ตอนที่ 3 : ให้ผมช่วยไหม ?
เมื่อออกมาจากครัววีก็เห็นแม่กำลังเก็บจาน และพ่อกำลังถือกล่องลังอะไรบางอย่างออกจากบ้าน วีจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“กล่องนั่นมันอะไรเหรอครับ ?”
“อ๋อ วัตดุดิบของเมนูพิเศษในคืนนี้น่ะ พอดีว่าเพื่อนของพ่อเขาจะมาจัดงานเลี้ยงกันคืนนี้”
พ่อของวีตอบกลับ วีที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้างุนงงออกมา พ่อของเขาที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“นี่ลูกลืมแล้วเหรอ ว่าบ้านเราเปิดร้านอาหารน่ะ ?”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำตาโตทันที เขาจะจำได้แล้วว่าเมื่อก่อนพ่อกับแม่ของเขานั้นทำธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากพ่อของวีเคยเป็นเชฟอาหารตะวันตกของโรงแรมในต่างประเทศมาก่อน หลังจากกลับมาเพราะคุณปู่ป่วย
ส่วนแม่ของวีนั้นก็ได้รับสืบทอดสูตรอาหารเอเชียจากคุณยายมาทำให้แม่นั้นค่อนข้างจะเชี่ยวชาญอาหารเอเชีย วีไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เจอกันได้ยังไงเนื่องจากทั้งคู่ไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้มากนัก หรืออาจเป็นเขาที่ลืมมันไปเอง
แต่ที่แน่นอนเลยก็คือพ่อกับแม่ของวีนั้นมักจะทะเลาะกันเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เนื่องจากทั้งคู่ถนัดอาหารคนละแบบกันเป็นเรื่องปกติที่จะมีทะเลาะกันบ้าง แต่หลังจากทั้งคู่ทะเลาะกันเสร็จก็กลายเป็นว่าคิดเมนูใหม่ๆของร้านออกมาได้เสมอ
เรื่องนี้ทำเอาวีรู้สึกสับสนเล็กๆว่าทั้งคู่ทำมันได้ยังไงกันนะ ?
วีที่เห็นว่ามีกล่องวัตถุดิบอยู่หลายใบจึงรีบเดินไปช่วยยกขึ้นรถ หลังจากนั้นพ่อก็ถามเข้ามาในบ้านว่า
“แม่จะให้พ่อไปก่อนไหม หรือว่าไปพร้อมกัน ?”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดว่า
“แม่ไปพร้อมกับพ่อเถอะครับ เดียวเรื่องจานผมจัดการเอง”
แม่ของวีที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวขอบคุณวีและรีบออกไปกับพ่อเพื่อเปิดร้าน หลังจากทั้งคู่ออกไปวีก็จัดการล้างจานที่อยู่ในครัวก่อนจะขึ้นไปบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดวอร์มและเดินลงมาข้างล่าง ก่อนจะเอ่ยถามกับน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
“เราอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม พี่จะออกไปวิ่งหน่อย”
น้องสาวของวีที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงเด้งตัวขึ้นมาทันที และรีบเดินตรงมาหาเขาและจีบหน้าผากวีทันที
“พี่ป่วยใช่ไหม ? ทำไมจู่ๆถึงอยากออกกำลังกายได้ ?”
วีได้ยินแบบนั้นก็ถามกลับทันที
“พี่จะออกกำลังกายบ้างผิดหรือไง ?”
“เปล่า ก็แค่แปลก”
น้องสาวของวีพูดพร้อมกับเดินกลับไปที่โชฟาและนั่งดูทีวีต่อ ก่อนจะบอกว่า
“ออกไปก็ล็อคประตูด้วยนะพี่”
“จ้าๆ”
วีตอบก่อนจะเดินไปเปลี่ยนรองเท้าและออกจากบ้านไป เขาวิ่งตรงไปที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เหตุผลที่วีมาออกกำลังกายแบบนี้ก็ง่ายมากหากเขาจะกลับไปในเส้นทางของการเป็นนักแสดงอีกครั้งด้วยหุ่นกลมเป็นถังไม้โอ๊คแบบนี้ แค่เดินเข้าไปที่โซนคัดตัวนักแสดงยังไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับบทเป็นตัวประกอบเลย
ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อ วีจำเป็นจะต้องเปลี่ยนหุ่นกลมๆของเขาเสียก่อน วีวิ่งจนถึงช่วงเย็นก่อนจะกลับมาที่บ้านก็พบว่าน้องสาวของเขากำลังจะเข้าครัวทำอาหารเย็น
วีที่เห็นแบบนั้นก็รีบขัดทันทีเลย
“หยุดเลยเรา วันนี้ไปกินข้าวที่ร้านของพ่อกับแม่ดีกว่า”
น้องสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดสักพักก่อนจะพยักหน้า วีจึงบอกว่า
“เดียวพี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เราก็โทรไปพ่อด้วยล่ะ”
“รับทราบ !”
น้องสาวของวีตอบรับอย่างรวดเร็ว วีจึงขึ้นไปบนบ้านเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อลงมาก็เห็นว่าน้องสาวของเขากำลังนั่งรออยู่แล้ว วีต้องหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซต์ออกมา โชคดีที่ร้านของพ่อกับแม่นั้นอยู่ไม่ไกลมากนักไม่งั้นวีคงไม่สามารถขับมอเตอร์ไซไปได้
วีและน้องสาวล็อคประตูบ้านก่อนจะขับรถออกไปที่ร้านอาหารของพ่อกับแม่ เมื่อมาถึงทั้งคู่ก็ตรงไปยังประจำของครอบครัวทันทีที่อยู่ติดริมน้ำ
วีและวาน้องสาวไปนั่งยังโต๊ะประจำของครอบครัวที่อยู่ริมน้ำทันที ก่อนจะมีพนักงานสาวเดินเข้ามาและกล่าวทักทายทั้งคู่อย่างสนิทสนม
“ว่าไงจ้ะวี วา มาทานข้าวงั้นเหรอ ?”
“ใช่ครับ”
วีพยักหน้าตอบรับก่อนจะได้ยินเสียงเถียงกันออกจากห้องด้านหลังเคาน์เตอร์ เนื่องจากอยู่ไกลเกินจึงไม่ได้ยินบทสนทนาแต่วีก็อดไม่ได้ที่จะถามกับพนักงานสาว
“พี่น้อย ข้างในมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอครับ ?”
พี่น้อยก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาว่า
“พอดีว่านักร้องที่จ้างเอาไว้คืนนี้เกิดอุบัติเหตุนะสิก็เลยมาร้องให้ที่ร้านไม่ได้ และจะมาหานักร้องตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะคิดอะไรบางอย่างพลางสั่งอาหารไปด้วย จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับน้องสาวว่า
“เดียวพี่ไปคุยกับพ่อแม่แป๊ปนึงนะ”
“อื้อ”
น้องสาวตอบกลับสั้นๆ วีจึงเดินไปที่ห้องด้านหลังก็พบว่าแม่เขากำลังนั่งคุยโทรศัพเพื่อติดต่อหานักร้องมาร้องให้กับร้านคืนนี้อยู่ เมื่อแม่ของวีเห็นก็ทักเขาทันที
“อ้าววีมาทานข้าวหรือลูก ?”
“ครับ”
วีเดินเข้าไปใกล้ๆแม่ก่อนจะพูดว่า
“เอ่อ… แม่เรื่องนักร้องนั่นน่ะ ให้ผมช่วยไหม ?”