ตอนที่ 4
เมื่อทั้งห้องได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหันมามองวีเป็นตาเดียวกัน วีเองที่ได้เห็นสายตาสงสัยจ้องมองมาก็ถึงกับยิ้มพร้อมกับถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอครับ ?”
แม่ของวีที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับ
“ก็ไม่หรอกลูก พวกเราแค่ตกใจน่ะ แต่ลูกจะเอาจริงเหรอ ?”
“ครับ ไม่ได้หรอ ?”
“เปล่าหรอก แต่แม่แค่เป็นห่วงน่ะ แม่ก็รู้อยู่หรอกว่าลูกร้องเพลงเพราะแต่การร้องให้พวกเราฟังกับการร้องให้ลูกค้าฟังมันต่างกันนะลูกจะไหวเหรอ ?”
วีพยักหน้าก่อนจะตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
รับมือกับนักข่าวเป็นสิบวีก็เคยทำมาแล้วแค่ร้องเพลงต่อหน้าลูกค้าเองไม่เท่าไหร่หรอก เมื่อแม่ของวีได้เห็นท่าทีมั่นใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมา
“งั้นก็แล้วแต่ลูกแล้วกัน แต่ว่าแม่ติดต่อนักร้องอีกคนไปแล้วเขาน่าจะมาถึงไม่ช้า ถ้าเขามาลูกต้องลงทันทีนะเข้าใจไหม ?”
“ครับผม”
วีไม่เดินออกจากห้องไปก่อนจะดูไปที่เวทีว่ามีเครื่องดนตรีอะไรที่จะให้เขาพอเล่นถ่วงเวลาระหว่างรอนักดนตรีมาถึงร้านได้บ้าง
วีพบว่าแทบจะไม่มีเครื่องดนตรีอะไรเลย ก็แน่ล่ะนักดนตรีส่วนใหญ่พวกเขามักจะมีเครื่องดนตรีส่วนตัวนี่หน่าเพราะนั่นเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพของพวกเขา คงจะไม่มีนักดนตรีคนไหนที่ไปเล่นแล้วขอยืมเครื่องดนตรีทุกครั้งหรอก
โชคยังดีที่ตรงเวทีอีกส่วนหนึ่งมีเปียโนตั้งอยู่ น่าสงสัยจังว่าเป็นของใครเพราะพ่อกับแม่ของวีก็เล่นเปียโนไม่เป็น และคนในร้านเองก็ไม่น่าจะมีใครเล่นเป็น
‘ของใครกันน้า ~’
วีคิดอยู่สักพักก่อนจะเลิกสนใจเพราะยังไงเจ้าเปียโนตัวนี้ก็ได้ช่วยเขาเอาไว้ ตอนแรกวีกลัวว่าจะต้องร้องด้นสดโดยไม่มีดนตรีเสียแล้ว
วีเดินไปทีเวทีเปียโนก่อนจะลองไล่ตัวโน้ตดูเพื่อเช็คเสียง
ติง ติ้ง
ทันทีที่วีลองจิ้มไปที่ตัวโน้ตคนเกือบทั้งร้านก็แทบจะหันมามองวีเป็นตาเดียวกัน วีเกาหัวเบาๆก่อนจะนั่งลงและลองไล่ตัวโน้ตอย่างรวดเร็ว
เหล่าบรรดาลูกค้ารู้สึกแปลกใจที่เห็นมีคนเล่นเปียโน โดยเฉพาะเหล่าลูกค้าขาประจำที่มาในวันนี้เพราะพวกเขาเห็นเปียโนตั้งอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วไม่มีใครเล่นสักคน พวกเขาเลยคิดว่าเอาไว้แค่ตั้งโชว์เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าอยู่มาวันหนึ่งจะมีคนมาเล่นมันจริงๆ
เสียงบรรเลงของวียังคงดังต่อไปอยู่เล็กน้อยก่อนจะหยุดลง
‘อืม ~ พอไหวสนิมเกาะนิดหน่อย’
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือของบรรดาลูกค้าและเหล่าพนักงานดังขึ้นเรียกสติของวี เขาสับสนเล็กน้อยก่อนจะชะโงกหน้าขึ้นมาดูก็พบว่ามีลูกค้ามากมายกำลังปรบมือให้กับเขาอยู่
วีงุนงงเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมา จากนั้นพี่ก้อยพนักงานของร้านก็ได้เดินเข้ามาชมวี
“เก่งนะเนี้ยเรา ดูสิลูกค้าปรบมือใหญ่เลย”
วีเกาหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแห้งๆออกมา ก่อนจะหันไปถามกับพี่ก้อย
“ไมค์ใช้ได้แล้วใช่ไหมครับ ?”
“ได้แล้วน้องวี”
พี่ก้อยยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับยิ้มก่อนจะหันตัวกลับไปทำงานของเธอต่อ วีเคาะไมค์เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“สวัสดีครับ ผมวีจะมาเป็นนักร้องชั่วคราวครู่หนึ่งขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
บรรดาลูกค้าปรบมือ วียิ้มออกมาก่อนจะรวบรวมสมาธิเล็กน้อยพร้อมกับคิดเพลงที่เขาจะเล่น
‘เอาเพลงนี้แล้วกัน’
ติง ติ้ง
เสียงของเปียโนดังขึ้นอย่างนิ่มนวล
what would I do without you smart mouth
Drawing me in, and you kicking me out
You've got my head spinning, no kidding, I can't pin you down
เสียงร้องของวีสะกดทุกคนภายในร้านได้ในทันที ทุกคนต่างดื่มด่ำไปกับเสียงร้องของวี วีลอบดีใจอยู่ภายในที่เสียงของเขายังคงใช้ได้
ในชีวิตก่อนที่วีจะกลายมาเป็นนักแสดงวีนั้นได้เป็นนักร้องมาก่อน แน่นอนว่าไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเท่านักร้องท่านอื่นแต่ก็ยังถือว่ามีหน้าตาอยู่บ้าง แน่นอนเขาต้องฝึกร้องเพลงอย่างหนักเลยทีเดียว
'Cause I give you all of me
And you give you all of me
I give you all of me
And you give me all of you
เสียงร้องของวีจบลงพร้อมกับเสียงบรรเลงของเปียโน ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทันที วียิ้มออกาพร้อมกับกล่าวขอบคุณเหล่าบรรดาลูกค้าที่อยู่ภายในร้าน
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ”