360 - ถูกติดตาม
360 - ถูกติดตาม
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงประตูทิศตะวันตกของเมืองหลวงก็เป็นเวลามืดสนิทแล้ว ในขณะเดียวกันฝนตกครั้งใหญ่ก็ยังคงเทลงมาไม่หยุด
ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงเดินผ่านประตูเมืองหลวงได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็สังเกตได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับตาเขาอยู่
คนที่กำลังจับตามองเขาเป็นชายที่ดูธรรมดาในวัยสามสิบ เขาสวมชุดสีเขียวเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป คนคนนี้เอี้ยนลี่เฉียงจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ชายคนนั้นกำลังหลบฝนที่ริมถนนใกล้กับประตูตะวันตก เขากำลังจับจ้องทุกคนที่เข้ามาในเมืองผ่านประตูตะวันตกนี้ ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของชายคนนี้ก็เป็นประกายสดใส
ถึงอย่างนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น เอี้ยนลี่เฉียงยังเตรียมการที่จะตอบโต้หลังสิ้นสุดงานเลี้ยงคืนนี้แล้วด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงรู้ดีว่าใครต้องการจะจัดการกับเขา ในเมืองหลวงนี้คงมีเพียงซูหลางผู้เดียวเท่านั้นที่คิดจะจัดการกับเขาซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่มีนัยยะสำคัญใดๆทางการเมือง…?
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจโจมตีก่อน
เอี้ยนลี่เฉียงไม่หันกลับมาและเดินต่อไปพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชาบนใบหน้า
……
เมื่อมาถึงหอท้องฟ้าไร้สิ้นสุดฝนก็หยุดตกแล้ว โคมยาวถูกนำมาแขวนที่ด้านนอกของร้านอาหาร รถม้าที่สวยงามเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
นี่คือร้านอันดับหนึ่งของเมืองหลวงผู้ที่สามารถจับจองโต๊ะที่นี่ได้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับคหบดีผู้มั่งคั่งทั้งสิ้น
เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงเร็วกว่ากำหนดครึ่งชั่วยามด้วยความสุภาพ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นลู่เปียนก็มาถึงก่อนแล้ว ที่ด้านนอกของร้านอาหารพ่อบ้านของเขาเป็นคนที่รอเอี้ยนลี่เฉียงอยู่
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงที่นี่ พ่อบ้านลู่ก็มีดวงตาเป็นประกายแล้วรีบวิ่งเข้ามาแสดงความเคารพต่อเขาด้วยความตื่นเต้น
“นายน้อยเอี้ยน…!”
“หืม พี่หกมาถึงแล้วเหรอ?”
เอี้ยนลี่เฉียงถามขณะยื่นร่มและเสื้อกันฝนให้พนักงานสองคนจากร้านอาหาร
“นายท่านหกอยู่ในห้องแล้ว เขาสั่งให้ข้ามารอต้อนรับนายน้อยที่นี่…”
“งั้นก็นำทางไปเถอะ…”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกำลังเข้าไปในร้านอาหาร เขาสามารถมองเห็นได้จากหางตาว่าคนในชุดเขียวคนเดิมยังคงยืนมองเขาอยู่ที่ด้านนอกร้านอาหาร...
หลังจากที่หยานลี่เฉียงเข้าไปในหอท้องฟ้าไร้สิ้นสุด ชายในชุดเขียวก็รีบวิ่งตามเขามาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพนักงานสองสามคนที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเขาไว้ทันที
“ท่านที่นับถือ ไม่ทราบว่าท่านจะไปที่ใด”
แม้ว่าพนักงานต้อนรับจะมีรอยยิ้มอย่างมืออาชีพบนใบหน้า แต่สายตาของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความดูถูกต่อชายชุดเขียวคนนี้
“สหายของข้าเพิ่งเดินเข้าไปเมื่อสักครู่นี้เองท่านก็เห็นแล้ว...” ชายชุดเขียวตอบ
“ลูกค้าทุกคนที่อยู่ในร้านนี้ต่างก็ต้องจองล่วงหน้า ไม่ทราบว่าสหายของท่านที่นับถืออยู่ในห้องไหนพวกเราสามารถส่งคนไปถามเขาได้…”
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วน ท่านช่วยยกเว้นได้หรือไม่…?” ชายชุดเขียวยิ้มในขณะที่แสดงความเคารพต่อพนักงานร้าน
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็บอกชื่อสหายของท่านมาแล้วข้าจะไปถามเขาให้!”
ชายชุดเขียวแสดงออกอย่างอึดอัดทันที “ก็…”
ก่อนที่ชายชุดเขียวจะพูดอะไรอีก พนักงานต้อนรับก็ส่งสัญญาณให้ยอดฝีมือที่น่าเกรงขามสองคนที่อยู่ในร้านเดินมาทางนี้
ในที่สุด ชายชุดเขียวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้จากไปที่ไหนเขายังคงวนเวียนอยู่บริเวณรอบๆด้านหน้าของร้านอาหาร
…………..
สำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ลู่เปียนได้จองลานขนาดเล็กพิเศษซึ่งมีความเป็นส่วนตัว ล้อมรอบด้วยสวนหิน ต้นไม้เขียวขจี และสระน้ำ
มีหน้าต่างกรอบไม้ที่ฝังด้วยเศษแก้วสีสดใสขนาดเท่าฝ่ามือรอบๆห้อง ในยุคที่แก้วยังคงถูกมองว่าเป็นอัญมณีล้ำค่า การออกแบบหน้าต่างถือได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ลานที่พวกเขาจะรับประทานอาหารในนั้นรู้จักกันในชื่อ 'ท้องฟ้าแก้ว'
ลู่เปียนรอเอี้ยนลี่เฉียงอยู่ที่นี่แล้ว
“เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนหรือเปล่าลี่เฉียง”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงและทักทายกันสองสามคำกับลู่เปียน จากนั้นลู่เปียนก็ถามคำถามที่แปลกประหลาดขึ้น
“ข้าไม่เคยมาที่นี่ ทำไมหรือพี่หก? เอี้ยนลี่เฉียงถาม
“อย่างที่คาดไว้ลี่เฉียงเป็นคนไม่ธรรมดาจริงๆ แม้ว่าจะเข้าสู่ท้องฟ้าแก้วเป็นครั้งแรกแต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ตื่นตระหนกเลย!” ลู่เปียนหัวเราะในขณะที่ส่ายหน้าจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าต่างแก้วแล้วกล่าวว่า
“สารภาพตามตรง ในตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งแรกข้ายืนตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน ไม่คิดว่าจะมีใครใช้อัญมณีล้ำค่าขนาดนี้มาทำเป็นกรอบหน้าต่างได้!”
ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เข้าใจ การตกแต่งของสถานที่แห่งนี้อาจเป็นเอกลักษณ์สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคนที่มองเห็น
แต่เอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนจากยุคปัจจุบันซึ่งคุณภาพของแก้วพวกนี้ก็ยังเทียบไม่ได้กับขวดเบียร์ที่เขาเคยดื่มด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความใส่ใจมันตั้งแต่แรก
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเดินมาถึงที่นี่เขาจึงแสดงออกอย่างไม่ใส่ใจโดยลืมไปว่า หากเป็นคนปกติเข้ามาในสถานที่ที่มีการตกแต่งลักษณะนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความสงบไว้
“อา นั่นคือความหมายของพี่หกหรือ?…” เอี้ยนลี่เฉียงแสร้งทำเป็นเกาศีรษะด้วยความเขินอายแล้วกล่าวว่า
“บอกตามตรง ในตอนแรกที่เข้ามาข้าตกใจมาก แต่กลัวทำขายหน้าพี่หกจึงพยายามทำตัวให้นิ่งสงบไว้…!”
ลู่เปียนตกตะลึงกับคำตอบก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา
“เกือบโดนเจ้าหลอกแล้วลี่เฉียง…!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครจะไปรู้ว่าพี่หกก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เหมือนกัน…”
ทั้งสองยังคงสนทนาต่อไปในห้องขณะที่พวกเขารอให้ผู้คนจากนิกายภูเขาวิญญาณให้มาถึง
เมื่อเหลือเวลาอีกหนึ่งเค่อผู้คนของนิกายภูเขาวิญญาณก็เดินทางมาถึงพร้อมกัน
“เจ้ารออยู่ที่นี่เดี๋ยวข้าจะไปต้อนรับพวกเขา!” ลู่เปียนบอกเอี้ยนลี่เฉียง
“งั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า!”
"ตกลง!"
ลู่เปียนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ออกไปพร้อมกัน
ทันทีที่พวกเขาผลักประตูและออกไปข้างนอก เอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นพ่อบ้านลู่นำคนสามคนเข้าหาพวกเขา
ในหมู่พวกเขามีผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ชายคนหนึ่งแต่งตัวเรียบร้อยและดูเหมือนจะอายุพอๆนายผู้เฒ่าลู่มีร่างกายผอมแห้งเล็กน้อย
ขณะที่อีกคนเป็นชายวัยกลางคนแต่งกายสุภาพคล้ายกับบัณฑิตของราชสำนักมีร่างกายอ้วนท้วน แต่รัศมีพลังที่เขาแผ่ออกมาเบาๆนั้นต้องเหนือกว่าระดับปรมาจารย์นักสู้อย่างแน่นอน
หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มมีอายุประมาณยี่สิบปี นางสวมชุดสีฟ้าอ่อน มีความงดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าฮั่วหรูเสวี่ย และนางก็มีความเย็นชาและสงบนิ่งจนกีดกั้นผู้คนห่างไกล
“คำนับลุงเหยา!” ลู่เปียนเดินเข้าไปหาคนทั้งสามแล้วคาราวะชายชราคนนั้น
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นเสี่ยวเปียน!” ชายชรายิ้มและเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงก่อนจะพูดว่า
“นี่คงเป็นเอี้ยนลี่เฉียง บุคคลในตำนานคนนั้น”
“เอี้ยนลี่เฉียงคำนับลุงเหยา!”
เอี้ยนลี่เฉียงก็รีบเดินเข้าไปแสดงความเคารพต่อชายชราพร้อมกับเรียกเขาว่าลุงเหยาเหมือนกับลู่เปียน
“ยาวิเศษที่ลุงเหยามอบให้นายผู้เฒ่าลู่เป็นของขวัญวันเกิด ถูกใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของบิดาข้า เอี้ยนลี่เฉียงจดจำพระคุณครั้งนี้ไว้ไม่เคยลืมเลือน !”
“ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาระหว่างเจ้าและนิกายภูเขาวิญญาณก็ได้!” ผู้อาวุโสเหยาหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่แล้วกล่าวว่า
“ให้ข้าแนะนำพวกเจ้าให้รู้จักปรมาจารย์จางของห้องโถงพันวิศวกรรมซึ่งถือเป็นนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลก คิดว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาอยู่แล้ว…”
ลู่เปียนและเอี้ยนลี่เฉียงต่างก็ตกใจกับการแนะนำของผู้อาวุโสเหยา ไม่มีใครคาดคิดว่าชายที่มีร่างกายอ้วนท้วนคนนี้จะเป็นจางโหย่วหรงปรมาจารย์ห้องโถงพันวิศวกรรมของนิกายภูเขาวิญญาณ
เขาคือนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลก ตำแหน่งของเขาเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายภูเขาวิญญาณ และมีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าผู้อาวุโสเหยาเป็นอย่างมาก
หลังจากรู้จักตัวตนของบุคคลนั้นแล้ว ลู่เปียนและเอี้ยนลี่เฉียงก็ทักทายเขาอย่างเคร่งขรึมด้วยความเคารพโดยไม่ชักช้า