ตอนที่ 2 : วางแผนชีวิต
หลังจากทำใจอยู่พักใหญ่วีก็ถอนหายใจออกมา
“เอาเถอะ ถึงยังไงก็เป็นไปแล้ว คงต้องยอมรับสภาพนี้ไปแล้วกัน”
วีลุกขึ้นไปถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำแต่งตัว ดูเหมือนตอนนี้จะใกล้เที่ยงแล้วนี่่เขานอนเกือบทั้งวันเลยงั้นเหรอ ? ตอนเด็กๆฉันขี้เกียจขนาดนั้นเชียว ? วีคิดในระหว่างที่อาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ วีก็ลงมาทานข้าวซึ่งพ่อกับแม่และน้องของเขากำลังนั่งทานกันอยู่ เมื่อเห็นวีลงมาแม่ก็เรียกเขามานั่งทันที
“มาทานข้าวเร็วลูก”
“ครับแม่”
วีพยักหน้า เมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะพ่อของวีก็พูดขึ้นมาทันที
“พ่อรู้นะว่าลูกพึ่งจะปิดเทอมแต่ก็อย่านอนเยอะเกินไปล่ะ ออกไปเที่ยวเล่นสะบ้าง”
วีได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่พ่อของเขายุให้เขาออกไปเล่นข้างนอก เพราะปกติพ่อของวีมักจะชอบให้วีอ่านหนังสือมากกว่า แต่ก็พอจะเข้าใจได้ ช่วงนี้ปิดเทอมนี่นะ เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆจะมีเวลาเป็นของตัวเอง การไปบังคับเด็กๆให้อ่านหนังสือตลอดทั้งปีคงเป็นอะไรที่โหดร้ายเกินไปสักหน่อย
วีกินข้าวไปพร้อมกับคิดอะไรไปด้วย เนื่องจากตอนนี้เขาได้มีโอกาสในการใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งและตัวของวีเองก็มีหลายอย่างเลยที่เคยตัดสินใจพลาดไปและอยากจะแก้ไขมัน
ตัวอย่างเช่นการเซ็นสัญญาเป็นดาราในสังกัดของบริษัทหน้าเลือดนั่น มันทำให้เขาต้องทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน และไหนการตกลงยอมรับให้ยัยบ้านั่นมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาอีก และยังมีอีกมากมายที่วีตัดสินใจพลาดไปหลายครั้ง และต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
วีจึงคิดว่าโอกาสครั้งนี้เขาอยากจะวางแผนให้มันดีเสียหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง วีคิดพร้อมกับเคาะจานไปมา
‘ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดีนะ เรื่องเลือกคณะที่เรียนก่อนดีไหม ? ในชีวิตที่แล้วฉันดันไปเรียนด้านบริหารเสียนี่ พอจบมาก็ดันไปเป็นนักแสดงกลายเป็นว่าความรู้เรื่องบริหารไม่ได้เอาไปใช้เลย’
แกร้ง แกร้ง
เสียงเคาะจานของวีทำเอาทุกคนถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียวกัน แต่เนื่องจากวีกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองทำให้เขาไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆเลย จนกระทั้งพ่อของวีได้ทักขึ้นมา
“อย่าเคาะจานแบบนั้นวี”
“อ๊ะ ! ขอโทษครับ”
วีได้สติพร้อมกับกล่าวขอโทษทันที เมื่อพ่อของวีเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม
“กำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ ?”
วีได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับ
“อืม… กำลังคิดถึงเรื่องอนาคตนะครับ”
“อนาคตงั้นเหรอ ?”
พ่อของวีพูดออกมาพร้อมกับจ้องมองวีผู้เป็นลูกชายของตัวเองอย่างจริงจัง วีที่เห็นแบบนั้นก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“ทำไมพ่อมองผมแบบนั้นหล่ะ ?”
พ่อกับแม่ของวีมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่พ่อของวีจะแสดงสีหน้าซาบซึ้งออกมา
“ดูสิแม่ ตอนนี้ลูกของเราเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองแล้ว ลูกของเราโตแล้วจริงๆ”
แม่ของวีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบโต้กับพ่อ
“นั่นสิพ่อ ลูกของเราโตแล้วจริงๆ”
วีที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับตกตะลึงฉากตรงหน้านี่มันอะไรกัน ? ทำไมพ่อกับแม่ต้องซาบซึ้งขนาดนั้นแค่ฉันคิดเรื่องอนาคตของตัวเองเท่านั้นเองนะ
นี้ตอนเด็กฉันกลายเป็นคนไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ? วีเริ่มรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เพราะความทรงจำในช่วงวัยรุ่นของเขานั้นค่อนข้างจะเลือนลางนิดหน่อย ฉะนั้นเขาจึงจำไม่ค่อยได้เลยว่าในตอนนั้นนิสัยของเขาเป็นยังไง
จำเพียงแค่ว่าเขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างซนเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้พ่อกับแม่ของเขาซาบซึ้งได้ขนาดนี้นี่หน่า ?
วีลูบคางพร้อมกับมองพ่อกับแม่ของตัวเองกำลังแสดงท่าทีราวกับว่าได้ถ้วยรางวัลงั้นแหละ จนทำเอาเขารู้สึกประหลาดใจ และเมื่อหันมามองที่น้องสาวของตัวเองก็พบว่า น้องของเขานั้นกำลังนั่งดูโทรศัพโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย
วีที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“กำลังดูอะไรอยู่ ?”
น้องสาวของวีก็พูดขึ้นโดยไม่หันมามองว่า
“จี้ฟางหยุนน่ะ”
“จี้ฟางหยุน ?”
“นักแสดงซีรี่ย์ สมุดพกของยมฑูต ที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อย จี้ฟางหยุน… จี้ฟางหยุน อืม… วีคิดเล็กน้อยเพราะเหมือนเคยได้ยินชื่อที่นี้ไหน
‘อ๊ะ ! จำได้แล้ว จี้ฟางหยุนดาราหน้าใหม่ของจีนในช่วงปี 2015 โด่งดังมากจากการเล่นทีวีซีรี่ย์แต่ไม่นานนักเขาก็ต้องมีข่าวฉาวเรื่องในอดีตจากนั้นอนาคตในวงการของจี้ฟางหยุนก็ดับลง เขาถอนตัวออกจากวงการอย่าเงียบๆในไม่กี่เดือนต่อมา’
‘อา ~ ช่างน่าเศร้า’
วีพูดกับตัวเองเมื่อเห็นดวงดาวที่กำลังเจิดจรัสกำลังจะดับแสงในไม่ช้า บางครั้งการรู้อนาคตก็เป็นสิ่งที่ลำบากใจเหมือนกัน
วีถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกจากโต๊ะ
“อิ่มแล้วครับ”
เขาถือจานเข้าไปในครัวและจัดการล้างมัน ในระหว่างนั้นเองเขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ