316 - ความปั่นป่วนในสถาบันเทพสงคราม
1627 -
“เจ้าเข้าใจหรือยัง? ว่าหนทางของพวกเราจะจบลงตรงไหน” วัวผู้เฒ่ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ คราวนี้เขารอดชีวิตได้ เพียงแค่นี้เขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
ในท้ายที่สุดสือฮ่าวก็ได้รับเลือกให้ต่อสู้กับนักเรียนคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานตัวตนของเขาก็ได้รับการเปิดเผย แม้ว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิงแต่ใบหน้าของเขาก็ยังสามารถเห็นได้ชัดเจน
สิ่งนี้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฮวงอยู่ที่นี่ แต่มีห้องบรรยายตำราหลายห้อง พวกเขาไม่คาดคิดว่าฮวงจะถูกนำตัวมาที่นี่ในวันนี้
สิ่งมีชีวิตที่เลือกสือฮ่าวไม่กล้าที่จะลงมือต่อสู้ เพราะว่ามีโอกาสอย่างมากที่เขาจะถูกฆ่าตาย
“ไม่เป็นไรญาณวิเศษของเขาถูกปิดผนึกไว้แล้วไม่มีโอกาสใช้ออก เจ้าสามารถลงมือต่อสู้ได้อย่างเต็มที่” ผู้สูงสุดคนนั้นกล่าวให้กำลังใจ
“สิ่งที่เรียกว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นฮวงที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่เขาก็ยังเป็นเพียงนักโทษคนหนึ่ง ตอนนี้พวกเราทุกคนสามารถใช้เขาเป็นหนูทดลองในการใช้ความรู้ใหม่ที่ได้รับในวันนี้” ครึ่งก้าวผู้สูงสุดคนนั้นรีบเสริม
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นักเรียนทุกคนต่างแย่งชิงกันเพื่อที่จะได้มีโอกาสก่อนคนอื่น
ฮ่อง!
แม้ว่าสือฮ่าวจะถูกปิดผนึกญาณวิเศษไว้แต่เขาก็ยังเคลื่อนไหวได้เร็วมาก ร่างกายของเขาเป็นประกายสีทองหายไปจากสายตาของนักเรียนเหล่านั้น
เมื่อเขาเห็นนักสู้รอบตัวเขากรีดร้องอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่านั้นชีวิตของพวกเขาใกล้จะถูกทำลายไปหมดสิ้น
ใบหน้าของสือฮ่าวก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ร่างกายของเขาปะทุขึ้นได้แสงสีทองพร้อมกับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เผิงเพ็ง…!
นักเรียนทุกคนต่างถูกส่งบินออกไปด้านนอก เต๋าอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาใช้ออกถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
พัง!
จากนั้นโซ่เหล็กที่มัดแขนของสือฮ่าวก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขาใช้มือทั้งสองข้างรัดคอนักเรียนคนหนึ่งไว้พร้อมกับฉีกมันออกจากร่างกายของเขาอย่างโหดเหี้ยม
เดิมทีพระราชวังแห่งนี้เต็มไปด้วยโลหิตไหลนองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่ออัจฉริยะแห่งสถาบันเทพสงครามถูกตัดศีรษะเรื่องทุกอย่างก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
อัจฉริยะถูกฆ่าตายในวังเต๋าใหญ่ศีรษะของเขาร่วงลงกับพื้น สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสะท้านหวั่นไหวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อใด? โดยปกติแล้วอัจฉริยะจากสถาบันเทพสงครามมักจะสังหารคู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ก็เป็นเพียงการบาดเจ็บเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อใดที่ 'นักสู้' กล้าสังหารศิษย์ของสำนัก?
สถานะของนักสู้เรียกว่าต่ำมากไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าพวกเขาไม่ใช่ลูกหลานของเก้าสวรรค์ก็ต้องเป็นผู้ที่ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง
สือฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นโซ่ที่แขนของเขามีเลือดไหลอาบลงมา สายตาของเขามองไปที่ทุกคนอย่างเย็นชาไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
วังเต๋าใหญ่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบรรลุเต๋า พลังแห่งความโกลาหลฟุ้งกระจายอยู่ทุกที่ แต่ในตอนนี้บรรยากาศกับเต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่มีผู้ใดส่งเสียงออกมา
“ฮวงเจ้ากล้าทำเลวทราม?!” ครึ่งก้าวผู้สูงสุดคนนั้นตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ในบรรดานักเรียนด้วยกันเขาถือว่ามีสถานะสูงสุด
ใบหน้าของสือฮ่าวยังคงเฉยเมยไม่ให้ความสนใจเขา สายตาของเขาจ้องมองไปยังนักเรียนของสถาบันเทพสงครามทุกคนด้วยความเย็นชา
“ลืมไปเถอะ ได้แต่โทษว่าเด็กคนนั้นอ่อนด้อยกว่าผู้อื่น” ผู้สูงสุดที่ทำหน้าที่บรรยายกล่าวออกมา
เขาก้มไปมองศีรษะของผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองที่กลิ้งอยู่บนพื้นคนนั้นพร้อมกับตะโกนว่า“ยังไม่ลุกอีกเหรอ!”
อย่างไรก็ตามศีรษะนั้นดวงตาเบิกกว้างไม่สามารถผสานเข้ากับร่างกายของตนเองได้อีกครั้งพลังชีวิตของเขาค่อยๆถูกลบหายไป
ทุกคนตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก ใบหน้าของครึ่งก้าวผู้สูงสุดคนนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก เป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมของผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองที่ถูกตัดศีรษะหายไปอย่างสิ้นเชิงนับได้ว่าเสียชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว
“หากไม่ใช่คำสั่งของอาจารย์ ข้าคงสังหารเจ้าไปนานแล้ว!” เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ใบหน้าของสือฮ่าวยังคงเฉยเมยสายตาของเขามองออกไปอย่างเย้ยหยัน เป็นเพราะมันไม่มีประโยชน์ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร
สถานะของเขาในสถานที่แห่งนี้พิเศษเล็กน้อย อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะไม่ตายในทันที แต่ลูกหลานของเก้าสวรรคคนอื่นๆนั้นมีสถานะต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงเสียอีก
ในฐานะนักสู้พวกเขาไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบากไม่มีใครปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง
“วันนี้เราจะพอกันแค่นี้ก่อน!” ผู้สูงสุดคนนั้นประกาศจบชั้นเรียนพร้อมกับเดินออกไปด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
หลังจากนั้นก็มีการประชุมกันระหว่างคณะอาจารย์ของสถาบันเทพสงครามแห่งนี้
“เราจะให้เขาอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? เมื่อไหร่เขาจะไปให้พ้นๆสักที”
น่าเสียดายที่คำตอบกลับมาคือพวกเขาไม่สามารถทำร้ายฮวงได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่มีข่าวคราวของอันหลาน ซือถู ก็ยิ่งสร้างความหวาดวิตกให้กับพวกเขา
หลายคนรู้ว่าจักรพรรดิภูมิไม่ดับสูญเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ฝังศพโบราณ แม้ว่าจะผ่านไปหลายเดือนแล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา เรื่องนี้ทำให้ทุกคนร้อนใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าทุกตระกูลต่างมีความเชื่อมั่นในตัวอันหลาน ซือถู ว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเขาได้ สาเหตุที่พวกเขายังไม่กลับมาจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
“ข้าได้ยินมาว่าฮวงดุร้ายอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะถูกล่ามโซ่และญาณวิเศษถูกปิดผนึกแต่เขาก็ยังลงมือสังหารผู้คนอย่างต่อเนื่อง!”
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วสถาบันเทพสงครามมันดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ห้องโถงสงครามเป็นสถานที่ที่อากาศหนาวเย็นมากเพราะมีอาวุธมากมายอยู่ที่นี่ ทั้งถูกสร้างมาจากโลหะทั้งถูกสร้างมาจากกระดูกของสัตว์ร้ายบางชนิด
“ในส่วนของอาวุธนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนเสริมร่างกายของเรา…”
เมื่อผู้บรรยายระดับผู้สูงสุดกล่าวจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง พร้อมกับส่งมอบหน้าที่ดูแลนักเรียนให้กับครึ่งก้าวผู้สูงสุดที่ทำหน้าที่เหมือนกับหัวหน้าห้อง
“เมื่ออาวุธผสานเข้ากับร่างกายแล้ว ทั้งสองแทบจะเป็นอวัยวะเดียวกันต้องได้รับการขัดเกลาอย่างระมัดระวังจนกระทั่งมันเติบโตขึ้นมาในร่างกายของเรา”
ในห้องโถงมีคนไม่มากนักและมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ในที่สุดก็ถึงเวลาสำหรับภาคการปฏิบัติอีกครั้ง
แน่นอนว่าสือฮ่าวและนักโทษคนอื่นๆถูกนำตัวออกมาอีกครั้งโดยทำหน้าที่เป็นนักสู้เป้าหมายการฝึกซ้อม
ก่อนที่จะมาที่นี่สือฮ่าวถูกมัดโซ่ให้แน่นหนามากกว่าเดิม นี่เป็นการลงมือของผู้สูงสุดด้วยตนเอง เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาอีก
ตามที่คาดไว้หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด นักเรียนมากมายล้วนไม่มีใครกล้าที่จะเลือกเขาเป็นคู่ต่อสู้
“ ดูสิพวกเจ้าทุกคนนี่เป็นอาวุธร้ายแรง เมื่อได้รับการเลี้ยงดูด้วยเลือดพลังของมันจะยิ่งมากขึ้น แต่มันก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเองเช่นกัน
มันมีพลังแห่งการสังหารซึ่งจะนำมาซึ่งอันตรายต่อวิญญาณดั้งเดิมของเรา แต่หากสามารถทำให้มันยอมจำนนและถูกเลี้ยงดูภายในร่างกายของเราเองจะทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนเพิ่มมากขึ้นอย่างที่พวกเจ้าไม่อาจจินตนาการถึง”
ครึ่งก้าวผู้สูงสุดคนนั้นยกหอกสีเลือดด้ามหนึ่งขึ้นมาชี้ให้นักเรียนทุกคนเห็นถึงประโยชน์และโทษของมัน
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในการบำรุงรักษาอาวุธที่ชั่วร้ายอย่างนี้เราจำเป็นต้องมีแผนการที่เหมาะสม มันจะถูกหล่อเลี้ยงอย่างระมัดระวังเพื่อให้พลังงานที่ชั่วร้ายในอาวุธไม่หันมาทำร้ายตัวเราเอง?”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ผู้สูงสุดครึ่งก้าวก็เหวี่ยงหอกโลหิตออกไป ทิ่มแทงนักสู้หลายคนจนเสียชีวิต
มีคนไม่น้อยที่ร้องออกมาอย่างน่าสังเวชโลหิตแก่นแท้ในร่างกายของพวกเขาถูกดูดซึมโดยหอกสีแดงเล่มนี้ ร่างกายของพวกเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกกองหนึ่งเท่านั้น
“อาวุธที่ชั่วร้ายนี้ได้รับการบำรุงเลี้ยงมาหลายปีเลือดที่มันดูดซึมก็ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ ตอนนี้มันได้ดื่มเลือดของผู้คนนับสิบจึงถือว่าอิ่มแล้ว หากให้มันดูดเลือดต่อไปพลังชั่วร้ายของมันจะแว้งกลับมาทำร้ายผู้เป็นเจ้าของ” ครึ่งก้าวผู้สูงสุดคนนั้นกล่าวอย่างใจเย็น
ปู!
คราวนี้วัวที่อยู่ข้างกายของสือฮ่าวถูกอาวุธชิ้นหนึ่งทิ่มแทง โลหิตแก่นแท้ของเขาถูกดูดออกไปจนเส้นขนทุกเส้นของเขาหงอกขาวแก่ชราลงไปมาก
แดง!
สือฮ่าวไม่สามารถเฝ้าดูได้ เขาลงมือใช้โซ่ที่มัดแขนของเขาไว้ทำลายกระบี่สีแดงเล่มนั้นทันที