ตอนที่ 29 นับจากนี้ไปนายจะเป็นพี่ชายของฉัน
ตอนที่ 29 นับจากนี้ไปนายจะเป็นพี่ชายของฉัน
เซิ่งอั้นหรานไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิด และพยักหน้าด้วยความยินดี
“คุณหนูเกาจำฉันได้ด้วย”
เกาย่าเหวินตอบอย่างไม่คาดคิด“ลูกสาวเธอชื่ออะไร?”
สายตาเธอหยุดที่เซิ่งเสี่ยวซิง หลังเห็นใบหน้าอมชมพู เปลือกตาเธอก็กระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ทำไมเธอถึงคิดว่าเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนอวี่หนานเฉิงเล็กน้อย?
เป็นไปไม่ได้ เธอร่ำร้องอยู่ในใจ
“หนูชื่อเซิ่งเสี่ยวซิงค่ะ หรือจะเรียกหนูว่าเสี่ยวซิงก็ได้ค่ะ”
เซิ่งเสี่ยวซิงพูดแทรกขึ้นทันควัน และแหงนมองเกาย่าเหวิน
“เซิ่งเสี่ยวซิง?”
พอได้ยินชื่อ เกาย่าเหวินก็กำหมัด นึกถึงกองเอกสารที่เธอเห็นในห้องทำงานของอวี่หนานเฉิงวันนั้น เธอกลายเป็นสงสัยมากขึ้นและถามตรง ๆ
“ทำไมเธอถึงใช้นามสกุลของแม่เธอละ?”
เซิ่งเสี่ยวซิงดูไม่เข้าใจและหันไปมองแม่เธอ
มันเป็นปกติที่เซิ่งอั้นหรานจะพบอะไรผิดปกติจากคำถามก่อนหน้า นี่เป็นประเด็นส่วนตัว ถ้าเธอไม่พบความผิดปกติ เธอคงเป็นคนโง่
ตอนนั้นเอง เธอดึงเซิ่งเสี่ยวซิงไปหลบหลังเธอ และน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เสี่ยวซิงซิงโตที่อเมริกาและเพิ่งกลับจีนค่ะ เธอไม่ค่อยเข้าใจคำถามของคุณหนูเกาหรอกค่ะ แถมนี่ก็เป็นศตวรรษที่ 21 แล้ว เรื่องนามสกุลคนไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจหรอกนะคะ”
เกาย่าเหวินผงะไปสักพัก จากนั้นก็เห็นอวี่จิงซีหลบหลังเซิ่งอั้นราน เธอจึงยิ่งไม่พอใจ น้ำเสียงเธอเปลี่ยนไป
“ฉันก็แค่อยากรู้เฉย ๆ มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะใช้นามสกุลใคร โรงเรียนอย่างหลานเป๋าไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะส่งลูกเข้าเรียนได้ คุณเซิ่งเป็นแค่ผู้จัดการภายในของกลุ่มเซิ่งถัง ถ้าไม่ใช่เพราะสามี ฉันก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคุณจะไปมีปัญหาส่งลูกเรียนที่นี่ได้ไง”
เซิ่งอั้นหรานหน้าเปลี่ยนสี
เธอยอมรับว่าเธอได้ยั่วโมโหเกาย่าเหวิน แต่อีกฝ่ายก็ก้าวร้าวและโจมตีจุดอ่อนเธอในประโยคเดียว ถ้าเป็นตัวเธอเอง เธอไม่มีปัญญาจะส่งเสี่ยวซิงซิงมาที่นี่จริง และเธอก็ยืนอึ้งไปสักพัก
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัว” เสียงของอวี่หนานเฉิงเข้ามาทำลายบรรยากาศ ช่วยปกป้องเซิ่งอั้นหราน เขาเหลือบมองเกาย่าเหวินด้วยความไม่พอใจ“ฉันต้องรายงานเธอทุกโรงเรียนที่คนอื่นเข้าหรือไง? ช่วงนี้เธอเข้ามายุ่งหลายเรื่องแล้วนะ”
เกาย่าเหวินหน้าซีดหลังได้ยิน
อวี่หนานเฉิงพูดเพื่อผู้หญิงคนนี้ และไม่ไว้หน้าเธอเลยในที่สาธารณะ
“หนานเฉิง ฉันแค่ทำไปเพื่อจิงซีนะ ฉันกลัวว่าโรงเรียนจะมีหลายชนชั้น ฉันจึงถามให้ชัด”
“ไม่จำเป็น”
อวี่หนานเฉิงหยุดมองเธอ ด้วยท่าทางรำคาญ“เธอกลับไปรถก่อน ฉันจะไปส่งจิงซี”
ผู้ปกครองของเด็กถึงเข้าไปได้ และยามก็จะไม่ปล่อยให้เกาย่าเหวินเข้าไป นี่คือกฎของหลานเป๋า
“หนานเฉิง”
เกาย่าเหวินยืนนอกประตู กระทืบเท้าขณะมองอวี่หนานเฉิงกับเซิ่งอั้นหรานเข้าไปข้างในด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
เซิ่งเสี่ยวซิงกับอวี่จิงซีเดินนำหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง เด็กสาวมองเหลียวหลัง เห็นเกาย่าเหวินยืนเต้นแร้งเต้นกาอยู่ด้านนอกประตูเหล็ก เธอหดหัวและกระซิบ
“พี่ชายจิงซี พี่ชอบป้าคนนี้จริงเหรอ? ฉันคิดว่าเธอดูน่ากลัวนะ” นับตั้งแต่เธอได้ยินจากปู่ว่าอวี่หนานเฉิงจะแต่งงานกับเกาย่าเหวิน เธอก็ได้ตรวจสอบข้อมูลของเกาย่าเหวินบนเครือข่าย รูปถ่ายบนนั้นถูกถ่ายอย่างดีให้เธอดูเหมือนเทพธิดาลงมาจุติบนโลก แต่พอได้เห็นตัวจริงเข้า เซิ่งเสี่ยวซิงก็ลอบเบะปากในใจ
การแต่งตัวก็ดี แต่ถ้ามองหน้ากับท่าทางการพูด ไม่มีทางที่เธอจะเทียบแม่ของเธอได้ ลุงอวี่คนนี้มีตาหามีแววไม่
อวี่จิงซีพลันกลายเป็นตื่นเต้นและส่ายหัวไปมา
“พี่ชายไม่ชอบเธอ?” เซิ่งเสี่ยวซิงดูตกตะลึง“งั้นพี่ชายยังอยากได้เธอเป็นแม่เลี้ยงอีกงั้นเหรอ?”
อวี่จิงซีส่ายหัวแรงกว่าเดิม
“พี่ชายหมายความว่า พี่ชายไม่อยากได้เธอเป็นแม่เลี้ยง?” ดวงตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเป็นประกาย
อวี่จิงซีพยักหน้า
“นั่น...” ดวงตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเบิกกว้าง“แล้วพี่ชายคิดยังไงกับแม่ฉัน? คิดว่าอยากให้แม่ฉันเป็นแม่เลี้ยงพี่ชายกว่าไหม? แม่ฉันกับฉันทำอาหารอร่อยมากเลยนะขอบอก”
อวี่จิงซีพยักหน้าถี่ยิบ
พอเห็น เซิ่งเสี่ยวซิงก็แทบกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเธอก็คว้ามืออวี่จิงซี กะพริบตาปริบ ๆ
“งั้นพี่ชายก็จะเป็นพี่ชายที่แท้จริงของฉันนับจากนี้ไป ไม่ต้องห่วง ถ้าฉันได้กินเนื้อ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้พี่ชายซดน้ำซุป”
อวี่จิงซีพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัว และลดหัวลงเพื่อแสดงบางสิ่งบนกระดาน
เซิ่งเสี่ยวซิงไม่รู้ตัวอักษรมาก และขมวดคิ้ว“พี่ชายจิงซี พี่เขียนอะไรนะ?”
เมื่อเห็นอย่างนี้ อวี่จิงซีก็หมุนตัว ยื่นกระดานวาดรูปให้อวี่หนานเฉิง ชี้กระดานวาดและจากนั้นก็ชี้เซิ่งเสี่ยวซิง ซึ่งหมายความว่าเขาควรอ่านออกเสียง
หลังอวี่หนานเฉิงเห็น เขาก็มองอวี่จิงซีแปลก ๆ และเห็นว่าจิงซีกำลังจับชายเสื้อเขา ดูเหมือนจะกังวลมาก เขาจึงขมวดคิ้วและลังเล
“ครอบครัวของฉันรวยมาก เราสามารถกินเนื้อด้วยกันได้? จิงซี ลูกเขียนอะไร?”
อวี่จิงซีมองเขาอย่างเย็นชา คว้ากระดานวาดรูปและหยุดคุยกับเขา เดินไปข้างเซิ่งเสี่ยวซิง และกะพริบตาให้เธอ
เซิ่งเสี่ยวซิงยิ้มและพยักหน้าให้อวี่จิงซีอย่างเริงร่า
“ใช่แล้ว ใช่ ฮี่ๆๆ”
พฤติกรรมแปลก ๆ ของเจ้าตัวน้อยทั้งสองตกอยู่ในสายตาอวี่หนานเฉิง และทั้งคู่ก็ยิ่งเข้าใจได้ยากขึ้น แต่ในความคิดเขา พฤติกรรมของเด็กเข้าใจได้ยากอยู่แล้ว
เซิ่งอั้นหรานกังวลตลอดทาง หลังลังเลสักพัก เธอก็พูด“ประธานอวี่ ขอบคุณที่ช่วยจัดการเรื่องเรียนให้เสี่ยวซิงซิงนะคะ”
อวี่หนานเฉิงมองตรงไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขาดูสบาย ๆ
“เธอไม่ต้องคิดมาก จิงซีกับเสี่ยวซิงซิงเข้ากันได้ดีมาก และเสี่ยวซิงซิงก็คือเพื่อนคนแรกของจิงซี จากมุมมองของคนเป็นพ่อ ฉันทำเพื่อจิงซี”
พอได้ยิน เซิ่งอั้นหรานก็พูดไม่ออก
กล้าใช้เงินมากขนาดนี้แค่เพื่อให้เสี่ยวซิงซิงมาเรียนเป็นเพื่อนกับจิงซี นี่มันจะรวยเกินไปแล้ว!
ถ้ามันไม่ใช่เพราะหมอจู้ชุนฟาง เธอคงไม่มีวันยอมตกลงมาเรียนที่นี่
ตอนนี้ เธอทำได้แค่ทน ทนไว้ให้สุดความสามารถ
เซิ่งอั้นหรานเดินตามหลังเขา กำหมัดคู่น้อยด้วยความโกรธ
“เสียงอะไรนะ?” อวี่หนานเฉิงพลันหันไปมองเธอ
เธอรีบคลายมือและฉีกยิ้ม
“เสียงอะไรคะ? ฉันไม่ได้ยินเลย”
ดวงตาของอวี่หนานเฉิงหรี่ลง
“จริงเหรอ? สงสัยฉันหูฝาด”
ขั้นตอนการลงทะเบียนเสร็จแล้ว และเด็กทั้งสองก็ถูกผู้ช่วยพาไปเข้าชั้นเรียน
ครั้งนี้เซิ่งอั้นหรานเดินข้างเขาไปเยี่ยมชมโรงเรียน อวี่หนานเฉิงมีจุดหมายเดียวกับเธอ ข้อแตกต่างเดียวคือเซิ่งอั้นหรานไม่มีเวลามากและต้องกลับไปทำงานก่อนเก้าโมง เธอจึงรีบเดิน
พอเดินไปถึงสนามเด็กเล่น เธอก็มองผ่าน ๆ ก่อนกำลังจะกลับ ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินคำถามด้านหลังเธอ และเธอก็หยุดชะงักเท้า
“ที่นี่ไม่มีมาตรการความปลอดภัยสำหรับชิงช้า”
อวี่หนานเฉิงเหลือบมองผู้ช่วยที่เดินตามหลังเขา น้ำเสียงของเขาไม่พอใจเล็กน้อย
“แน่ใจนะว่านี่ปลอดภัย?”