ตอนที่ 6
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันด้วยความสับสนอยู่นั้นวาก็ได้ถามกับแม่ว่า
“แม่คิดว่ามันแปลกไหมคะ ?”
แม่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ถามกลับด้วยความสงสัย
“แปลก ? แล้วมันไม่ดีหรอลูก ?”
วาส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“มันก็ดีนั่นแหละค่ะ แต่ว่าแม่คิดดูสิคะร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยคิดจะออกกำลังกายแต่อยู่ๆพี่ก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบไม่มีสัญญาณอะไรเลย”
“ไหนจะเสียงร้องนั่นอีก ถึงเราจะรู้ว่าพี่วีร้องเพลงเพราะจากการที่เขาชอบร้องเพลงลั่นบ้านตอนอาบน้ำก็เถอะ แต่น้ำเสียงแบบนั้นแม้แต่นักร้องตัวจริงยังอายเลยนะ”
“ไหนจะฝีมือการเล่นเปียโนนั่นอีก”
วากุมหัวตัวเอง
“นี่พี่เขาไปโดนผีนักดนตรีสิงมาหรือไงกันนะ ?”
แม่ของวีที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกับลูบหัวของวาก่อนจะเอ่ยว่า
“ลูกอย่าคิดมากไปเลย ดีสะอีกที่พี่ของลูกเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต่อให้โดนผีสิงก็ตามมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ ?”
วาที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็จริงค่ะ”
ทางผู้เป็นพ่อที่นั่งจิบกาแฟฟังมานานก็ได้พูดออกมาว่า
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หากใครคนนึงคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นเราก็ไม่ควรจะไปกังวลในตัวเขา เราควรจะให้กำลังและคอยช่วยเหลือเขายามเมื่อเขามีปัญหามากกว่า”
เมื่อพูดจบพ่อก็มองวาพร้อมกับยิ้ม วาก็ได้พยักหน้าหงึกๆและจ้องมองไปยังทางห้องของวี ทางด้านของวีที่ได้ยินการสนทนากันของคนด้านล่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
และที่น้องสาวของวีเป็นห่วงนั้นก็พอจะเข้าใจได้เนื่องจากชีวิตในช่วงวัยรุ่นของวีนั้นข้องค่อนจะเหลวไปสักหน่อย กว่าจะมารู้ตัวว่าต้องดูแลตัวเองก็ตอนที่เขาเข้ามหาลัยไปแล้ว
เหตุผลนั่นก็มาจากการที่เขานั้นถูกสาวในมหาลัยที่ชอบปฏิเสธเนื่องจากเขาอ้วนเกินไป แล้วสาวเจ้าก็ไปคบกับนักกีฬาของมหาลัยที่หน้าตาและรูปร่างดีกว่า
ประกอบกับช่วงนั้นสุขภาพของวีเรื่องย่ำแย่เขาจึงหันมาดูแลร่างกายของตัวเองอย่างหนักและได้กลายเป็นนักแสดงไปในที่สุด
…………………………………………………………………….
วีปั่นจักรยานออกมายังยิมที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน มันเป็นยิมขนาดใหญ่ที่มีผู้คนเข้าออกนับร้อยในแต่ละวัน เมื่อเข้ามาเขาก็ถูกพนักงานสาวทักทายอย่างยิ้มแย้มทันที
“สวัสดีค่ะ”
วียิ้มตอบ
“สวัสดีครับพี่สาว พอดีผมว่ามาลุงผาน่ะครับ”
“ลุงผา ?”
พนักงานสาวสงสัย วีจึงตอบกลับไปว่า
“คุณครูภูผาน่ะครับ”
พนักงานสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้องอ๋อออกมาทันทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้างั้นรอเดียวนะจ้ะ”
จากนั้นพนักงานสาวก็หยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีชายวัยกลางคนร่างใหญ่กล้ามเป็นมัดเดินออกมา
“มีคนมาหาฉันงั้นหรอ ?”
เขาถามกับพนักงานสาว พนักงานก็พยักหน้าพร้อมกับมองไปทางวี เมื่อชายวัยกลางคนหันตามมาเห็นวีก็อดไม่ได้ที่จะทำท่าทางแปลกใจพร้อมกับเดินเข้ามาทักทายวีทันที
“ว่าไงวี ลมอะไรหอบมาหาลุงถึงนี่กันล่ะ ?”
วียิ้มทักทายพร้อมกับกล่าวถึงธุระของเขาทันที
“สวัสดีครับลุงผา พอดีว่าผมอยากจะลดน้ำหนักน่ะครับ แล้วก็พอคิดถึงเรื่องลดน้ำหนักชื่อของลุงก็เด้งขึ้นมาผมเลยมาที่นี้น่ะครับ”
เมื่อลุงผาได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาทันที
“เธอมาถูกที่แล้ววี มา ! เดียวลุงจะเทรนเธอเองตามลุงมาเลย”
ลุงผากอดคอวีและพาเขาเดินเข้าไปในยิม ก่อนไปเขาก็หันมาพูดกับพนักงานสาวว่า
“ช่วยทำบัตรสมาชิกพิเศษให้กับหลานชายของฉันใบนึงนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
พนักงานสาวกล่าวก่อนจะมองไปที่สองลุงหลานด้วยความงงงวย ลุงผาพาวีเข้ามาในยิมบรรยากาศของยิมนั้นก็เหมือนกับยิมทั่วๆไปที่มีเหล่าผู้รักสุขภาพและเหล่าผู้รักการเสริมสร้างร่างกายอยู่เต็มไปหมด
ลุงผานั้นคือเพื่อนคนหนึ่งของพ่อและก็ยังเป็นลูกค้าขาประจำที่ร้านอาหารของครอบครัววีอีกด้วย เนื่องจากร้านอาหารของครอบครัววีนั้นอยู่ไม่ไกลจากยิมนักและมักจะเปิดช่วงเวลายิมปิดพอดี ลุงผาเลยแวะกินก่อนกลับบ้านแทบทุกวันจนบางครั้งภรรยาของเขาก็มาบ่นกับแม่ของวีว่าลุงผามักจะไม่ค่อยกลับมากินข้าวที่บ้าน
ลุงผานั้นอดีตเคยเป็นนักมวยมาก่อนแม้จะไม่โด่งดังระดับโลกแต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยในอดีต แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บเขาจึงต้องออกจากเส้นทางนักมวยก่อนวัยอันควร และหันมาเปิดค่ายมวยแทนแต่ก็ไม่รุ่งและเจ๊งไปด้วยประสบการณ์ฝึกนักมวยมากเยอะ ลุงผาจึงหันมาเปิดยิมและกลายเป็นเทรนเนอร์แทน
ลุงผาพาวีมาที่ห้องๆหนึ่งเพื่อตรวจเช็คร่างกายและวางแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้กับวี วีที่เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเพราะไม่คิดว่าลุงผาจะรอบคอบขนาดนี้ ในระหว่างที่กำลังชั่งน้ำหนักและตรวจสภาพร่างกายอยู่นั้นลุงผาก็ถามขึ้นมาว่า
“เอาล่ะเธออยากจะแค่ลดน้ำหนักอย่างเดียว หรือว่าอย่างอื่นด้วยล่ะ ?”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“อืม… ขั้นแรกผมแค่อยากจะลดน้ำหนักก่อนน่ะครับ แต่ถ้าจะให้ดีก็อยากสร้างกล้ามเนื้อด้วย แต่ไม่ต้องถึงขั้นกล้ามเป็นมัดๆแบบลุงนะ”
ลุงผาที่ได้ยินแบบนั้นก็พนักหน้าก่อนจะคิดเล็กน้อยและป้อนข้อมูลของวีลงในคอมฯ จากนั้นเขาก็เริ่มวางแผนการออกกำลังกายของวี จากนั้นเขาก็ตบไหล่วี
“เอาล่ะเธอไม่ต้องห่วง ลุงจะช่วยเธอเอง”