ตอนที่ 27 เด็กสาวคนนี้ครองใจฉัน
ตอนที่ 27 เด็กสาวคนนี้ครองใจฉัน
“เซิ่งเสี่ยวซิงเป็นใคร?”
เกาย่าเหวินพูดโพล่งออกมา
อวี่หนานเฉิงเหลือบมองเธอ“ลูกสาวของพนักงานโรงแรม”
“ทำไมนายถึงดูบันทึกการรักษาของลูกสาวพนักงาน? พนักงานคนไหน?”
พอได้ยินคำพูด อวี่หนานเฉิงก็ปิดเอกสารในมือ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะไม่พอใจ เขาถาม“ฉันต้องบอกเธอทุกอย่างเกี่ยวกับฉันเลยหรือไง?”
เกาย่าเหวินสะดุ้ง“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่ถามเฉย ๆ”
“เธอถามมากไป” อวี่หนานเฉิงหมดความอดทน“ฉันมีเรื่องต้องทำ ฉันมีนัดกินข้าวเย็นกับปู่ฉัน พอได้เวลาก็ตามไปละกัน ฉันจะไปก่อน”
นี่เป็นการเอ่ยปากไล่
เกาย่าเหวินเสียใจที่เธอถามมากไปโดยไม่ยั้งคิด เพื่อไม่ให้เขาอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เธอจึงหาข้ออ้างและเดินออกห้องทำงานไป แต่ก่อนไป เธอได้ทวนชื่อ’ เซิ่งเสี่ยวซิง’ ไว้ในหัวใจเธออีกครั้ง
...
“หนานเฉิงเป็นฝ่ายจัดหาโรงเรียนอนุบาลให้เธอ?”
ในห้องนั่งเล่นบ้านเก่าตระกูลอวี่ ชายชรากำลังถือโทรศัพท์ คุยอย่างเริงร่า“ปู่เพิ่งเริมช่วยแม่ของหนูเร็ว ๆ นี้เอง ดูเหมือนมันจะได้ผลนะ”
เสียงอีกปลายสายฟังดูเด็กมาก“ขอบคุณค่ะคุณปู่ ปู่บอกหนูถึงการเคลื่อนไหวของลุงอวี่ ไม่งั้น หนูจะพาแม่ไปเจอกับลุงอวี่ที่ร้านอาหารได้ไง?”
“นี่ก็เป็นเพราะแม่ของหนูเก่งด้วย มีผู้หญิงไม่มากที่สามารถดูแลลูกชายของหนานเฉิงได้”
“งั้นคุณปู่ก็จะบอกว่าแม่หนูมีหวังงั้นสิ!”
“ไม่ใช่แค่มีหวัง มันเป็นไปได้เลยต่างหาก”
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข พ่อบ้านด้านนอกประตูเดินเข้ามาและเตือน“ท่านครับ คุณชายกับคุณหนูเกามาแล้วครับ”
ชายชราพูดอย่างเริงร่า“เอาล่ะ หนานเฉิงกลับมาแล้ว ฉันจะใช้โอกาสนี้ถามว่าเขาคิดยังไง ไว้โทรมาหาปู่ใหม่นะเสี่ยวซิงซิง”
“ค่ะ บายค่ะคุณปู่”
เสียงร่าเริงของอีกปลายสายได้คลายคิ้วของชายชราไปมาก และรอยยิ้มก็คงอยู่บนหน้าเขาเป็นเวลานานหลังเขาวางสาย
“เสี่ยวซิงซิง เด็กสาวคนนี้ครองใจฉัน ถ้าแม่เธอพาเธอมาบ้านเราในอนาคต บ้านเราจะต้องมีชีวิตชีวามากแน่ และจิงซีก็จะมีเพื่อน”
“ท่านครับ ท่านไม่กลัวว่าคนมีลูกแล้วจะไม่สนใจลูกของคนอื่นงั้นเหรอครับ?”
“นายไม่เห็นที่ร้านอาหารวันนั้นหรือไง? เสี่ยวซิงซิงเล่นกับจิงซีได้อย่างดี และแม่ของเธอก็ชอบจิงซีเช่นกัน”
พอพูดถึงสิ่งที่เกิดร้านอาหารญี่ปุ่นวันนั้น สีหน้าของพ่อบ้านก็คลายลงเล็กน้อย
อวี่หนานเฉิงกลับมาพร้อมเกาย่าเหวิน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เนื่องจากชายชราเร่งเขาให้แต่งงานห้าปีก่อน เขาก็นำโล่เช่นนั้นเข้าออกบ้านสกุลอวี่ ตอนแรก ชายชราคิดว่าทั้งสองมีอะไรกัน แต่หลังผ่านไปนาน เขาก็มองว่ามันเป็นแค่ฉากบังหน้า
“ทำไมจิงซีไม่กลับมาด้วย?”
ที่โต๊ะอาหาร ชายชราถามถึงอวี่จิงซี
พอคิดถึงอวี่จิงซีที่บ้าน อวี่หนานเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย’ พักนี้เขาอารมณ์ไม่ดี ผมถึงไม่พาเขามาด้วย”
“แกเป็นคนเดียวที่สามารถกันฉันได้”
ชายชราเหลือบมองเขา พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ถ้าแกไม่หาแม่ให้จิงซีโดยเร็ว และเอาแต่อยู่กับกลุ่มคนใช้ทุกวี่วัน เขาจะดีขึ้นได้หรือไง? มันเป็นความรับผิดชอบของแกที่ต้องดูแลลูกในอนาคต...”
พอพูดถึงเรื่องนี้ อวี่หนานเฉิงก็วางตะเกียบลง
“ผมได้คิดเรื่องนี้แล้วและปู่ก็พูดถูก ผมจึงวางแผนจะแต่งงาน”
“แกกำลังจะแต่งงาน?”
ก่อนชายชราจะได้ดีใจ เขาก็ได้ยินอวี่หนานเฉิงพูดอีกครั้ง
“ผมถึงนำย่าเหวินมาคุยกับปู่”
“อะไรนะ?” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที“แกหมายความว่าแกอยากแต่งงานกับเธอ?”
ใบหน้าของชายชราดูจริงจัง อวี่หนานเฉิงไม่รู้ว่าทำไมและขมวดคิ้ว“ย่าเหวินอยู่ข้างผมมาหลายปี ในเมื่อปู่อยากให้ผมแต่งงาน งั้นผมก็จะแต่ง”
“ไม่ แกต้องรอก่อน”
ความคิดของชายชราสับสนเล็กน้อย เขาคิดถึงมันอยู่นานก่อนสงบลง“จิงซีอยู่ไหน? จิงซีเห็นด้วยกับการแต่งงานไหม?”
ใบหน้าของอวี่หนานเฉิงดูแน่วแน่
“เรื่องนี้เป็นความคิดของจิงซีเอง”
“เป็นไปไม่ได้”
ชายชราระบายความโกรธผ่านรูจมูกและพูดต่อหน้าเกาย่าเหวิน“ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ จิงซีไม่มาหาฉันและบอกตกลง ฉันไม่สามารถยอมรับได้”
สีหน้าของอวี่หนานเฉิงดูแปลกใจเล็กน้อย เดิมเขาคิดว่าปู่ของเขาจะดีใจที่เขาจะแต่งงานซะอีก แล้วปฏิกิริยานี้มันอะไรกัน?
ใบหน้าอ่อนโยนของเกาย่าเหวินเปลี่ยนสี แต่เธอไม่กล้าแสดงมันออกมา เธอระงับความไม่สบายใจไว้และกระซิบเสียงเบา
“ปู่ค่ะ หลังแต่งงานกัน หนูจะดูแลจิงซีเป็นอย่างดี ไม่มีใครรู้จักจิงซีดีไปกว่าหนูแล้ว หนูเองก็อยากเห็นเขาเติบโตด้วยตาตัวเอง”
ชายชราเหลือบมองเธอ พ่นลมหายใจและมองพ่อบ้านข้างเขา
“เหลาโจว ไปรับจิงซีมา”
บ้านเก่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่อวี่หนานเฉิงอาศัย และพ่อบ้านก็ใช้เวลาไปรับตัวจิงซีมาถึงบ้านไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ทันทีที่เขาเข้าประตูและเห็นเกาย่าเหวิน หัวใจของอวี่จิงซีก็เต้นกระหน่ำ
ชายชรากวักมือเรียกอวี่จิงซี พูดกับเขาอย่างอ่อนโยน
“จิงซี มาสิ มาหาปู่เจิ้งมา”
อวี่จิงซีรีบวิ่งมา
“พ่อของหลานเพิ่งบอกปู่ หลานอยากมีแม่งั้นเหรอ?”
อวี่จิงซีส่ายหัว แต่ที่มุมหางตา เขาเห็นเกาย่าเหวิน เขาหัวหดและพยักหน้าอีกครั้ง
อวี่หนานเฉิงเองก็แปลกใจตอนเห็นมัน
“เด็กไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ แต่เขารู้ว่าใครจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
พอพูด เกาย่าเหวินก็กวักมือเรียกอวี่จิงซี และยิ้มอ่อนโยน“มาสิ จิงซี มาหาป้ามา”
อวี่จิงซีหลบหลังชายชราโดยไม่รู้ตัว
ชายชราเห็นทั้งหมดนี้กับตา และมองเกาย่าเหวินอย่างเย็นชา
“ผิดแล้ว เด็กสามารถเข้าใจได้มากกว่าที่เราคิด วิธีที่เธอสื่อสารกับเด็กก็บ่งบอกแล้วว่าเด็กจะเติบโตมาเป็นคนแบบไหนถ้าเธอเลี้ยง”
รอยยิ้มบนหน้าเกาย่าเหวินแข็งไป เธอพึมพำ“ใช่ ปู่เคยสอนไว้ว่า ฉันจะต้องใส่ใจกับการพูดให้มากขึ้นในอนาคต”
ชายชรามองอย่างเย็นชา และสะบัดหน้าไปมองอวี่หนานเฉิง“แกอายุ 30 ในเมื่อแกยังไม่เคยแต่งงานมาก่อนก็ไม่ต้องรีบ ครั้งนี้ การแต่งงานจะยังต้องพิจารณาในทุกด้าน เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
ชายชราแสดงความไม่เห็นด้วยทั้งในคำพูดและท่าทาง มันยังจะทำอะไรได้อีก?
เล็บของเกาย่าเหวินฝังในฝ่ามือเธอ แต่อวี่หนานเฉิงดูเหมือนจะไม่ตอบสนอง
หลังมื้ออาหาร เกาย่าเหวินก็กำลังจะกลับไปกับอวี่หนานเฉิง แต่ชายชราขอให้เธอไปก่อน บอกว่าเขามีเรื่องต้องคุยกับอวี่หนานเฉิง
“ตาแก่ตายยาก มันชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของฉันกับหนานเฉิง โชคดี ฉันขยันวิ่งมาบ้านเก่าเพื่อเจอหน้าเขาหลายปี และก็เลี้ยงสุนัขไว้”
ทันทีที่ขึ้นรถ เกาย่าเหวินก็เผยธาตุแท้ออกมา
“พี่สาวเหวิน อย่าโกรธไปเลย ขอแค่ประธานอวี่ยืนกราน ตาแก่นั่นจะไปทำอะไรได้ พี่สาวก็รู้อารมณ์ของประธานอวี่ดีนี่? อย่างที่เห็น ตอนตาแก่บังคับเขาให้แต่งงานและมีลูก เขากลับทำตรงกันข้าม ไปเอาลูกกลับมาแต่ไม่รู้ชื่อแม่ จากมุมมองนี้ เขาไม่สนใจความคิดของตาแก่นั่นมากหรอก”