356 - คู่แค้นพบกันบนทางคับแคบ
356 - คู่แค้นพบกันบนทางคับแคบ
หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงอ่านจดหมายจากลู่เปียนแล้วหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น
ลู่เปียนบอกเอี้ยนลี่เฉียงเกี่ยวกับความร่วมมือของพวกเขาและนิกายภูเขาวิญญาณ และผลิตภัณฑ์ก้อนรากบัวชุดแรกถูกส่งเข้ามาในเมืองหลวงวันนี้แล้ว
ในจดหมาย ลู่เปียนกล่าวถึงความต้องการก้อนรากบัวที่เติบโตขึ้นในเมืองผิงซี แลครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของแคว้นกานอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้น เตาโลหะขนาดเล็กที่เอี้ยนลี่เฉียงออกแบบยังได้รับการยอมรับทั่วทั้งแคว้นกานและมันกลายเป็นที่นิยมของทุกบ้าน.
แม้แต่สมาคมช่างตีเหล็กเมืองผิงซีก็ยังเลือกบิดาของเอี้ยนลี่เฉียงให้เป็นหัวหน้าสมาคม เป็นผลให้ร้านช่างตีเหล็กของตระกูลเอี้ยนถูกดันขึ้นเป็นโรงตีเหล็กอันดับหนึ่งของแคว้น
กล่าวโดยย่อชื่อเสียงที่น่าเกรงขามของเอี้ยนลี่เฉียงแพร่กระจายไปทั่วภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ต้องแสดงความเคารพเขาสามส่วน
ในตอนท้ายของจดหมายลู่เปียนบอกว่าผู้อาวุโสของนิกายภูเขาวิญญาณหลายคนต่างก็ต้องการพบเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งถือเป็นอัจฉริยะนักประดิษฐ์ของโลก
ลู่เปียนจึงคิดเชิญเอี้ยนลี่เฉียงไปร่วมรับประทานอาหารจากผู้อาวุโสนิกายภูเขาวิญญาณในศาลาชุมนุมประจำแคว้นกาน
เอี้ยนลี่เฉียงเก็บจดหมายกลับเข้าไปในหน้าอกแล้วเดินเข้าสู่เมืองหลวงด้วยความงุนงง ไม่คิดว่าเมื่อมาถึงเมืองหลวงไม่กี่วันเขาจะกลายเป็นคนดังของแคว้นกานไปแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงคฤหาสน์บนภูเขาหลงฉี ป้ายทางเข้าของคฤหาสน์เขียนไว้ว่า
“ที่ทำการสำนักข่าวช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรฮั่น”
ฟางเป่ยโต้วกำลังชงชาที่ศาลาในคฤหาสน์ หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงมาถึง เขาไม่ได้ทำอะไรอีก เขาแค่สนุกกับการพูดคุยกับ ฟางเป่ยโต้วขณะดื่มชาที่ศาลาขณะรอสรุปยอดขายจากศูนย์กระจายสินค้าในเมืองหลังมืด
ในที่สุดท้องฟ้าก็มืดลงและมีรายงานสรุปการขายจากศูนย์กระจายสินค้าสี่แห่งในเมือง การขายหนังสือพิมพ์ฉบับแรกนั้นห่างจากเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้ค่อนข้างไกล
มันขายได้เพียง 318 ฉบับเท่านั้น
เอี้ยนลี่เฉียงมองดูสีหน้าที่เศร้าสลดของทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“พวกเจ้าไม่ต้องรู้สึกแย่ถึงขนาดนี้ก็ได้ ความจริง 318 ฉบับในวันแรกก็ไม่ถือว่าแย่อะไรนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่พวกเราทำตอนนี้มันก็เป็นเรื่องใหม่…!”
“ก็… จากคำบอกเล่าของเด็กๆของพวกเราพวกเขาบอกว่าผู้คนตำหนิว่ามันราคาแพงเกินไป หากเราขายประมาณ 4 เหรียญทองแดงจะได้ขายมากขึ้นกว่านี้นับ 10 เท่า…” สวีเอิ้นต้ารายงานอย่างเชื่องช้า
“บอกพวกเขาว่าเราขายต่ำกว่าราคานี้ไม่ได้ หนังสือพิมพ์เหล่านี้จะขาย 6 เหรียญทองแดงเท่านั้น!” เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า
“หมึกและกระดาษเป็นสิ่งที่จำเป็นในการผลิตสำเนามีราคาประมาณสามเหรียญทองแดงอยู่แล้ว หากเราขายต่ำกว่านี้พวกเราจะขาดทุน!”
"เข้าใจแล้ว!" ทุกคนพยักหน้า
เอี้ยนลี่เฉียงหันไปมองหูไห่เหอและให้กำลังใจเขา
“ไห่เหอ ในบรรดาเด็กที่ไปขายหนังสือพิมพ์ทั้งหมดหากผู้ใดขายได้มากที่สุดเจ้าก็ให้รางวัลพวกเขา หลังจากที่พวกเขาได้รับเงินและตระหนักถึงความน่าเชื่อถือของเราแล้ว ข้าก็แน่ใจว่าพวกเขาจะทำงานหนักขึ้นเพื่อเรา!”
หูไห่เหอพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะทำตามที่เถ้าแก่ใหญ่สั่ง!”
“หลังจากนี้ให้ไปติดต่อพี่น้องของเจ้าที่อยู่ในหน่วยทหารม้าประมาณ 10 คนมาทำหน้าที่คุ้มครองร้านค้าของพวกเราที่อยู่ในเมือง
พวกเจ้าไม่ต้องเสียใจไปข้ารับรองได้ว่าในไม่ช้าหนังสือพิมพ์ของพวกเราจะทำเงินให้พวกเราอย่างมหาศาลแน่นอน!”
"ถูกต้องแล้วนายท่าน พี่น้องของข้าหลายคนก็ต้องการหาลำไพ่พิเศษเช่นกัน!”
เมื่อพบกับการจ้องมองของฟางเป่ยโต้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็เข้าใจข้อความอันละเอียดอ่อนที่เขาพยายามจะสื่อในทันที ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าให้ทุกคนแล้วบอกว่า
“หลังจากผ่านเดือนนี้ไปพวกเราจะส่งหนังสือพิมพ์ของเราไปที่เมืองอื่นด้วย เรื่องนี้จะมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการฟาง”
เมื่อมองดูภาพใหญ่ที่เอี้ยนลี่เฉียงวาดไว้ ดวงตาที่หม่นหมองของทุกคนก็ค่อยๆสว่างขึ้น
นี่เป็นเคล็ดลับพื้นฐานที่สุดในการใช้การสร้างแรงจูงใจ เอี้ยนลี่เฉียงหรือเป็นยอดฝีมือในด้านนี้อยู่แล้ว...
เมื่อเห็นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และความกระฉับกระเฉงกลับมาหาทุกคนเอี้ยนลี่เฉียงก็ยิ้มให้พวกเขา
“เอาล่ะ ขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนักในวันนี้ กลับไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้พวกเจ้าต้องรวบรวมข่าวสารใหม่สำหรับตีพิมพ์ในฉบับที่ 2”
ฟางเป่ยโต้วรอให้ทุกคนกลับไปหมดแล้วเขาจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า
“นายท่านตามที่ข้าคำนวณไว้แล้ว พวกเราจำเป็นต้องขายหนังสือพิมพ์ให้ได้มากกว่า 5000 ฉบับต่อสัปดาห์ถึงจะเพียงพอกับต้นทุนของพวกเรา…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มอย่างมั่นใจและถามคำถามฟางเป่ยโต้ว
“เจ้ารู้จักนักเล่าเรื่องในเมืองหลวงหรือไม่”
"แน่นอน ในอาณาจักรของเรานอกจากโรงละครแล้วก็มีเพียงโรงน้ำชาที่มีนัดเล่าเรื่องเท่านั้นที่พอจะเป็นความบันเทิงได้!”
"เจ้าไปรวบรวมนักเล่าเรื่องในเมืองหลวงมาให้ข้ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้…”
"ทำไม?"
“เจ้าจะรู้เอง!”
“นักเล่าเรื่องมีความเกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ของเราหรือไม่”
“ฮ่าฮ่า แน่นอนพวกเขามีความเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เจ้าคอยดูเถอะเมื่อถึงเวลานั้นนักเล่าเรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักของเรา…”
ฟางเป่ยโต้วมองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความงงงวย ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้?”
“ต่อให้อธิบายให้เจ้าฟังจนเข้าใจแต่ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยตัวเองเจ้าก็ไม่คิดว่ามันได้ผลเหมือนเดิม!” เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นขณะพูด
“อีกสองวันเราจะพบกันอีก คืนนี้ข้ามีเรื่องต้องทำ!”
……
เอี้ยนลี่เฉียงออกจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ที่เชิงเขาหลงฉี ฝีเท้าของเขาว่องไวราวกับรถม้าที่กำลังวิ่ง ใช้เวลาไม่นานเขาก็ไปถึงประตูด้านใต้ของเมืองหลวงเพื่อไปที่ศาลาชุมนุมประจำแคว้นกาน
……
งานเลี้ยงของพวกเขาถูกนัดหมายกันในคืนนี้ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกเพื่อซื้อของเขาก็เดินปะทะเข้ากับกลุ่มของใครบางคน
กลุ่มนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูหลางและเพื่อนๆของเขา
ซูหลางและคนอื่นๆก็ไม่คิดว่าจะเจอกับเอี้ยนลี่เฉียงในที่นี่วันนี้ มันทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความตกตะลึงเล็กน้อย
เนื่องจากเอี้ยนลี่เฉียงไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปพัวพันกับซูหลางหรือเริ่มการต่อสู้ใดๆที่นี่ ดังนั้นเขาเพียงสบตาฝ่ายตรงข้ามและไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินจากไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าซูหลางและกลุ่มของเขาจะไม่ปล่อยให้เอี้ยนลี่เฉียงออกไปแบบนั้น