WS บทที่ 183 จู่โจมแบบฉับพลัน
อากาศในห้องสลัวมีกลิ่นอับชื้น มีเก้าอี้ไม้สูงวางอยู่ บนเก้าอี้มีชายชราผมสีม่วงนั่งอยู่
*เอี๊ยด*
ประตูห้องถูกผลักเปิดออกและนักเวทย์หนุ่มเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
"ท่านอาจารย์!"
ชายชราผมสีม่วงยืดตัวขึ้นทันทีและหรี่ตาเล็กน้อย “โคลตัน เจ้ารู้หรือยังว่าใครเป็นคนปรุงน้ำยาด่างดิน”
นักเวทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองชายชราผมสีม่วงและตอบด้วยเสียงต่ำว่า “ท่านอาจารย์ เป็นไปตามที่ท่านอาจารย์คาดการณ์ไว้ น้ำยาด่างดินไม่ได้ถูกปรุงโดยพ่อมดวลาดีแต่ปรุงโดยคนอื่น!”
"ใคร?"
“ข้าได้ถามไปเพื่อความแน่ใจแล้ว เขาเป็นนักเวทย์ที่เพิ่งมาถึงเมืองโฟลตติ้ง เขายังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งและชื่อของเขาคือเมอร์ลิน!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของชายชราผมสีม่วง เขาพูดเบา ๆ ว่า “ยังไม่ใช่นักเวทย์ระดับหนึ่งดังนั้นเขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม เขาสามารถปรุงน้ำยาด่างดินได้เร็วกว่าพ่อมดวลาดี ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเชี่ยวชาญในศาสตร์ปรุงยา”
หลังจากหยุดชั่วครู่ ดวงตาของชายชราผมสีม่วงก็ฉายแววดุร้าย และเขาพูดอย่างเย็นชากับนักเวทย์หนุ่มว่า “โคลตันนำ 'สัตว์เลี้ยง' ของเจ้าและจับเมอร์ลินมา จงจำไว้ว่าข้าต้องการเขาแบบเป็น ๆ!”
หัวใจของนักเวทย์หนุ่มสั่นและเขาก็ขอตัวออกไปด้วยความเคารพ ข้างหลังเขามีโฮมุนครุสที่ทรงพลังซึ่งสวมหน้ากากเดินตามเขาไป
“ฮี่ฮี่ นักปรุงยาลึกลับ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…”
ชายชราผมสีม่วงพึมพำด้วยเสียงต่ำในขณะที่แสงแห่งความคาดหวังจาง ๆ ส่องประกายในดวงตาของเขา
…
ที่อาคารสเตอร์ลิ่ง หญิงสาวทรงเสน่ห์คนเดิมก่อนหน้านี้ ได้นำทางเมอร์ลินไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งเป้นที่วางขายวัสดุปรุงยาจำนวนมาก ก่อนหน้านี้เมอร์ลินได้ค้นพบวัตถุดิบสำหรับน้ำยามนตราอสูรและน้ำยาบลูเบอร์รี่ เขารู้ว่าที่แห่งนี้มีขายแต่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเพราะมันแพงเกินไป
การซื้อวัสดุปรุงยาน้ำยามนตราอสูรจะต้องใช้หินธาตุจำนวนมาก ราวๆ 1,500ก้อน ในขณะที่น้ำยาบลูเบอร์รี่มีราคาถูกกว่าแต่ก็ยังต้องใช้หินธาตุถึง 1,200ก้อน
เมอร์ลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปัจจุบันเขามีหินธาตุประมาณสามหมื่นก้อน แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นจำนวนมหาศาล แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเขาใช้มันทั้งหมดไปกับวัตถุดิบสำหรับน้ำยามนตราอสูรและน้ำยาบลูเบอร์รี่ เขาจะซื้อได้ไม่มากเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ อัตราความสำเร็จของเขาในการเตรียมน้ำยามนตาอสูรนั้นต่ำมาก ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ด้วยสิ่งนี้ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก
เมอร์ลินพิจารณาเรื่องนี้อยู่นาน และในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อวัสดุปรุงยาน้ำยามนตราอสูร จำนวน 12 ชุด และวัสดุปรุงยาน้ำยาบลูเบอร์รี่ จำนวน 9 ชุด เขาใช้หินธาตุไป 28,800ก้อน
หลังจากที่เขาซื้อวัสดุปรุงยาแล้ว หญิงสาวทรงเสน่ห์ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะที่เธออำลาเมอร์ลินด้วยความเคารพ
แม้ว่าเขาใช้หินธาตุไปเกือบสามหมื่นก้อนแต่เมอร์ลินก็สงบ เขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น ด้วยวัสดุปรุงยาเหล่านี้ เขาคาดหวังว่าพลังจิตของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเขาปรุงยาสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็คิดจะสร้างคาถาระดับหนึ่ง เขตแดนแสงดำและน้ำค้างเยือกแข็ง
เมอร์ลินเก็บวัสดุปรุงยาไว้ในแหวนของเขา รัดเสื้อคลุมสีดำรอบเอวของเขาให้แน่นและเดินตามเส้นทางเดิมกลับไปยังบ้านของพ่อมดเบอร์ตัน
ถนนในเมืองลอยน้ำคึกคักไปด้วยผู้คน เมื่อเร็ว ๆ นี้มีจำนวนนักเวทย์ที่ไม่คุ้นหน้าเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันแต่เมอร์ลินกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมยาในบ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกต
บ้านพักของพ่อมดเบอร์ตันเงียบสงบ เมอร์ลินได้เดินเข้าไปตามตรอกและกำลังจะถึงบ้านของพ่อมดเบอร์ตัน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเห็นนักเวทย์หนุ่มอยู่ข้างหน้าเขา ที่ด้านหลังมีโฮมุนครุสทรงพลังขนาดใหญ่สวมหน้ากาก
เมอร์ลินตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่เปลี่ยว โดยปกติแล้วเมอร์ลินจะไม่พบนักเวทย์แถวนี้แต่ตอนนี้มีนักเล่นแร่แปรธาตุอยู่ตรงหน้าเขา เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม นักเล่นแร่แปรธาตุดูเหมือนจะสังเกตเห็นความรอบคอบของเมอร์ลิน แม้ว่าดวงตาของเขาจะเยือกเย็นแต่ฝีเท้าของเขาก้าวขึ้นมารวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด
เมอร์ลินขมวดคิ้วอย่างสงสัย ในระหว่างนั้นเอง นักเวทย์หนุ่มก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่เมอร์ลิน
*หวู่ม!*
โฮมุนครุสที่อยู่เบื้องหลังนักเวทย์หนุ่มนั้นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่ดุร้าย เกราะเกล็ดอันน่าทึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกายราวกับเปลือกไม้เก่าแก่และพุ่งเข้าหาเมอร์ลินอย่างดุเดือด
"ไม่นะ รูปปั้นผู้พิทักษ์!"
ในขณะนั้นเอง เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงอันตรายและร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์ออกมาทันที กำแพงหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที
*ตูม!*
โฮมุนครุสพุ่งชนเข้ากับรูปปั้นผู้พิทักษ์อย่างหนัก โครงสร้างทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในทันที แรงกระแทกที่รุนแรงนั้นทำให้เมอร์ลินถอนห่างจากกำแพงหนา
*ครืน!*
แม้ว่ากำแพงจะหนาและแข็งแต่ก็มีรูขนาดใหญ่ขึ้น โฮมุนครุสที่แข็งแกร่งดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลย มันกำหมัดแน่นและสสารสีเงินที่ส่องประกายตลอดเวลาราวกับระลอกคลื่นบนผิวน้ำ เมื่อสังเกตเห็นว่ากำแพงกั้นไว้ มันก็เริ่มชกต่อยรูปปั้นหินอย่างเมามัน
*ตูม ตูม ตูม!*
ด้วยการชกไม่ถึงสิบครั้ง รูปปั้นผู้พิทักษ์ของเมอร์ลินก็ไม่สามารถต้านทานแรงอันมหาศาลได้ มันได้พังทลายลงไป โชคดีที่เขาเสกคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์ได้ทันท่วงที ไม่อย่างนั้นเขาคงเสร็จมันไปแล้ว
“ช่างเป็นโฮมุนครุสที่น่าประทับใจเสียจริง!”
หัวใจของเมอร์ลินเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก โฮมุนครุสตัวนี้แข็งแกร่งกว่าโฮมุนครุสของพ่อมดเบอร์ตันมาก แม้ว่านักเวทย์หนุ่มจะเป็นเพียงนักเวทย์ระดับหนึ่งแต่เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่เหนือกว่าของพ่อมดเบอร์ตัน
ในขณะที่รูปปั้นผู้พิทักษ์กำลังพังทลาย ความเร็วของโฮมุนครุสได้เพิ่มขึ้นและสสารเงินในมือของมันคือเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยม มันคงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับโฮมุนครุสตัวนี้
“ฮึ่ม!! แช่แข็ง แช่แข็ง แช่แข็ง ธารน้ำแข็ง!!!!”
แววตาแข็งกระด้างแวบวาบในดวงตาของเมอร์ลิน เขาไม่พอใจที่เขาถูกโฮมุนครุนไล่ต้อนให้เขาจนมุม ดังนั้นเขาจึงร่ายแช่แข็งมากกว่าสิบครั้งและร่ายธารน้ำแข็งไปในระหว่างนั้นด้วย ทันในนั้นเองสาย ลมหนาวก็โอบอ้อมและห่อหุ้มโฮมุนครุสเอาไว้
แม้ว่าสัตว์เล่นแร่แปรธาตุนี้จะมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม แต่การเคลื่อนไหวของมันก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ข่ายสายฟ้า!”
หลังจากนั้นเมอร์ลินก็ร่ายข่ายสายฟ้าแล้วก้าวถอยหลังไปไกลกว่าเดิม เขาหลบหนีจากเงื้อมมือของโฮมุนครุส
ภายใต้อำนาจของคาถาแช่แข็งกับข่ายสายฟ้าทำให้โฮมุนครุสถูกจำกัดการเคลื่อนไหวไปโดยปริยาย
เนื่องจากการฆ่าโฮมุนครุสนั้นเป็นไปไม่ได้เลยในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเมอร์ลินจึงคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เพลิงพิโรธกับมัน
วิธีที่จะจัดการโฮมุนครุสที่เร็วที่สุดนั่นก็คือจัดการกับเจ้ของของมันโดยตรง
ไม่ว่าโฮมุนครุสจะแข็งแกร่งเพียงใด มันต้องการการควบคุมของนักเล่นแร่แปรธาตุ เมื่อนักเล่นแร่แปรธาตุตาย สัตว์เล่นแร่แปรธาตุจะไม่เป็นอันตรายอีกต่อไป
“เพลิงพิโรธ!”
เมอร์ลินชี้นิ้วและกระแสไฟขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นในทันที พุ่งตรงออกมาราวกับมังกร มันพุ่งไปที่นักเวทย์ที่ควบคุมโฮมุนครุส
จากนั้น ความผันผวนของธาตุลมที่รุนแรงก็เพิ่มขึ้นรอบ ๆ เมอร์ลินและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้น เขาพุ่งเข้าหานักเวทย์หนุ่ม
“นักเวทย์ห้าธาตุ?”
สีหน้าของนักเวทย์หนุ่มเปลี่ยนไป เมอร์ลินได้ร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์, แช่แข็ง, ข่ายสายฟ้า, เพลิงพิโรธและลมพายุอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เป็นคาถาห้าธาตุและสองคาถานั้นเป็นคาถาระดับหนึ่งด้วย
ไม่เพียงแต่คาถาห้าธาตุเหล่านั้นยังยับยั้งโฮมุนครุสได้แต่มันยังทรงพลังอีกด้วย
ถ้าใครมีเวทมนตร์หลายแบบ คน ๆ นั้นจะมีตัวเลือกมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ มิฉะนั้น หากเป็นนักเวทย์สามธาตุตามปกติ พวกเขาจะถูกโฮมุนครุสจับได้ทันทีและการเข้าสู่การต่อสู้ทางกายภาพกับโฮมุนครุสก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
เปลวไฟที่แผดเผาพุ่งเข้าหาเขา นักเวทย์หนุ่ม แม้ว่าเขาจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแต่เขาก็ยังเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงร่ายคาถาป้องกันในทันทีซึ่งสามารถระงับการโจมตีของเพลิงพิโรธได้และถอยหนีอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีคาถาเพิ่มความเร็ว ดังนั้น เมอร์ลิน หลังจากร่ายลมพายุ สองสามครั้งติดต่อกัน ให้ร่ายลมพายุแบบเสริมพลัง ความเร็วของเขาพุ่งกระฉูดและทันทีและเขาก็อยู่เบื้องหน้านักเวทย์หนุ่ม
“หมอกรัตติกาล!”
นักเวทย์หนุ่มคนนี้ไม่มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเพียงหมอกรัตติกาลแบบธรรมดาก็สามารถทำให้เขาตกสู่ภาพลวงตาได้ แล้วอีกอย่างความแข็งแกร่งของนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโฮมุนครุส เมื่อมันถูกกักขัง พวกเขาตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง
“อะไรกัน นักเวทย์หกธาตุ เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินร่ายหมอกรัตติกาล สีหน้าของนักเวทย์หนุ่มก็เผยให้เห็นถึงความตกใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาอยู่ในเมืองโฟลตติ้งมานานแล้วแต่เขาไม่เคยพบหรือแม้แต่ได้ยินว่าโลกแห่งนักเวทย์จะมีนักเวทย์หกธาตุด้วย
"ตายซะ!"
ดวงตาของเมอร์ลินประกายเย็นชาออกมา ในไม่ช้าเพลิงพิโรธได้กลืนนักเล่นแร่แปรธาตุที่ยังติดค้างอยู่ในหมอกรัตติกาล...