ตอนที่แล้วตอนที่11 ความลับที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่13 ดาบสะบั้นมังกร

ตอนที่12 วิญญาณร้าย


ตอนที่12 วิญญาณร้าย

เมื่อเห็นภาพฉากแบบนั้น หยางอู่ซินก็ปั้นหน้าฉายแววประหลาดใจเช่นกัน ทว่าขณะเดียวก็เร่งฝีเท้าพุ่งมาประจัญบานตรงหน้าเย่เจวี๋ยแล้วเช่นกัน หนึ่งกำปั้นควบแน่นพลังมารขุมใหญ่ พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเย่เจวี๋ยสุดกำลัง

ทว่าเย่เจวี๋ยเองก็ออกหมัดซัดกำปั้นออกไปเช่นกัน! สองขั้วพลังเข้าปะทะชนก่อเกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกร้าวราน หยางอู่ซินรู้สึกได้ว่าแขนซ้ายที่เพิ่งออกหมัดเข้าชนด้านชาไร้ความรู้สึกไปแล้ว เขาเร่งเร้าพลังต้านรับแรงระเบิดที่ดีดย้อนกลับมาพร้อมใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด ปล่อยให้แขนซ้ายที่ไร้ความรู้สึกนั้นห้อยต่องแต่งอยู่แบบนั้น

ร่างของหยางอู่ซินถูกแรงระเบิดดังกล่าวซัดจนร่นถอยออกไปหลายสิบก้าวกว่าจะทรงตัวได้

“ฮ่าฮ่า! เจ้าสามารถรับกำปั้นอันทรงพลังของข้าได้จริงๆ จงรู้ไว้เสีย นั้นแกร่งกล้าเทียบเท่ากระทิงคลั่งสามสิบหัวตัวเชียว!”

เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกอันน่าสังเวชของหยางอู่ซิน เย่เจวี๋ยก็ระเบิดหัวเย้าหยอกออกมา

แต่ใครจะไปรู้ว่า ไอ้ปัญญาอ่อนนี่จะปรากศจากความหวั่นเกรงใดๆ พอหยางอู่ซินตั้งหลังยืนหยัดขึ้นได้ ก็พุ่งโจมตีใส่เย่เจวี๋ยอีกครา คราวนี้มันถึงขั้นใช้ศีรษะของตนเข้าขวิดประดุจกระทิง กู่ร้องคำรนลั่นว่า

“จะกิน...จะกิน...ข้าจะกินเจ้า!”

“หื้ม? ฝึกเคล็ดวิชาสายมารแขนงใดกัน? ต้องการกลืนกินข้าเพื่อยกระดับพลังตัวเองให้สูงขึ้นงั้นรึ?”

มุมปากของเย่เจวี๋ยกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนแสยะยิ้มเย้ยหยันให้ไปคำหนึ่ง พอต้องเผชิญหน้ากับไอ้ปัญญาอ่อนนี่ ไม่รู้พราะเหตุใดจู่ๆ เขาก็เกิดความเย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก

เสี้ยวขณะที่หยางอู่ซินกำลังพุ่งเข้าขวิดเขา เย่เจวี๋ยกลับเอี้ยวตัวเบี่ยงร่างหลบได้อย่างง่ายดาย ส่วนหยางอู่ซินที่ทิ้งทั้งตัวเพื่อเข้าชนก็หยุดตัวเองไม่ทันแล้ว ศีรษะของมันพุ่งเข้ากระแทกกับกำแพงหินด้านหลังเย่เจวี๋ยอย่างแรง หัวแตกเกิดเป็นแผลใหญ่ลึก เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาทันที ถึงขั้นที่ว่าแม้แจ่เย่เจวี๋ยที่เห็นยังรู้สึกเจ็บแทน

ทว่าอย่างไร ท่าทางของหยางอู่ซินราวกับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้สักนิด เขาหันกลับมา สะบัดปอยผมกระเซอะกระเซิงจ้องเย่เจวี๋ยตาเขม็งด้วยความเกรี้ยวโกรธ แขนซ้ายถูกทำลายจึงใช้แขนขวาแทน เขายกกำปั้นเหวี่ยงเข้าใส่เย่เจวี๋ยอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง

แต่กำปั้นนั้นก็ถูกเย่เจวี๋ยจับไว้ได้ในพริบตา เขาบิดแขนหักเข้าประชิดหลังของหยางอู่ซิน พร้อมจับอีกฝ่ายกดลงกับพื้น ใช้เข่ากดหน้าจนจมดิน

จากนัน้เย่เจวี๋ยก็ค่อยๆ บิดแขนของหยางอู่ซินที่ถูกจับไพล่หลังอย่างช้าๆ จนแขนข้างขวาหลุดออกมาจากเบ่าไหล่ ทว่าหยางอู่ซินยังคงดิ้นทุรนทุรายต้องการจะหนีสุดชีวิต ดูไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด แทนที่จะกรีดร้องกลับบ่นพึมพำอะไรสักอย่างไม่หยุดวกไปวนมาอยู่อย่างนั้น

“อย่างที่คิดเลย มันไม่รู้สึกเจ็บจริงๆ”

เย่เจวี๋ยใช้เข่าหักคออีกฝ่ายกดกับพื้นอย่างแรงทีทีหนึ่ง เสียงกระดูกคอลั่นดังกร๊อก หยางอู่ซินกระอักเลือดสดออกมาคำโตพร้อมเสียง ‘พร๊วด’ ธารเลือดสีแดงไหลนองออกมาจากปาก แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังดิ้นไม่หยุดและเอ่ยปากพึมพำอะไรสักอย่างต่อไป

“มันไม่รู้เจ็บสักนิดเลยรึไงกัน?”

เย่เจวี๋ยอุทานคำโตเจือน้ำเสียงชื่นชมอยู่หนึ่งส่วน แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาจะแสดงความเคารพหรือหวั่นเกรงใดๆ เขาใช้เข่ากดน้ำหนักกระแทกลงไปที่ต้นคอของมันอีกครั้ง เสียงกระดูกคออีกข้อหักดังลั่นเป็นคำรบสอง

เย่เจวี๋ยเหนื่อยกับการทรมานเจ้านี่เต็มทนแล้ว จนลุกขึ้นมาพักหายใจแต่กระนั้นก็ยังใช้เท้าเหยียบร่างของมันไว้ไม่ให้ลุกขึ้นไปไหน แน่นอนว่าการจะฆ่าหยางอู่ซินในตายทันทีมันไม่ใช่ปัญหาเลย อย่างไรก็ตามเขาต้องการตรวจสอบอะไรบางอย่าง และตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เขาก็ยังต้องทรมานมันต่อไป

หยางอู่ซินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขายังคงพยายามดีดดิ้นดูกระปรี่กระเปร่าเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่โดนหักแขน หักกระดูกคอไปซะขนาดนั้นแท้ๆ มันปราศจากอารมณ์ความรู้สึกแล้วรึไง? พอเย่เจวี๋ยลองยกเท้าออกจากหลังของมัน หยางอู่ซินก็ตะเกียกตะกายรีบลุกขึ้นจากพื้นและพึ่งเข้าโจมตีเขาทันที ถึงกระนั้นก็ยังถูกเย่เจวี๋ยถีบกระเด็นออกไป

นี่เป็นอันแน่ชัดแล้วว่า หยางอู่ซินไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และน่าจะมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ก็เพราะ พลังวิญญาณของมันในปัจจุบันอ่อนแออย่างมาก และมันมากซะจนไม่สามารถส่งผ่านความเจ็บปวดจากร่างกายไปยังจิตวิญญาณได้ และอีกเหตุผลสำคัญคือ เพราะหยางอู่ซินปัญญาอ่อน...

“เอาล่ะ คืนเนตรจักรพรรดิสายฟ้ามาให้ข้าซะ”

เย่เจวี๋ยพุ่งเข้ามาบีบคอของหยางอู่ซินและยกร่างลอยขึ้นสูง เอื้อมมือขึ้นมาหวังที่จะควักลูกตาของหยางอู่ซิน ถึงนี่จะดูเป็นการกระทำที่ดูโหดร้ายไปสักหน่อย และถ้าเป็คนอื่นคงไม่กล้าควักออกมาตรงๆ เป็นแน่ ทว่าอย่างไรเย่เจวี๋ยไม่สนใจอยู่แล้ว เป้าหมายของเขาคือการนำเนตรจักรพรรดิสายฟ้ากลับคืนมา

แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆ ก็มีกลิ่นอายอันน่าสยดสยองแผ่ออกมาปกคลุมทั่วทุกบริเวณ เสียงลมกรรโชกโบกสะบัดรุนแรงพัดผ่านเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ อาศัยสัญชาตญาณอันเฉียบคมต่ออันตรายของเย่เจวี๋ย เสี้ยวพริบตาเดียวเขารีบกระโดดร่นถอยออกมาทันที

บูมมม!

ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังขึ้น ชั่วอึดใจต่อมา เศษดินเศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วสารทิศ พื้นใต้ดินแตกออกกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่! ซึ่งรูโหว่นี้มีความลึกที่ประหลาดใจยิ่ง

เย่เจวี๋ยเหลือบมองสิ่งที่อยู่ภายในรูโหว่ลึกดังกล่าวซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่นอายอันน่าสยดสยองนี้เจือแววสะเทือนขวัญเล็กน้อย สีหน้าการแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปทันควัน ภายในรูโหว่แสนมืดมิดจู่ๆ ก็ก่อเกิดเป็นประกายแสงจ้าจรัส ปรากฏเป็นวิญญาณร้ายตนหนึ่งลอยขึ้นมา มันจ้องเย่เจวี๋ยตาเขม็งดูดุร้ายยิ่งยวด

วิญญาณร้ายร่างทมิฬมืดปลดปล่อยไอคลื่นพลังสีดำปกคลุมรอบบริเวณในชั่วพริบตา!

วิญญาณร้ายทมิฬตนนี้ไม่เปิดโอกาสให้เย่เจวี๋ยแม้แต่จะคิดวางแผน มันแผดเสียงกรีดร้องครวญลั่นแสบแก้วหูออกมา กางกรงเล็บอันแหลมคมที่ดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่หยางอู่ซินใช้ไม่รู้กี่ทวีเท่าออกมา

แรงดันวิญญาณขุมมหึมาเข้าปะทะกับใบหน้าของเขาเข้าเต็มๆ เย่เจวี๋ยไม่มีเวลาหนีแล้ว ทำได้เพียงระดมลมปราณควบรวมลงในกำปั้นและซัดเข้าใส่ร่างวิญญาณตนนั้น ทว่ากลับเป็นตัวเย่เจวี๋ยเองที่รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างเสมือนกับชกโดนแท่งเหล็ก ปรากฏว่าวิญญาณร้ายตนนี้มีกายเนื้อเป็นรูปธรรม แถมยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย

คล้อยหลังยืนหยัดได้ไม่นาน เขาก็ถูกแรงดันวิญญาณอันมหาศาลผลักกระเด็นออกไป

ฝ่าเท้าทั้งสองข้างพยายามเหยียดหยั่นยืนหยัด ทว่าก็ยังถูกผลักออกไปจนผืนดินแข็งกระด้างเป็นโดนลากทางยาว ท้ายที่สุดเกินกำลังต้านทานได้ไหว ร่างของเขาลอยจากพื้นไปทันที! เสียงกระแทกดังกึงก้องลั่นขึ้น แผ่นหลังของเย่เจวี๋ยถูกอัดกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง ยามนี้ไม่มีทางหนีได้อีกต่อไป และในเวลาเดียวกันนั้นเอง วิญญาณร้ายตนนั้นก็ฉีกปากอ้ากว้างดั่งบ่อเลือดออกมาเหมือนว่ากำลังจะกลืนกินเย่เจวี๋ยเข้าไปทั้งร่าง

เย่เจวี๋ยตกใจอย่างมากจนหน้าซีดเซียว รีบเร่งเร้าพลังทั่วกายาไปยังเท้าขวาควบแน่นกลายมาเป็นเพราะลมปราณ!

แม้ว่ากายเนื้อของมันจะแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า แต่ลูกแตะนี้ของเขาก็ยังได้ผล วิญญาณร้ายทมิฬตนนี้พลันหุนปากปิดลงโดยไว ก่อนจะเสียจังหวะไปชั่วขณะ เย่เจวี๋ยรีบฉวยโอกาสนี้โจมตีด้วยลูกแตะไปอีกครั้ง ก่อนจะกระโดดข้ามหัวมัน ทิ้งระยะตีห่างออกมาเพื่อตั้งหลัก

สีหน้าการแสดงออกของเย่เจวี๋ยตอนนี้ดูเคร่งขรึมเป็นพิเศษ หากเขาฝึกปรือบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาสามัญทั่วไป ปานนี้เขาคงโดนมันกินเข้าไปแล้ว พลังวิญญาณอันน่าตกตะลึงที่แผ่สะพัดออกมาจากร่างวิญญาณร้ายตนนี้กล่าวได้ว่า น่ากลัวโดยแท้ อย่างน้อยที่สุดน่าจะเทียบเท่าขุมพลังอาณาจักรนภาม่วงชั้นต้นหรือชั้นกลางได้เลย ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ยังหาใช่คู่ต่อสู้ของมันไม่

ในเวลาเดียวกัน เย่เจวี๋ยพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ วิญญาณร้ายระดับชั้นพวกนี้จำเป็นต้องอาศัยสิ่งของบางอย่างสิงสู่เพื่อความอยู่รอด โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นยุทธภัณฑ์อาวุธ แต่พินิจจากกายเนื้ออันแกร่งกล้าของมันแล้ว นี่ต้องหาใช่ยุทธ์ภัณฑ์อาวุธธรรมดาทั่วไป ขั้นต่ำต้องเป็นยุทธภัณฑ์อาวุธระดับเทวะชั้นสูงขึ้นไป ไม่อย่างนั้น มิใช่เพียงกายเนื้ออันแข็งแกร่ง มันคงไม่สามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณอันทรงพลังแบบนั้นออกมาได้แน่

พอคิดได้แบบนั้น ภายในใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นทันที แม้แต่จักรพรรดิเทพสายฟ้าอย่างตัวเขาในชาติที่แล้ว ยังมิอาจแยแสยุทธภัณฑ์อาวุธระดับเทวะได้เช่นกัน

ไม่เพียงแค่นั้น เย่เจวี๋ยยังตระหนักได้ถึงอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน แม้นี่จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่เขารู้สึกว่า วิญญาณร้ายตนนี้ไม่พอกับยุทธ์ภัณฑ์อาวุธที่ตนสิงสูเสียเท่าไหร่ และต้องการร่างภาชนะที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ซึ่งหยางอู่ซินถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากคนหนึ่ง ดังนั้นมันจึงล่อลวงเขามาที่นี่และค่อยๆ แย่งชิงร่างกายโดยการกัดกินจิตวิญญาณไปทีละเล็กละน้อย เพื่อแย่งชิงร่างกายมาเป็นของตน ดังนั้นนี่จะสามารถอธิบายได้ทันทีว่า เหตุใดหวางอู่ซินถึงปัญญาอ่อน ตัวการที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังก็คือ วิญญาณร้ายตรงหน้าเขานี่เอง!

แต่ทว่าตอนนี้ เมื่อมันได้พบเห็นร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหยางอู่ซิน มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เย่เจวี๋ยหวังจะแย่งชิงร่างกาย

ครานี้เองวิญญาณร้ายตนนั้นก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา กลิ่นอายแสนชั่วร้ายแผ่กระจายพวงพุ่งออกมาไม่หยุดหย่อน ทั่วกายาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมาร มองลึกลงไปในดวงตาภูตผีอันว่างเปล่าของมันส่องสะท้อนออกมาเพียงความอาฆาตพยาบาท มันเริ่มกวัดแกว่งกรงเล็บยาวอีกครั้ง คลื่นพลังทรงกลมสีดำลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นมาทันทีและพุ่งโจมตีโดยมีเป้าหมายเป็นเย่เจวี๋ย

เย่เจวี๋ยเร่งกระโดดเลี่ยงหลบร่นถอยออกไปอีกครา บริเวณที่ลูกพลังทรงกลมตกกระทบได้ระเบิดก่อเกิดเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่

ทว่าความบ้าคลั่งของมันยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น วิญญาณร้ายยังคงกวัดแกว่งกรงเล็บต่อเนื่อง ลูกพลังทรงกลมจำนวนมากสีดำกระจายเข้าโจมตีไม่มีปราณี คลื่นพลังทำลายล้างของแต่ละลูกนับว่ามิได้ด้อยไปกว่ากัน

แต่เย่เจวี๋ยสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีเหล่านี้ได้ทั้งหมด อย่าลืมไปเสีย นอกเหนือจากความทรงจำของจักรพรรดิเทพสายฟ้าแล้ว เขายังมีประสบการณ์การต่อสู้นับหมื่นแสนของจักรพรรดิเทพสายฟ้าในครั้นอดีตกาลอยู่อีกด้วย!

ขณะเลี่ยงหลบลูกบอลพลังสีดำเหล่านั้น เย่เจวี๋ยก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้วิญญาณร้ายอย่างต่อเนื่อง เขาไม่มีวันต้องมาตายในที่แบบนี้แน่นอน ไม่มีวัน!

“เจ้าพวกปรสิตชั้นต่ำ! ร่างนี้เป็นของข้า! ไสหัวไปเกิดใหม่เสียเองเถอะ!”

เมื่อเข้าประชิดถึงระยะหวังผล เย่เจวี๋ยเร่งเร้าลมปราณทั้งหมดในร่างกายบีบอัดไว้บนกำปั้น และซัดเข้าที่ใบหน้าของวิญญาณร้ายตนนั้นสุดแรงเกิด เล่นเอาใบหน้าของมันยุบตัวลงจากสองในสามส่วนโดยตรง

ยามถูกซัดหน้าชนิดไม่มียั้งมือเช่นนี้ เสียงกรีดร้องอันสยดสยองของมันก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ แสบไปถึงแก้วหูชั้นใน กรงเล็บคู่นั้นของมันโบกสะบัดกวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังคว้าแขนของเย่เจวี๋ยมาได้และบีบแน่นจนเกิดเป็นรอยจ้ำเลือด

เย่เจวี๋ยที่พยายามสะบัดแขนมันออกอยู่นานในที่สุดก็ทำสำเร็จ แต่ไม่ทันระวังโดนกรงเล็บของมันอีกข้างหนึ่งตบใส่อย่างแรง จนร่างปลิวกระเด็นออกไป ลอยเคว้งอย่างไร้ควบคุมกลางเวหา พลันกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโต ก่อนจะนอนมอบแน่นิ่งไปกับพื้น

จะเห็นได้ชัดว่าวิญญาณร้ายตนนี้มันแกร่งกล้าเพียงใด

วิญญาณร้ายเริ่มคืบคลานลอยเข้ามาผ่านห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว หยุดอยู่เบื้องหน้าเย่เจวี๋ยพร้อมยกกลงเล็บขึ้นมา ระดมพลังมารหลอมรวมเพื่อสร้างลูกพลังทรงกลมสีดำขนาดใหญ่เหนือหัว ยิ่งมันขยายตัวใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงที่แผ่ซ่านออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

เสี้ยวพริบตาต่อมา เย่เจวี๋ยได้สติรีบดีดตัวขึ้นจากพื้นพลางปาดเช็ดเลือดบนมุมปาก ลูกพลังสีดำขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่ตรงหน้า ขนาดของมันใหญ่กว่าลูกก่อนหน้าถึงหลายสิบเท่าทวี รูม่านตาของเย่เจวี๋ยถึงกับตีบแคบหดเล็กลงทันที ถ้าขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้าหลายสิบเท่า นั้นหมายความว่าอานุภาพการทำลายล้างของมันย่อมเพิ่มทวีขึ้นหลายสิบเท่าเช่นกัน! ลางสังหรณ์สุดอันตรายผุดขึ้นมาภายในใจเขาทันใด

กรงเล็บทั้งสองข้างที่ชูขึ้นเหนือหัวเริ่มสั่นเทาคล้ายว่าตัวมันเองก็แบกรับพลังอันมหาศาลแบบนี้ได้อีกไม่นานแล้วเช่นกัน ถ้าลูกพลังทรงกลมสีดำนี้ร่วงหล่นลงมา เกรงว่าตัวเขาไม่เหลือซากแน่นอน

จนท้ายที่สุดวิญญาณร้ายก็ปลดปล่อยโยนลูกพลังขนาดใหญ่ถาโถมลงมาใส่เย่เจวี๋ยโดยตรง แม้แต่ห้วงอากาศโดยรอบยังถูกลูกพลังดังกล่าวฉีกกระชากขาดสะบั้นยามเคลื่อนผ่าน สายลมคร่ำครวญหวีดหวิวยังกลัวเกรง ประดุจมัจจุราชถือเคียวเก็บเกี่ยวชีวิตอยู่ต่อหน้า

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่จิตวิญญาณจักรพรรดิเทพสายฟ้าตื่นขึ้นอีกครั้งได้สัมผัสกับความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

อันตราย!

ต้องหนีเท่านั้นแล้ว!

นี่คือความคิดสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในหัวของเย่เจวี๋ยตอนนี้

บูมมมม!!!

เสียงระเบิดดังอึกทึกกึกก้องสารทิศ ทั้งยังมีเศษฝุ่นเศษหิน คลื่นลมพายุขนาดย่อมซัดกระแทกกำแพงหินจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เพดานด้านบนเองก็สั่นสะเทือนรุนแรงเสมือนว่าจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ร่างของเย่เจวี๋ยกระเด็นกระดอนจมลงในซากปรังหักพัง

คล้อยหลังทุกอย่างสงบลงอีกครั้ง ท่ามกลองกองซากปรักหักพังคล้ายมีบางอย่างเคลื่อนไหว ปรากฏเป็นมือเด็กหนุ่มแหวกเศษซากหินตะเกียกตะกายออกมา พยายามยืนหยัดลุกขึ้นยืน

เสื้อผ้าท่อนบนของเขาขาดรุ่งริ่งแทบไม่เหลือ ทั่วร่างกายและใบหน้าอาบเลือดชโลมสด เด็กหนุ่มผู้มีสภาพน่าเวทนายิ่งคนนี้ก็คือเย่เจวี๋ย

เย่เจวี๋ยประคองแขนข้างขวาที่ห้อยต่องแต่งด้วยความเจ็บปวด อาศัยเรี่ยวแรงในขณะนี้แม้กระทั่งจะยืนไม่ให้ล้มยังลำบาก

วิญญาณร้ายที่เห็นแบบนั้นก็บินผ่านห้วงอากาศลอยมาหยุดตรงหน้าของเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เย่เจวี๋ยไม่เหลือพละกำลังจะต้านทานอีกต่อไปแล้ว เขาค่อยๆ หลับตาลงและยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น มุมปากของเขากระตุกยิ้มเย้ยเยาะตัวเองด้วยความสมเพช

‘หึหึ... ข้าเย่เจวี๋ยผู้นี้ต้องตายที่นี่จริงๆ แล้วรึ?’

อย่างไรก็ตามแต่ ทันใดนั้นเองเย่เจวี๋ยพลันรู้สึกเย็นวาบบริเวณดวงตาราวกับมีสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา พอสัมผัสได้แบบนั้นเขาก็แสยะยิ้มขึ้นทันใด ตระหนักทราบได้ทันทีว่า วิญญาณโง่ตนนี้มันคิดผิดแล้วที่เลือกเข้าสิงร่างกายของเขาผ่านดวงตา เขารู้สึกดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่! สวรรค์ยังมีตา!

นอกจากความปีติดีใจนี้แล้ว อีกด้านยังแอบด่าไอ้วิญญาณร้ายโง่เง่านี่อีกด้วย เข้าตรงไหนไม่เลือกเข้าดันโง่เข้าสิงผ่านดวงตา

เย่เจวี๋ยหลับตาจมดิ่นสู่ห้วงทะเลแห่งจิตวิญญาณทันที วิญญาณร้ายยามนี้เพิ่งได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พอมันพยายามจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ส่วนลึกในจิตใจกลับมีอะไรบางอย่างขวางกั้นเอาไว้ มันเป็นรัศมีอสนีบาตสีม่วงดั่งกรงขังล้อมรอบตัวมันอยู่

ชั่วอึดใจขณะ จู่ๆ ก็มีแรงกดดันอันมหาศาลดั่งหุบเขาไท่ซานร่วงหล่นทับร่างของวิญญาณร้ายตนนั้นรุนแรง ร่างของมันนอนมอบอยู่ติดกับพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลยแม้แต่น้อย

นี่คือพลังจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของจักรพรรดิเทพสายฟ้าเมื่อชาติก่อนในดวงตา บัดนี้ได้บดขยี้วิญญาณร้ายจนแหลกละเอียด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด