใครก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ปล่อยเขาออกไป!”
…
เสียงที่เย็นชาได้ดังกึกก้องอยู่ในหูของ หลินจิ่วเฟิง เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงุนงงและพบว่าตนเองถูกพาไปที่ตำหนักเย็น
“ข้าถูกย้ายมายังร่างนี้งั้นหรือไม่!!”
“ข้าคือ องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ในโลกซวนฮวางที่ยิ่งใหญ่? มีนามว่า หลินจิ่วเฟิง!”
“เมื่อสามวันก่อน องค์รัชทายาทได้ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นเพราะแอบปล่อยปีศาจสาวจากประเทศศัตรูให้หลบหนีไป สิ่งนี้ทำให้ ประชาชนต่างไม่พอใจ จึงเกิดการพิจารณาคดีขึ้นในวันนี้ และ ข้าก็ได้ถูกย้ายมายังร่างนี้”
หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
เขาได้ถูกส่งมายังร่างขององค์รัชทายาทของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่
ด้วยจุดยืนของเขาในโลกนี้ เขาน่าจะสามารถทะยานสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็น และ ถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปในพริบตา?
ความโศกเศร้าและความปิติยินดีล้วนเป็นเพื่อนร่วมทางกันอย่างแท้จริง
ในโลกนี้ตัวเขาที่ถูกขับไล่มายังตำหนักเย็น นั่นก็หมายความว่า หลินจิ่วเฟิง จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขาในชีวิตนี้ได้
ตำหนักเบื้องหน้าประกอบไปด้วยกำแพงที่มีลวดลายผุพัง สร้างจากอิฐแดงเปลือย กระทั่งวัชพืชยังงอกออกมาจากฐานของกำแพง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาเข้าใช้สถานที่แห่งนี้นานแล้ว
สิงโตหินสองตัวที่หน้าทางเข้า กระทั่งเขี้ยวเล็บของมันยังแตกหัก
สถานที่แห่งนี้ดูรกร้างและแผ่กลิ่นอายความเย็นจนเสียดแทงเข้าไปในร่างของ หลินจิ่วเฟิง
ผู้บัญชาการทหารส่วนพระองค์ได้ถอนหายใจแต่ไกล“องค์รัชทายาทจบสิ้นแล้ว เขาต้องมีจุดจบเช่นนี้ก็เพราะไปปล่อยปีศาจสาวนั่นแท้ ๆ ช่างน่าสมเพชจริง ๆ !”
“ปีศาจสาวนั่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ นางเกิดมาพร้อมกับวิสัยทัศน์และรูปลักษณ์ที่งดงาม มีข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของนิกายปีศาจและนิกายเต๋า ต่างก็ต้องการตบแต่งนาง เรื่องนี้อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดองค์รัชทายาทของเราจึงหลงใหลนาง”รองผู้บัญชาการได้ตอบกลับ
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ น่าเสียดายจริง ๆ แทนที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ และปกครองชาติบ้านเมือง แต่กลับต้องถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็น”
“ก็จริง องค์รัชทายาททั้งสุภาพอ่อนโยน เขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและด้วยสายเลือดของราชวงศ์เขาย่อมมีอนาคตที่สดใสรออยู่ น่าเสียดาย ที่เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้”รองผู้บัญชาการได้สั่นศีรษะ
“เจ้าเองก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งหมดที่ถูกส่งมายังตำแหน่งเย็นแห่งนี้ในอดีต”
ผู้บัญชาการทหารส่วนพระองค์ได้ถอนหายใจออกมา
“ถูกต้อง ตำหนักเย็นแห่งนี้เลวร้ายเกินไป”รองผู้บัญชาการยังคงจดจำเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ได้
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พระสนมเจีย ได้ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นแห่งนี้หลังจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง สามเดือนต่อมา นางซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว และ ร้องไห้ออกมาให้กับความอยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุด ก็เสียชีวิต
เมื่อ 10 ปีก่อน องค์ชายสามไม่พอใจที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทตกไปอยู่ในมือของ หลินจิ่วเฟิง เขาได้ทำการก่อกบฏพร้อมกับตระกูลใหญ่หลายตระกูล แต่แล้ว เขาก็ถูกส่งมายังตำหนักเย็น ในเวลาไม่ถึงหกเดือน เขาก็ร้องไห้ออกมาจนเสียชีวิต
เมื่อ 30 ปีก่อน ฝ่าบาทได้เสด็จขึ้นครองราชย์และทรงส่งพระอนุชาทั้งสามพระองค์ไปยังตำหนักเย็นเพื่อสำนึกผิดเป็นเวลา 5 ปี แต่พวกเขาก็เสียชีวิตเนื่องจากภาวะซึมเศร้า
ตำหนักเย็นแห่งนี้เต็มไปด้วยความเลวร้ายและผู้ที่สิ้นหวังของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา แต่ละคนที่ถูกส่งมาต่างก็ใช้ชีวิตได้ไม่นาน
และตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง ก็ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็น
อนาคตของเขาย่อมไม่สดใสเช่นเดียวกัน
หลินจิ่วเฟิง ได้ฟังการสนทนาระหว่างผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการ
เขาได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ตำหนักเย็นขนาดใหญ่
“ชีวิตของข้าจะจบลงที่นี่จริง ๆ เหรอ?”หลินจิ่วเฟิง เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
[ต้องการลงชื่อเข้าใช้หน้าตำหนักเย็นหรือไม่?]
ทันใดนั้น ข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
รูม่านตาของเขาได้หดตัวลง และ รู้สึกประหลาดใจ
นี่มัน!
ถึงแม้ว่าจะมาช้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่มา!
“ลงชื่อเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับทันที
[คุณได้ลงชื่อเข้าใช้หน้าตำหนักเย็น ได้รับทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!]
คำพูดอีกบรรทัดได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา และ ข้อมูลทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวทันที
“ข้าสามารถลงชื่อเข้าใช้อย่างไม่มีกำหนดได้หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
[คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้วันละครั้ง การลงชื่อเข้าใช้สถานที่ต่าง ๆ จะให้รางวัลที่แตกต่างกัน ยิ่งสถานที่อันตรายมากเท่าไหร่ รางวัลที่ได้รับก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น]
[บางสถานที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เพียงครั้งเดียว บางสถานที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้ แต่รางวัลจะค่อย ๆ ลดน้อยลง]
คำอธิบายได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
ดวงตาของเขาได้กลับมาสดใสอีกครั้ง ความกังวลต่าง ๆ ของเขาได้หายไปในทันที
“นี่ช่างเป็นโลกที่น่ากลัวอย่างแท้จริง แม้ว่าข้าจะเป็นองค์รัชทายาท และ ถูกทำลายการบ่มเพาะพลังไป แต่โชคดีที่ข้าสามารถลงชื่อเข้าใช้ตำหนักเย็นแห่งนี้ได้”
“ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังสามารถโค่นล้มทั้งประเทศได้ด้วยตัวเอง บางคนกระทั่งสามารถฉีกผืนนภาได้ด้วยกระบี่ของพวกเขา บางคนสามารถเบิกเส้นทางนิพพานและกลับชาติมาเกิดได้ใหม่”
“ตอนนี้ข้าถูกปฏิเสธโดยผู้คนนับล้าน ในกรณีนี้ ข้าจะลงชื่อเข้าใช้สถานที่นี้อย่างเงียบ ๆ และรอจนกว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นและค่อยออกไปข้างนอก”
ขณะที่ หลินจิ่วเฟิง กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของเขา การแสดงออกของเขาก็กลายเป็นไม่แยแสทันที
เขาหันหน้าไปมองผู้บัญชาการทหารส่วนพระองค์และพูดขึ้น“ข้าจะเข้าไปข้างในทันที เจ้ากลับไปได้แล้ว”
ผู้บัญชาทหารส่วนพระองค์รู้สึกตกตะลึงและกล่าวถามออกมา“พระองค์คิดจะเข้าไปข้างในจริง ๆ?”
ด้านหน้าตำหนักเย็น ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าใคร พวกเขาก็จะร้องไห้คร่ำครวญออกมาไม่ยอมเข้าไป ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องใช้กำลังบังคับให้เข้าไป
แต่ทว่า เขากลับไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะเป็นคนพูดขึ้นมาเอง?
หลินจิ่วเฟิง ได้หัวเราะออกมาและกล่าวถาม“อะไร คิดว่าข้าจะถ่วงเวลาและไม่เข้าไปงั้นหรือไม่?”
ตอนนี้ เขาไร้ซึ่งการบ่มเพาะพลังและถูกเขี่ยทิ้งโดยราชสำนักเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากสามัญชนธรรมดาในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่ว่าโลกนี้จะกว้างใหญ่เพียงใด แต่สถานที่เดียวที่เขาไปได้ก็คือตำหนักเย็นแห่งนี้
ผู้บัญชาการทหารส่วนพระองค์รู้สึกพูดไม่ออก
เขาทำได้เพียงกำหมัดแน่นและตอบกลับ“ข้าจะจากไปทันทีหลังจากพระองค์เข้าไปข้างในแล้ว”
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจ
เขาได้ยืดเสื้ผ้าและมงกุฏ จากนั้นก็ผลักประตูที่เต็มไปด้วยฝุ่น
เอี๊ยดด!
ประตูนี้ไม่ได้ถูกเปิดใช้มานานแล้ว
ฝุ่นจำนวนมากได้ตกลงมาขณะที่ประตูกำลังถูกผลักออก
เมื่อเปิดประตูออก ก็พบสนามหญ้าที่รกไปด้วยวัชพืช
กระทั่ง งู แมลง และ สัตว์เล็ก ๆ จำนวนมากยังตื่นตระหนกกับเสียงรบกวนที่กะทันหัน
สภาพแวดล้อมของตำหนักเย็นนี้เลวร้ายสุดจะพรรณนา
“แม้ว่าตำหนักเย็นนี้จะค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับตำหนักอื่น ๆ ในเมืองหลวงของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา แต่ที่นี่ ไม่มีคนใช้หรือสาวใช้แม้แต่คนเดียว ไม่แปลกที่ทุกคนที่ถูกส่งมาที่นี่จะกลายเป็นบ้าและตายไปในที่สุด”หลินจิ่วเฟิง ได้คร่ำครวญ
ถ้าเขาไม่ได้รับความสามารถ [ลงชื่อเข้าใช้สถานที่] บางทีไม่แน่เขาก็คงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน แม้จะทำตัวสงบมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ตอนนี้ เขาหาได้สนใจมันแม้แต่น้อย
เขาได้เดินเข้าไปในตำหนักเย็น และ ปิดประตูอย่างเงียบ ๆ ภายใต้การจ้องมองของ ผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการ
ครื่นน!
เสียงประตูของตำหนักเย็นนี้ค่อนข้างทื่อและดังมาก
เมื่อมันปิดลงแล้วมันก็เป็นการยากที่ประตูนี้จะเปิดขึ้นอีกในอนาคต
ผู้บัญชาการทหารส่วนพระองค์ได้พูดขึ้น“ไปกันเถอะ สำหรับองค์รัชทายาที่ถูกปลด ที่นี่คงเป็นเรื่องยากในการใช้ชีวิตสำหรับเขา”
“ข้าจะจัดการให้คนมาคอยส่งอาหารให้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นคนแรกที่ร้องขอด้วยการเข้าไปด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะถูกปลดจากตำแหน่ง แต่เขาก็ยังสมาชิกของราชวงศ์ ดังนั้นเขาจะต้องได้รับประทานอาหารดี ๆ ในทุกวัน”รองผู้บัญชาการได้ตอบกลับ
“เจ้าสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อใคร”
ผู้บัญชาการคนนี้ได้สั่นศีรษะและนำคนของเขากลับไป
รองผู้บัญชาการมองไปที่ชายหนุ่มที่ดูดีมีความกล้าภายใต้การบัญชาของเขาจากนั้นเขาก็พูดขึ้น“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นคนเตรียมอาหารให้องค์ชายที่ถูกปลดพระองค์นี้”
“สามมื้อต่อวัน”
“และอาหารจะต้องเป็นอาหารที่ดีเข้าใจหรือไม่?”
รองผู้บัญชาการได้กล่าวพูดขึ้น
คนผู้นี้ได้พยักหน้าและตอบกลับทันที“ขอรับ ข้าจะดูแลองค์ชายเป็นอย่างดี”