359 - คืนฝนตก
359 - คืนฝนตก
งูพิษ?
ความคิดแล่นผ่านจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียงจากนั้นเขาก็ค้นพบว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนเลยในทั้งสองช่วงชีวิต
“ข้าเป็นคนตั้งชื่อมันเอง งูพลังจิตตัวนี้เคยอาศัยอยู่ในทวีปสีเงินเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ค้นพบมันจึงทำให้ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของมันเลยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…”
“ไม่มีใครเคยเห็นมัน?”
“ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะงูตัวนี้มีลักษณะพิเศษ — มันต้องอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่นถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้!”
“อยู่ร่วมกัน? ท่านหมายถึงมันเป็นปรสิต?”
“เจ้าจะว่าอย่างนั้นก็ได้!”
"โอ้..!" เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกประหลาดใจ “แล้วมันอยู่ส่วนไหนของร่างหลัก?”
"สมอง!"
“งูชนิดนี้สามารถอาศัยอยู่ในส่วนที่บอบบางเช่นสมองได้? มันจะไม่เป็นอันตรายต่อเจ้าของร่างเหรอ?”
“เมื่อเจ้าเห็นขนาดของมันแล้วเจ้าจะรู้ สัตว์ชนิดนี้มีขนาดเล็กมากมันจะไม่เข้าไปขัดขวางกระบวนการคิดในสมองของเจ้า ในความเป็นจริงมันไม่ส่งผลกระทบอะไรเลยต่อเจ้าของร่าง!”
“มันกินอะไร? คงไม่ใช่สมองหรอกนะ!” เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกหนาวกระดูกสันหลังเมื่อได้ยินว่ามันอยู่ในสมอง
“แน่นอนว่าไม่ มันกินความคิดของเจ้า!”
“ความคิด?”
“ถ้าจะอธิบายเป็นคำพูดที่เจ้าเข้าใจ นั่นคือพลังงานจากจิตสำนึกและอารมณ์ของเจ้า ความรู้สึกที่เจ้าปล่อยออกมาไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือเศร้า
ถึงกระนั้นก็ตาม เจ้าจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน งูพลังจิตจะดึงพลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นมาจากอารมณ์และความคิดของเจ้า เมื่อเจ้าตายมันจะค่อยๆสลายไปตามสายลมโดยที่ไม่มีใครรับรู้…”
“มีสิ่งมีชีวิตที่กินอะไรแบบนี้จริงๆ?”
“โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ เจ้าคิดว่าตัวเจ้ามีความรู้มากมายแค่ไหนกัน!”
“งูตัวนี้อาศัยอยู่ในสมองของข้า แล้วข้าจะอ่านความคิดของคนอื่นได้อย่างไร?” เอี้ยนลี่เฉียงมีสีหน้างงงวย
“พูดง่ายๆคือเจ้าต้องรับคลื่นสมองของคนอื่นโดยปล่อยให้งงพลังจิตเป็นตัวจับคลื่นสมองนั้นให้เจ้า!”
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากระแสจิตใช่ไหม” เอี้ยนลี่เฉียงเกือบอุทานออกมา
"ถูกต้อง แต่ข้อจำกัดของมันก็มีอยู่บ้าง เจ้าไม่สามารถใช้มันอ่านความคิดของยอดฝีมือที่มีระดับเหนือกว่าเจ้ามากเกินไป!"
"แล้วถ้าข้าไม่ต้องการมันแล้วข้าสามารถเอามันออกจากสมองได้หรือไม่”
"ใช่แน่นอน. แค่ออกคำสั่งด้วยความคิดแล้วมันก็จะจากไป ในเวลาเดียวกันเจ้าก็จะสูญเสียความสามารถที่มันมอบให้
จำไว้ว่าหากเจ้าเอามันออกจากสมองตัวเองเจ้าต้องหาเจ้าของคนอื่นให้มันอย่างรวดเร็วไม่เช่นนั้นมันจะตายอย่างน่าเสียดาย…”
ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับคำพูดของฟู่กวง ความกังวลและความสงสัยในหัวใจของเขาหายไปทันที
หากงูพลังจิตตัวนี้น่าประทับใจมากจนการอยู่ร่วมกับมันจะทำให้ได้รับพลังแห่งกระแสจิต มันก็เหมือนกับการได้เห็นไพ่ของผู้เล่นคนอื่นในเกมโป๊กเกอร์
นี่มันเป็นความสามารถระดับสุดยอดเลยไม่ใช่หรือ?
“ตกลง ข้าจะเลือกเจ้างูพลังจิตนี่แหละ!”
“เข้าใจแล้ว แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง…” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟู่กวง
"มีปัญหาอะไร?"
“พลังสติปัญญาที่เจ้าใส่ไว้ในศิลาสวรรค์ยังไม่เพียงพอ!”
"ไม่มีทาง! ไม่ใช่ว่าท่านพูดเองหรือว่าพลังพวกนี้เพียงพอที่จะสร้างมนุษย์ได้ถึง 15 คน?”
“งูพลังจิตเป็นสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณที่พิเศษอย่างยิ่ง ดังนั้น ต้องใช้พลังงานตันเถียนจำนวนมหาศาลเพื่อเปิดใช้งานตราประทับแห่งชีวิต
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องสะสมพลังมากนักขอเพียงแค่เจ้าฆ่าคนอีกไม่กี่คนก็น่าจะได้แล้ว หากเจ้าต้องการสิ่งมีชีวิตระดับพิเศษที่สามารถอ่านใจคนได้เจ้าก็ต้องลงทุนหน่อย…”
“แล้วข้าต้องฆ่าคนมากเท่าไหร่…” สีหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงดำมืด
“หากเป็นคนธรรมดาก็ไม่มากเท่าไหร่ 70-80 คนก็น่าจะพอ แต่หากเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกันกับเจ้าสิบคนก็น่าจะพอแล้ว หากมีระดับสูงกว่าเจ้าก็จะน้อยลงมาอีก เจ้าไปทบทวนให้ดีเถอะ!”
พูดจบใบหน้าของฟู่ก็ค่อยๆจางหายไปจากศิลาสวรรค์ ในเวลาเดียวกันเอี้ยนลี่เฉียงก็ดึงมือกลับจากศิลาสวรรค์แล้วเดินอ้อยอิ่งอยู่ในเทวสถานสวรรค์อยู่ช่วงหนึ่ง
หลังจากใช้ความคิดอย่างหนักในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็กำหนดเป้าหมายได้แล้วว่าเขาจะต้องฆ่าใครในคืนนี้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ออกจากเทวสถานสวรรค์แล้วกลับไปที่คฤหาสน์กวางก่อนเพื่อทำการเตรียมตัวให้พร้อม เนื่องจากเขาได้นัดหมายกับลู่เปียนไว้ในช่วงดึกดังนั้นจึงพอมีเวลาอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าไกล้ถึงเวลาแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็กลับไปที่ห้องนอนของเขาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าหนังที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า
เขาหยิบหน้ากากของงูจงอางซึ่งเขาซ่อนไว้ในห้องเก็บสัมภาระ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบเข็มบินขึ้นมาอีกหลายชิ้นพร้อมกับขวดยาพิษอีกขวดนึง
เอี้ยนลี่เฉียงเก็บของทั้งหมดเข้าไปในเข็มขัดที่อยู่หลังปกเสื้อ แล้วสวมเสื้อกันฝน หยิบร่มแล้วก้าวออกไป..
“ผู้บัญชาการเอี้ยน วันนี้ฝนตกหนักเหลือเกินท่านจะไปไหนหรือให้พวกเราไปส่งที่เมืองหลวงหรือไม่?” ทหารองครักษ์ที่ทางเข้าทักทายเอี้ยนลี่เฉียงอย่างนอบน้อม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนไม่ต้องลำบาก! การเดินผ่านสายฝนในช่วงเวลานี้ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพบกับหญิงสาวระหว่างทางและหลบฝนร่วมกับนางก็ได้!”
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะอย่างสนุกสนานไปกับทุกคนแล้วเดินผ่าสายฝนตรงไปยังเมืองหลวงด้วยสายตาเย็นชา…
เอี้ยนลี่เฉียงกำลังไปที่เมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่และฆ่าใครซักคน…
…………..
ถนนที่ทอดยาวสู่เมืองหลวงไม่ได้ปูด้วยแผ่นหิน แต่ปูด้วยอิฐขนาดใหญ่และทนทานสามารถรองรับรถม้าที่วิ่งเข้าสู่เมืองได้
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปตามถนนโดยสวมเสื้อกันฝนและถือร่มอยู่ในมือ ระยะทางจากคฤหาสน์กวางมาถึงเมืองหลวงไม่ได้ถือว่าไกลมากเท่าไหร่เพียงประมาณสิบลี้เท่านั้น
ในช่วงที่ฝนตกเช่นนี้มันทำให้เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้ประหม่าเลยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับงานที่เขากำลังจะทำ แม้ว่ามันจะทำให้เขาเดือดร้อนมากถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแต่เขาก็ต้องทำมันอยู่ดี
ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งที่วิ่งผ่านสายฝนก็จอดอยู่บริเวณใกล้ๆกับเอี้ยนลี่เฉียง คนขับรถม้าที่สวมหมวกไม้ไผ่ทรงกรวยตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียงว่า
“น้องชายตอนนี้ฝนตกหนักมากให้ข้าไปส่งเจ้าดีกว่า…!”
“ไม่เป็นไรครับท่านลุงข้าก็แค่อยากเดินเล่นเท่านั้น และประตูตะวันตกก็ไม่อยู่ไกลจากที่นี่ด้วย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้า แต่เจ้าต้องระวังด้วยในช่วงที่ฝนตกเช่นนี้อย่าไปยืนใกล้ต้นไม้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีใครบางคนถูกฟ้าผ่าที่ต้นไม้ต้นนี้!”
คนขับรถม้าหัวเราะเบาๆและตักเตือนเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความจริงใจจากนั้นเขาก็ขี่รถมาออกไป
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่รู้จักกันแต่เอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจที่คนแปลกหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเขา
ในขณะเดียวกันเอี้ยนลี่เฉียงก็ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องช่วยคนในเมืองหลวงแห่งนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้