ตอนที่แล้ว360 - ถูกติดตาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป362 - อาคันตุกะของนิกายภูเขาวิญญาณ

361 - นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก


361 - นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของนิกายภูเขาวิญญาณจะปรากฏตัวที่เมืองหลวง

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องแปลกประหลาดและคาดไม่ถึงเป็นอย่างมากที่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้จะยินยอมมาทานอาหารกับเอี้ยนลี่เฉียงและลู่เปียนที่เป็นเพียงเศรษฐีบ้านนอกคนหนึ่ง

“นี่คือสือปิงปิงหนึ่งในศิษย์หลักของนิกายภูเขาวิญญาณ!” ผู้อาวุโสเหยาแนะนำสาวงามที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หลักของนิกายใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสี่นิกายหลักย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา ตำแหน่งของนางในนิกายภูเขาวิญญาณก็มีสถานะสูงส่งอย่างที่ผู้อาวุโสเหยาเทียบไม่ติด

เกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ต้องการมาท่องเที่ยวเมืองหลวงเป็นการเฉพาะ? เอี้ยนลี่เฉียงแอบพึมพำกับตัวเอง

แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะรู้สึกว่าคนเหล่านี้ให้ความสนใจในตัวเขา แต่เขาก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ หลังจากที่ทักทายกันสักพักแล้วคนทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้องอาหารของลานท้องฟ้าแก้ว

“เมื่อข้าเดินทางไปแคว้นกานเมื่อสามเดือนก่อน ข้าค้นพบสิ่งที่น่าสนใจและมีประโยชน์สองสามอย่างที่นั่น พวกมันเป็นที่รู้จักในชื่อเตาตระกูลเอี้ยน ก้อนรากบัวและมีดตระกูลเอี้ยน

หลังจากสอบถามผู้คนที่อยู่แถวนั้นจึงทราบว่าของทั้งสามอย่างถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยคนคนเดียวกัน และคนคนนั้นคือเด็กหนุ่มที่ชื่อเอี้ยนลี่เฉียง

จากนั้นข้าก็ได้ยินว่าเขาตามซุนปิงเฉินไปยังเมืองหลวง ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อมาพบเจ้าเป็นการเฉพาะ!”

ทันทีที่ทุกคนนั่งลงนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลกจางโหย่วหรงก็พูดขึ้นทันที

“เจ้าคิดอย่างไรถึงสร้างสิ่งประดิษฐ์พวกนี้ขึ้นมา?”

เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกปลื้มปิติและรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้คาดหวังว่านักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะตามเขามาตั้งแต่แคว้นกานจนถึงเมืองหลวง…

เขาคิดอย่างไรที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้?

แน่นอนคำตอบที่แท้จริงคือเขาเคยเห็นมันมาก่อนและด้วยเหตุนี้จึงสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้การตอบออกไปแบบนั้นถือว่าโง่เง่ามากเกินไป

“เรียนปรมาจารย์ หากท่านเคยไปที่แคว้นกานท่านคงรู้ว่าบิดาของข้าก็เป็นช่างตีเหล็ก…” เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่จางโหย่วหรงอย่างเคร่งขรึม

“ตั้งแต่เด็กข้าเฝ้าดูบิดาของข้าสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาดังนั้นข้าจึงเกิดความคิดมากมายขึ้นในสมอง ในครั้งหนึ่งข้าเคยทานแกะย่างในตอนที่ใช้มือจับขาแกะนั้นข้ารู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ

หลังจากนั้นข้ารู้สึกว่าหากมันเปลี่ยนเป็นอาวุธชิ้นหนึ่งมันคงใช้ได้เหมาะมืออย่างยิ่ง ข้าจึงทำการออกแบบมีดชนิดนี้ขึ้นมาและตั้งชื่อมันว่ามีดคูกรี

เอี้ยนลี่เฉียงยังคงเล่าสิ่งเดียวกันกับที่เขาพูดเพื่อโกหกคนอื่นในตอนแรกที่ถูกถามคำถามพวกนี้

ในตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงคล้ายกับถูก โทมัส เอดิสัน/ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ / ลีโอนาร์โด ดาวินชี เข้าสิง เขายิ่งเล่าเรื่องนี้ออกไปก็ยิ่งรู้สึกกลมกลืนและแทบจะเชื่อคำพูดของตัวเองไปด้วย

ทักษะในการแสดงและการคุยโม้ของเขาในฐานะพนักงานขายที่ยอดเยี่ยมของบริษัทได้ถูกใช้ออกมาอย่างเต็มที่ในวันนี้

“ถูกต้อง ถูกต้อง. ทฤษฎีของเจ้าถูกต้อง…” จางโหย่วหรงที่ฟังอยู่ด้านข้างทันใดนั้นก็กรีดร้องออกมา เขาตกใจมากกับความคิดที่อยู่ในสมองของเอี้ยนลี่เฉียง

“อัจฉริยะ อัจฉริยะ! เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะจริงๆ เพียงฟังจากการค้นพบสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่ของเจ้าก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้ามีพรสวรรค์ด้านนี้

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ผู้คนนับล้านของโลกนี้ก็ไม่เคยมีใครนึกถึง หากเจ้าไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้เหนือล้ำกว่าคนอื่นเจ้าจะคิดขึ้นมาได้อย่างไร…!”

จางโหย่วหรงตะโกนออกมาด้วยความชื่นชม

“ปรมาจารย์จาง ท่านยกย่องเกินไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำขึ้นล้วนเป็นความบังเอิญทั้งนั้น!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวอย่างนอบน้อม

“นิกายภูเขาวิญญาณของเราควรมีสาขาย่อยอีกสองสามสาขา ในตอนแรกข้าตั้งใจจะเปิดสาขาของพวกเราอยู่ที่แคว้นกานโดยต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์ แต่น่าเสียดาย…”

จางโหย่วหรงพูดจบก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

ในเวลานี้เอี้ยนลี่เฉียงกลายเป็นเจ้าหน้าที่ทางการไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฝากตัวเป็นศิษย์ของนิกายภูเขาวิญญาณ

จางโหย่วหรงมองเอี้ยนลี่เฉียงอย่างจริงจังแล้วกล่าวว่า

“ข้ามีของบางอย่างให้เจ้าดู…”

จากนั้นเขาก็หยิบของบางอย่างออกจากกล่องที่เขาถือมาด้วยในตอนแรก

ทุกคน รวมทั้งเอี้ยนลี่เฉียงต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่านักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ต้องการจะแสดงอะไรให้เอี้ยนลี่เฉียงดู

จางโหย่วหรงหยิบรถม้าที่ทำจากโลหะซึ่งดูเหมือนของเล่นออกมา เมื่อเปิดอีกกล่องหนึ่งก็มีสิ่งแปลกประหลาดขนาดเท่าฝ่ามือ สิ่งนั้นมีขาจำนวนมากและดูเหมือนทำจากไม้ มีลักษณะคล้ายกับเรือใบ

“ปรมาจารย์ใหญ่ นี่คือ…”

จางโหย่วหรงหยิบรถม้าโลหะขนาดเล็กขึ้นมาก่อน เขาหมุนอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้รถม้าสองสามรอบ จากนั้นเขาก็วางรถม้าโลหะขนาดเล็กลงบนพื้น

เมื่อเขาปล่อยมือ รถม้าโลหะขนาดเล็กนั้นก็เริ่มวิ่งไปเองจนกระทั่งมันอยู่ห่างจากพวกเขาประมาณสิบวาจึงหยุดลง

ดวงตาของคนอื่นๆเบิกกว้างและพบว่าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ตกใจเหมือนคนอื่นแต่เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจเช่นกัน

เขารู้ดีว่ารถม้าขนาดเล็กนั้นคือรถไขลานที่ไม่มีคุณค่าความหมายอะไรเลยในโลกเก่าของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อมันปรากฏอยู่ในโลกนี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะภาพของจางโหย่วหรง

ลู่เปียนและผู้อาวุโสเหยาไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์แบบนี้มาก่อน เห็นได้จากใบหน้าที่ตกใจของพวกเขา ในขณะที่สือปิงปิงดูเหมือนจะสงบนิ่งมากกว่า นางน่าจะเคยเห็นของชิ้นนี้มาแล้ว

“ให้เจ้าดูว่ารถม้าคันนี้วิ่งได้อย่างไร”

จางโหย่วหรงมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

เอี้ยนลี่เฉียงจงใจเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“ในตอนเริ่มต้นข้าเห็นปรมาจารย์หมุนอะไรบางอย่างที่ใต้ท้องของรถม้า ข้าคิดว่าการที่รถมาคันนี้สามารถวิ่งได้เองจะต้องเกี่ยวข้องกับการหมุนสองสามรอบนั้นอย่างแน่นอน”

“ไม่เลวไม่เลว เจ้ามีสายตาที่เฉียบคมมาก แต่เจ้าสามารถเดาเหตุผลเบื้องหลังได้หรือไม่”

“เพื่อให้รถม้าขนาดเล็กเคลื่อนที่ได้ จะต้องมีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า พลังนี้ไม่สามารถปรากฏขึ้นได้เอง ดังนั้นมันจึงน่าจะเกี่ยวข้องกับการหมุนสองสามรอบของปรมาจารย์

ข้าเดาว่าต้องมีกลไกบางอย่างอยู่ภายในรถ สิ่งนั้นน่าจะสามารถเก็บแรงที่ปรมาจารย์หมุนในตอนเริ่มต้นได้ หลังจากที่ปรมาจารย์ปล่อยมือรถม้าจึงวิ่งออกไป!”

"ไม่เลว ไม่เลวเลย แต่เจ้าเดาได้หรือไม่ว่าสิ่งที่ข้าใช้เก็บแรงจากภายนอกนั้นคืออะไร”

“ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้าคิดว่าของสิ่งนี้น่าจะมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ขอเดาว่ามันเป็นโลหะชนิดหนึ่งก็แล้วกัน…” เอี้ยนลี่เฉียงพยายามแสร้งทำเป็นไม่รู้และกล่าวอย่างไม่แน่ใจ

“พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม… เจ้าจะต้องกลายเป็นนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลกอย่างแน่นอน…” จางโหย่วหรงปรบมือเสียงดังใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวว่า

“มีคนมากมายที่เคยเห็นสิ่งนี้ แต่เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถวิเคราะห์กลไกการทำงานของมันออกมาได้…”

ในครั้งนี้แม้แต่สือปิงปิงก็มองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงดวงตาที่เปล่งประกายเช่นกัน

“เจ้าดูนี่สิ…”

จางโหย่วหรงกล่าว ขณะที่เขาวางเรือไม้ของเขาลงไปที่โต๊ะ เขาหมุนกลไกของมันสองสามรอบเหมือนเดิม จากนั้นเรือก็แล่นไปข้างหน้าแม้ว่าจะไม่มีน้ำก็ตาม

“เจ้าดูสิหากเราสามารถสร้างเรือขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้ มันจะทำให้พวกเราสามารถเดินทางไปรอบโลกได้เลย”

“ปรมาจารย์จาง ท่านสมกับที่เป็นนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง…” หยาน ลี่เฉียง ยกย่องอย่างจริงใจ

อย่างไรก็ตามจางโหย่วหรงส่ายหัวและมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถทำให้มันเคลื่อนไหวได้เองโดยไม่ใช้แรงคน หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าจมอยู่กับสิ่งประดิษฐ์พวกนี้มามากเกินไป แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้มันสามารถใช้งานได้จริง”

เมื่อพูดจบจางโหย่วหรงก็มองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

“หนุ่มน้อย เจ้าคิดอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองชิ้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่ามีวิธีการใดที่เราจะทำให้มันเคลื่อนไหวโดยไม่ใช้แรงของคนหรือไม่…?”

ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุไฉนนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่

เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำสิ่งนี้ให้สัมฤทธิ์ผลได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการระดมสมองของนักประดิษฐ์ทั่วโลกเพื่อวิจัยในเรื่องนี้โดยเฉพาะ

เอี้ยนลี่เฉียงมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างแน่นอนนั่นคือ “เครื่องจักรไอน้ำ” เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดมันออกไปหรือไม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด