357 - ความขัดแย้งอีกรอบ
357 - ความขัดแย้งอีกรอบ
เมื่อเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ให้ความสนใจเขา การแสดงออกบนใบหน้าของซูหลางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดทันที
เขาเหลือบมองชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นสูงประมาณเจ็ดจ้าง(2เมตร)และมีร่างกายที่ใหญ่โตก็เดินเข้ามาจับไหล่ของเอี้ยนลี่เฉียง
“เฮ้ ไอ้เด็กเวร จะรีบไปไหน…?”
ในขณะที่มือของเขากำลังจะแตะไหล่เอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนลี่เฉียงก็เอนตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงราวกับว่าเขามีตาคู่หนึ่งอยู่ทางด้านหลัง
ในเวลาเดียวกัน มือของเขาก็พุ่งออกไปราวกับคีมเหล็กขนาดใหญ่แล้วบีบข้อมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง
“หากเจ้าอยากตายเจ้าก็แค่บอกมา...”
ชายคนนั้นมีสีหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงไปที่พื้นแล้วตะโกนออกมาว่า
“เจ้าหนู ดูเหมือนจะอยากตายจริงๆ”
พูดจบเขาก็กระแทกกำปั้นอีกครั้งเข้าใส่หน้าอกของเอี้ยนลี่เฉียง
ชายคนนั้นไม่ลืมว่าเอี้ยนลี่เฉียงยังคงจับข้อมือของเขาอยู่ เมื่อเขาเหวี่ยงหมัดไปที่เอี้ยนลี่เฉียงเขาก็พยายามดึงแขนเอี้ยนลี่เฉียงเข้ามาหาเขาด้วย
น่าเสียดายที่เขาคิดผิด มันเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
เมื่อชายร่างกำยำต้องการจะดึงแขนเอี้ยนลี่เฉียงเข้ามาก็เกิดเสียงดัง ‘กร๊อบ’ ขึ้นที่แขนของเขาอย่างรุนแรง
ชายร่างกำยำทิ้งตัวลงที่พื้นทันทีพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดมิหนำซ้ำเหงื่อเม็ดโป้งก็ยังไหลออกมาจากหน้าผากของเขาไม่หยุด
“กวอฮฮฮฮฮฮฮฮ! ได้โปรดปล่อยมือ ขอร้องได้โปรด…!”
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ มือของเขายังคงบดขยี้แขนข้างนั้นอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันเขาเพียงแค่กวาดสายตาอันเย็นชาไปทั่วซูหลางและคนอื่นๆ
“ใครบังอาจมาต่อสู้ในเมืองหลวง…!”
ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มือปราบสองสามคนเดินเข้ามาขัดขวางการลงมือของเอี้ยนลี่เฉียง แต่ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็เบิกกว้างทันที
เด็กหนุ่มที่บอบบางอย่างเอี้ยนลี่เฉียงสามารถหักข้อมือของชายร่างใหญ่
“เอ๊ะ? เด็กคนนั้นจัดการกับคนตัวใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร”
“พวกเราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกของคนตัวใหญ่นั้นเป็นคนหาเรื่องก่อน…!”
กลุ่มชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็ตะโกนออกมาเรียกร้องความยุติธรรม
การแสดงออกบนใบหน้าของซูหลางบิดเบี้ยว เขาก้าวไปข้างหน้าและตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียง
“เจ้าเด็กอวดดี! ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้…!”
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะเย้ยหยัน แทนที่จะปล่อยมือเขายิ่งบีบแขนข้างนั้นของชายร่างกำยำให้แรงขึ้นกว่าเก่า ส่งผลให้ชายร่างกำยำกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ดูเหมือนว่าธนูลูกนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ทำร้ายเจ้าแต่ยังช่วยชีวิตเจ้าอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่มีเวลามาเห่าหอนอยู่ที่นี่”
“เจ้าหนู เจ้ากำลังรนหาที่ตาย? ในวันนั้นทุกคนต่างก็เห็นว่าคนที่ลงมือนั้นเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเหลียงอี้เจี๋ย! หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว…!”
การแสดงออกบนใบหน้าของซูหลางเปลี่ยนไปอย่างเย็นชาและน่ากลัว เขาจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ในขณะที่เขาถูกกล่าวเปิดโปงขึ้นกลางที่สาธารณะชน
เอี้ยนลี่เฉียงเยาะเย้ย
“เรื่องโกหกของเจ้าหลอกลวงได้เฉพาะชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นแหละ ในบรรดาผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเราต่างก็รู้ดีว่าถ้าไม่มีธนูลูกนั้นเจ้าคงถูกตัดคอไปแล้ว”
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดจบประโยคมือปราบสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆก็รีบตะโกนขึ้นเพื่อขัดจังหวะ
“นี่อะไร? เจ้ากล้าสร้างความวุ่นวายกลางถนนในเมืองหลวงหรือ…?!”
“เขาทำร้ายคนของเรา! จับกุมเขาทันที…!”
ซูหลางชี้ไปที่เอี้ยนลี่เฉียงและตะโกนให้มือปราบพวกนั้นลงมือจัดการกับเอี้ยนลี่เฉียง
เพียงแค่ดูจากการแสดงออกของมือปราบที่เข้ามาเรานี้ เอี้ยนลี่เฉียงก็มีรอยยิ้มอย่างเย็นชา
ในขณะนั้นเอี้ยนลี่เฉียงใช้มือเลื่อนปกเสื้อของเขาออกเล็กน้อยเผยให้เห็นป้ายของผู้บัญชาการหยิงหยางของหน่วยทหารม้าแห่งจักรวรรดิ
“บุคคลนี้ลงมือลอบทำร้ายข้ากลางถนนเมื่อสักครู่นี้ ทุกสิ่งที่ข้าทำก็เพื่อป้องกันตัว แต่ท่าทีของพวกเจ้านี้หมายความว่าอย่างไร” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มให้ทั้งสองคน
มือปราบที่มีอายุมากกว่าเหลือบมองซูหลางและเอี้ยนลี่เฉียงก่อนจะประสานมือแล้วกล่าวว่า
“ทุกคนต่างก็ทำงานรับใช้บ้านเมือง พวกเราถือว่าแล้วกันไปเถอะ อย่าได้สร้างความยุ่งยากให้กันเลย!”
“ฮึ่ม!”
ซูหลางแค่นเสียงออกมาด้วยสีหน้ามืดมน
มือปราบคนนั้นหันมาหาเอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า
“น้องชายเห็นแก่หน้าข้าที่เคยเป็นทหารม้าแห่งจักรวรรดิด้วยกันเลิกแล้วกันเถอะนะ ในเย็นนี้ข้าจะเลี้ยงสุราถือเป็นการขอโทษเจ้า เจ้าเห็นว่าสมควรหรือไม่!”
เอี้ยนลี่เฉียงหันกลับไปมองมือปราบพวกนั้นและไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขาจึงกล่าวว่า
"เห็นแก่หน้าพวกเจ้าวันนี้ก็เลิกแล้วกันแค่นี้เถอะ!”
เอี้ยนลี่เฉียงพูดจบก็โยนชายร่างใหญ่คนนั้นลงไปกระแทกพื้นอย่างแรงก่อนที่เขาจะหันไปมองซูหลางและหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไร
ในเวลานี้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างซูหลางก็เตรียมพร้อมจะออกไปจัดการกับเอี้ยนลี่เฉียง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยื่นมือขัดขวางไว้
“ไปให้พ้น ไปให้พ้น! อย่ากีดขวางการจราจรที่นี่…”
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้วมือปราบเหล่านั้นก็ตะโกนไล่ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ให้แยกย้ายกันไป
"น่าสนใจ น่าสนใจมาก ซูหลางเด็กคนนั้นคือใคร? เหตุไฉนเจ้าจึงไม่เคยพูดถึงมาก่อน?”
ชายหนุ่มรูปงามกล่าวขึ้นมาเบาๆ
“เรียนนายน้อยหลิน เด็กเหลือขอนั่นเคยเป็นผู้ติดตามของซุนปิงเฉิน ข้าได้ยินมาว่าเขามีฝีมือการยิงธนูเล็กน้อยและมีระดับฝีมือเพียงแค่นักรบต่อสู้ เมื่อมาถึงเมืองหลวงซุนปิงเฉินก็ฝากฝังเขาให้ทำงานที่คฤหาสน์กวาง”
"โอ้ เขาเป็นเพียงนักรบต่อสู้เท่านั้นหรือ เจ้าคิดว่ากำลังหลอกใครอยู่…”
นายน้อยหลินขมวดคิ้วจากนั้นชี้ไปที่ชายร่างกำยำที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เจ้ายักษ์ตัวนี้ก็เป็นนักรบต่อสู้ขั้นสูงสุดแล้วเขาจะถูกจัดการในกระบวนท่าเดียวได้อย่างไร…”
“ก็…”
ซูหลางพูดไม่ออก ความอับอายของเขากลายเป็นความหงุดหงิดเมื่อเขาหันหลังกลับเขาจึงเตะเข้าที่หน้าอกของชายร่างกำยำอย่างแรง
"ไร้ประโยชน์!"
“อย่าระบายอารมณ์กับคนของเจ้า ท่านลุงของข้าบอกไว้เสมอว่าบางทีตัวละครเล็กๆน้อยๆแบบนี้อาจเป็นตัวแปรอันยิ่งใหญ่ที่เราคาดไม่ถึง…”
นายน้อยหลินตบไหล่ซูหลางด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวเสริมว่า
“แม้ว่าสุนัขเฒ่าตัวนั้นจะออกจากเมืองหลวงไปแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้คนของเขาลงเหลืออยู่…”
“วางใจได้เลยนายน้อยหลิน ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร!” ซูหลางกัดฟันของเขา
“ต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่”
“อย่ากังวลไปเลย ข้ามั่นใจว่าจะสามารถจัดการมดแมลงตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย…”