ตอนที่ 7
ฮึบ ฮึบ !
เสียงฮึดฮัดดังขึ้นสอดคล้องกับแขนของวีที่กำลังเคลื่อนไหวพร้อมยกดัมเบลไปด้วย ส่วนอีกมือหนึ่งก็กำลังคลิกหาอะไรดูไปเรื่อยในยูทูปอยู่
เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่วีเข้าคลอสลดน้ำหนักกับลุงผา หลังจากผ่านคลอสลดน้ำหนักสุดหินและการคุมอาหารอย่างเข้มงวดก็ทำให้น้ำหนักร้อยกว่าของวีลดมาเหลือเจ็ดสิบกิโลภายในสามเดือน
แม้มันจะไม่ใช่เป้าหมายที่วีวางเอาไว้แต่มันก็ถือว่าเยี่ยมมากแล้วสำหรับเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ใช่มันเยี่ยมมากกับการอดทนกับคลอสนั่น
วีสาบานกับตัวเองเลยว่าเขาจะไม่เข้าคลอสฝึกใดๆกับลุงผาอีกแล้วหลังจากนี้แน่นอน
ฟู้ ~
วีวางดัมเบลลงก่อนจะมองไปหน้าที่หน้าจอคอมฯ
“อืม… ช่วงนี้มีคลิปเกี่ยวกับเกมส์เพิ่มขึ้นเยอะเหมือนกันแหะ”
วีนั่งมองหน้าจออย่างสนอกสนใจ เพราะในชีวิตก่อนเขาก็ค่อนข้างจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องเกมส์และคอนเทนต์พวกนี้อยู่แล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ลองทำมัน
เนื่องจากงานของเขาค่อนข้างจะรัดตัว ใช่เลยล่ะเพราะการรับงานอย่างบ้าคลั่งของผู้จัดการนั่นทำให้วีแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด
เพราะเวลาส่วนใหญ่เขาใช้ไปกับการทำงานและกลายเป็นเครื่องผลิตเงินให้กับบริษัทนั่น แม้วีอยากจะออกมาแค่ไหนก็ทำไม่ได้เนื่องจากในช่วงเข้าวงการใหม่ๆตัวเขานั้นขาดความรู้จึงได้เผลอเซ็นสัญญาระยะยาวกว่าสิบปีไป
ทำให้เขาต้องกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยไปแบบงงๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังคงมีเรื่องดีอยู่เหมือนกันเนื่องจากวีได้รับงานแทบจะทุกประเภททำให้เขาคุ้นเคยกับการทำงานในรูปแบบต่างๆและรู้จักกับผู้คนมากมาย
“การเข้าวงการบันเทิงในตอนนี้เป็นไปได้ค่อนข้างยาก หรือฉันจะหันไปทำคอนเทนต์ออนไลน์ก่อนดีนะ ?”
วีคิดเล็กน้อยเพราะการที่จู่ๆเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึง18ปีจะเข้าไปในวงการบันเทิงโดยที่ไม่รู้จักใครสักคนในนั้นเลยเป็นอะไรที่ยากอย่างมาก
เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วหากคุณไม่ได้หน้าตาดีหรือมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้วล่ะก็ คุณก็ต้องหวังเพียงแค่พึ่งโชคหรือการฝากฝังเท่านั้นถึงคุณจะได้มีโอกาสก้าวขาเข้าไปในวงการนั้นได้
แต่ว่าวีในตอนนี้เขาแทบจะไม่มีคนรู้จักเลย แม้จะมีความสามารถด้านการแสดง ร้อง และเต้นจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะเขาไม่รู้จะไปแสดงให้ใครดู
และหากจะหวังพึ่งโชคแล้วล่ะก็ หึหึ หากดูจากในชีวิตก่อนหน้าแล้ว… คงจะหวังพึ่งมันยากสักหน่อย
วีลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับบิดขี้เกียจ
“อื้อ ~ เอาล่ะเรื่องนั้นค่อยคิดก็แล้วกันตอนนี้ฉันพึ่งจะ 16 เองรีบไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี”
วีมองดูปฏิทินและพบว่านี่ใกล้จะหมดเดือนมิถุนายนแล้ว เวลาปิดเทอมจะหมดลงในอีกไม่กี่วันเขาถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“ช่วงเวลาแห่งความสุขหมดลงแล้ว… ข้อเสียอย่างเดียวของการย้อนเวลามาก็คงเป็นเรื่องที่ต้องกลับมาเรียนใหม่อีกครั้งนี่แหละนะ”
วีบ่นอุบอิบก่อนเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเช็คดูเสื้อนักเรียนของเขาว่ายังใส่ได้อยู่ไหม เนื่องจากรูปร่างของเขาเปลี่ยนไปค่อยข้างเยอะแถมเขายังตัวสูงขึ้นอีกด้วย
“อืม… เสื้อนักเรียนยังพอใส่ได้ แต่มันดูสั้นๆแหะหรือเพราะฉันตัวสูงขึ้น ?”
“เอาไว้ค่อยไปซื้อตอนเปิดเทอมก็แล้วกัน”
“กางเกงยังใส่ได้อยู่แต่หลวมไปหน่อยค่อยให้แม่แก้เอวให้ก็แล้วกัน แต่เสื้อผ้าปกตินี่สิ”
วีลูบคางเบาๆเสื้อผ้าในตู้ของเขาแลดูจะเก่ามากแล้วไม่ได้เปลี่ยนมากนานแค่ไหนกันแล้วนะ ? ดูเหมือนว่าวีในวัยเด็กไม่ค่อยจะใส่ใจกับเสื้อผ้าการแต่งตัวมากนัก คงเพราะมีให้เลือกไม่เยอะจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ
“เงินในกระเป๋าพอจะมีอยู่บ้างออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่น่าจะดี”
วีปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะแต่งตัวและเดินลงมาที่ชั้นล่างและเห็นพ่อกับแม่ของเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทั้งคู่จึงค่อนข้างจะทำตัวสบายๆ แม่ของวีที่เห็นวีเดินลงมาก็ทักเขาทันที
“จะออกไปไหนหรอลูก ?”
“ว่าจะออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยน่ะแม่ เสื้อในตู้มันเก่าจนแทบจะขาดแล้ว”
“งั้นก็เดินทางดีๆล่ะ”
“ครับผม”