ตอนที่ 5
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงของนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำเอาวีถึงกับสะดุ้งตื่น เขาลุกงัวเงียขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับมองไปนอกหน้าต่าง
“กี่โมงกันล่ะเนี้ย”
วีเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพขึ้นมาดูก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้าแล้ว วีลุกออกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยสภาพโงนเงนเนื่องจากช่วงนี้เขานอนค่อนข้างดึก
เหตุผลนั่นก็เพราะเขาได้ทำงานพิเศษเป็นนักร้องชั่วคราวให้กับร้านอาหารของครอบครัว นั่นทำให้เขากว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนตีหนึ่งแล้ว
โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ทำให้เขาไม่ต้องไปโรงเรียนไม่งั้นเขาคงจะเรียนไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน
วีล้างหน้าแปลงฟันเสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นชุดวอร์มออกกำลังกาย จากนั้นก็เดินมึนๆลงไปด้านล่างเมื่อลงมาก็เห็นว่าแม่กำลังทำอาหารอยู่ครัว วีจึงกล่าวทักทายเล็กน้อย
“หวาดดีตอนเช้าครับแม่ ~”
แม่ของวีที่เห็นวีเดินลงมาด้วยสภาพแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพร้อมกับถามออกมา
“จะออกไปวิ่งด้วยสภาพแบบนั้นจริงเหรอลูก ?”
วีได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับชูนิ้วทำสัญลักษณ์OKออกมา ก่อนจะเดินไปใส่รองเท้าและออกจากบ้านไป
วีหยิบโทรศัพขึ้นมาเสียบหูฟังและเปิดหาเพลงที่กำลังฮิตในช่วงนี้ฟัง จากนั้นก็ออกวิ่งทันที ในระหว่างนั้นวีก็วางแผนการลดน้ำหนักของเขาไปด้วย
‘อืม… ช่วงนี้กำลังปิดเทอมมีเวลาเหลือเฟือที่จะลดน้ำหนัก คงต้องวางแผนให้ดีสักหน่อย’
วีนั้นออกตรงไปยังสวนสาธาราณะประจำหมู่บ้าน เมื่อมาถึงวีก็ทำการยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างในหัวของเขา
‘สภาพร่างกายตอนนี้ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายหนักๆ เอาเป็นตอนเช้าวิ่ง และตอนกลางวันไปที่ยิมชกมวยที่ยิมของลุกผาก็แล้วกัน ต้องควบคุมอาหารด้วย…’
วีถอนหายใจออกมาพร้อมกับคิดเกี่ยวกับตัวเอง ในตอนนี้เขามีน้ำหนักว่าร้อยโล หากจะให้เขากลับไปผอมเพรียวดั่งในชีวิตก่อนคงต้องใช้เวลา
หลังจากอุบอุ่นร่างกายและยืดกล้ามเนื้อเสร็จวีก็ออกวิ่งต่อ และกลับมาที่บ้านตอน 7 โมงครึ่ง เมื่อกลับมาวีก็ขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวทันทีก่อนจะลงมาทานอาหารข้าวเช้า
ในระหว่างทางข้าวพ่อของวีก็มองวีแปลกๆ ทำเอาวีสงสัยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะพ่อ ?”
พ่อของวีจ้องมองวีเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า
“เฮ้อ ~ ก็แกกำลังจะลดน้ำหนักใช่ไหมล่ะ ?”
“อาห่ะ แล้ว ?”
วีพยักหน้าพร้อมถามกลับด้วยความสงสัย พ่อของวีก็ถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเสียดายว่า
“ก็ถ้าหากแกลดน้ำหนักก็ต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย นู้นนี่นั่น แล้วแบบนั้นฉันจะหาคนให้ลองชิมเมนูใหม่ของฉันได้จากที่ไหนกันล่ะ”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักไปทันที ในตอนแรกเขาคิดว่าพ่อจะเป็นห่วงเรื่องที่เขาจะออกกำลังกายหนักไปเสียอีก แล้วไหงกลับเป็นห่วงเรื่องที่จะไม่มีใครชิมเมนูใหม่ของเขากันล่ะ ?
“โถ่พ่อ พ่อก็ให้ยัยวากินสิ !”
วาวาน้องสาวของวีที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองวีพร้อมกับพูดออกมา
“ไม่ต้องมาโยนให้หนูเลยนะ ถ้าหากหนูรับหน้าที่นั้นแทนพี่ล่ะก็หนูคงอ้วนเหมือนพี่แน่ๆ”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมามองน้องสาวของตัวเองทันทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อาหารของพ่อไม่ได้ทำให้อ้วนเสียหน่อย ที่พี่อ้วนก็เพราะเมื่อก่อนกินเยอะไปต่างหาก”
“ยังไงวาก็ไม่ช่วยหรอก”
เมื่อคุณพ่อได้ยินแบบนั้นก็หัวมาพูดกับวาวาทันที
“โถ่วาวา ช่วยพ่อหน่อยไม่ได้เหรอ ?”
“ม่าย ~”
วาวาปฏิเสธทันที เมื่อพ่อได้เห็นท่าทีของวาวาก็ถึงกับแสดงท่าทีห่อเหี่ยวไปในทันที ทันทีที่แม่เห็นก็รีบเข้ามาปลอบพ่ออย่างรวดเร็ว
“อย่าเสียใจไปเลยพ่อ วาลูกก็ช่วยพ่อหน่อยสิ”
เมื่อผู้เป็นแม่ขอร้องวาวาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ก็ได้วาจะช่วยก็ได้ แต่แค่ชิมเท่านั้นนะ วาไม่กินทั้งจานเหมือนพี่วีหรอก”
เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที ทางวีเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาก่อนจะลุกไปเก็บจานและกลับขึ้นไปบนห้อง ก่อนขึ้นไปวีก็ได้เอ่ยขอเบอร์ลุงผากับพ่อ
“ลูกจะเอาเบอร์ลุงผาไปทำอะไรเหรอลูก ?”
วีเกาหัวก่อนจะตอบกลับ
“ผมกะว่าจะไปชกมวยสักหน่อยนะครับ”
เมื่อวีพูดจบคนอื่นๆที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวก็ถึงกับตกตะลึงไปในทันทีและต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย