ตอนที่ 26 หน้ามือเป็นหลังมือ
ตอนที่ 26 หน้ามือเป็นหลังมือ
“เจ้าบ่าวเฉียวเจ๋อกับเจ้าสาวหลี่เยวี่ยขอเชิญเพื่อนรัก คุณเซิ่งอั้นหรานมางานแต่ง..”
จดหมายที่เขียนด้วยลายมือดูเด่นชัดมาก และภาพตัวการ์ตูนของคู่รักก็อยู่บนหน้าด้านใน เซิ่งอั้นหรานมองจดหมายเชิญด้วยสายตาหม่นหมอง
หลังคิดมันดี ๆ เธอเองก็คิดไว้แล้ว ครั้งสุดท้ายที่เธอพบกับทั้งคู่ในลิฟต์ เธอก็สังเกตเห็นว่าหลี่เยวี่ยสวมแหวนที่มีความสำคัญอย่างมากกับเธอแต่ก่อนเช่นกัน
มันแค่ไม่คิดว่าทั้งคู่จะกล้าส่งจดหมายเชิญมา เซิ่งอั้นหรานเอนพิงโซฟา มุมปากเธอยกโค้งเป็นการเย้ยหยันตัวเอง หัวใจของเธอยังเจ็บปวดพอคิดถึงเหตุการณ์ป้าปีก่อน
ถ้ามันไม่ใช่เพราะเฉียวเจ๋อกับหลี่เยวี่ย เธอคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้
เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดว่าความรักจะไม่สมบูรณ์ถ้าคุณไม่พบรักกับคนเจ้าชู้ในชีวิตนี้ ถ้าคุณบอกมิตรภาพจะไม่สมบูรณ์เว้นแต่คุณจะเจอกับเพื่อนสาวที่แทงข้างหลัง เซิ่งอั้นหรานก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอคงถือว่าสมบูรณ์แล้วและไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
สุดท้าย เธอก็โยนจดหมายเชิญทิ้งไว้ใต้โต๊ะกาแฟและเมินมัน
เธอแค่บังเอิญเหยียบขี้ แต่แล้วจะให้เธอไปเก็บมันมาดมหรือไง?
วันต่อมาเป็นวันพักผ่อน เดิมทีเซิ่งอั้นหรานวางแผนอยู่แต่บ้านเพื่อคิดแผนวันครบรอบโรงแรม แต่แล้วก็โดนปลุกด้วยเสียงออดแต่เช้าตรู่
พอเธอเปิดประตู เธอก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ชายหล่อ ส่วนผู้หญิงก็สวย คนหนึ่งมั่นคง คนหนึ่งอ่อนโยน ทั้งคู่สวมชุดเป็นทางการ ถือกระเป๋าเอกสารไว้ในมือ
“ขอโทษด้วยค่ะ บ้านเราไม่ต้องการประกันแล้วค่ะ”
เซิ่งอั้นหรานรีบพูดออกมาและทำท่าจะปิดประตู
“คุณเซิ่งใช่ไหมคะ? เราคือคนของโรงเรียนอนุบาลหลานเป๋าค่ะ”
ดวงตาของเซิ่งอั้นหรานเบิกกว้าง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป
ผู้หญิงยิ้มและยื่นมือออกมา
“ฉันชื่อหนัวหยาค่ะ ส่วนนี่คือฉินเป่ย เรามาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมบ้านของเซิ่งเสี่ยวซิงก่อนเข้าเรียนค่ะ เหตุผลหลักก็เพื่อทำความเข้าใจนิสัย กิจวัตรประจำวัน ประวัติการให้ยาในอดีต และอื่น ๆ ของเด็กค่ะ”
ห้านาทีต่อมา
เซิ่งอั้นหรานวิ่งออกห้องน้ำหลังล้างหน้าล้างตา มองผู้ชายกับผู้หญิงที่นั่งบนโต๊ะกาแฟด้วยท่าทางมีมารยาท
“ขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันไม่รู้ว่าจะมีขั้นตอนมาเยี่ยมบ้านก่อนเข้าเรียน”
หนัวหยายังอ่อนโยนและนุ่มนวล
“มันระบุไว้ในประกาศรับสมัครของเราค่ะ คุณเซิ่งไม่มีเวลาอ่านมันเหรอคะ?”
เซิ่งอั้นหรานเหลือบมองเอกสารที่กระจัดกระจายบนโต๊ะอย่างอึดอัด“พูดตามตรง ฉันอ่านไปแค่ครึ่งเดียวค่ะ ฉันไม่ได้คิดจะส่งลูกสาวฉันไปโรงเรียนของคุณจริง ๆ”
“ไม่คิด?” หนัวหยาเผยสีหน้าเหลือเชื่อ“มีอะไรในโรงเรียนเราที่ทำให้คุณเซิ่งไม่พอใจงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ...”
เซิ่งอั้นหรานไม่เคยไปที่หลานเป๋า“ฉันแค่คิดว่าเสี่ยวซิงซิงของเราคงไม่เหมาะกับบรรยากาศของหลานเป๋า คุณควรเห็นเหตุผลเฉพาะเจาะจงแล้ว”
เธอชี้สภาพบ้านเธออย่างเปิดเผย
บ้านของเธอมีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น กว้าง 120 ตารางเมตร มันถือว่ากว้าง แต่ถ้าเทียบกับตระกูลของเด็กที่สามารถเข้าเรียนหลานเป๋าได้ เธอกลัวว่าบ้านของเธอทั้งหลังคงเท่ากับห้องนอนของเด็กเหล่านั้น
“ถ้าเป็นเหตุผลนี้ คุณไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณเซิ่ง”
หนัวหยาดันแว่นตาของเธอ ดูเหมือนจะโล่งใจและยิ้ม
“ค่าธรรมเนียมการเรียนกับค่ากิจกรรมของเราฟรี อย่างที่คุณรู้ เจ้าตัวเล็กเซิ่งเสี่ยวซิงจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอะไรเลยหลังเข้าเรียน ประธานอวี่ได้อธิบายกับทางเราแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องเลยจริง ๆ ....”
มันเพราะอวี่หนานเฉิงให้ของขวัญล้ำค่ามากเกินไป เธอจึงปฏิเสธมันอย่างเด็ดเดี่ยว
“คุณเซิ่ง ผมไม่คิดว่าจะมีโรงเรียนไหนที่ดีต่อเซิ่งเสี่ยวซิงไปมากกว่าเราแล้วครับ” ชายข้างหนัวหยาเปิดปากขึ้น
เขาเปิดซองเอกสารสีดำในมือ
“โรงพยาบาลของโรงเรียนอนุบาลหลานเป๋าเราร่วมมือกับห้องยาเกียวโต แพทย์แผนจีนสำหรับเด็กที่เก่งสุดยังทำงานในโรงเรียนเรา หมอจู้ชุนฟาง คุณสามารถค้นหาชื่อเขาในอินเทอร์เน็ตได้”
หนังตาเซิ่งอั้นหรานกระตุกตอนได้ยินถึงห้องยาเกียวโต และตอนเธอได้ยินชื่อจู้ชุนฟาง ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนไป“คุณพูดว่าไงนะ?”
“เราได้รู้ว่าเสี่ยวซิงซิงมีโรคติดตัวตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่าเราคงพอมีทางรักษาโรคหอบหืดได้ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะช่วยรักษามันได้ให้หายขาด แต่เรามีหมอที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ ถ้าเด็กเข้าเรียน เธอจะปลอดภัยแน่ครับ”
เสียงของเขาดังก้องในห้องนั่งเล่น เซิ่งอั้นหรานดูเหมือนจะเห็นฟางเส้นสุดท้าย ดวงตาของเธอสว่างขึ้น
ตอนเธอตัดสินใจพาเซิ่งเสี่ยวซิงกลับมาจีนเพื่อรักษาโรคหอบหืด มันเพราะหมอชาวตะวันตกไม่สามารถรักษาโรคเธอได้และมันก็ยิ่งรุนแรง จากนั้นเธอก็คิดถึงแพทย์แผนจีน หมอจู้ชุนฟางจากห้องยาเกียวโตคือหมอเด็กชื่อดังสุดในด้านการรักษาโรคหอบหืด หลังขอลาออก เธอก็มาจินหลิงทันทีเพื่อหาตัวเขา
แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลังตามหามานาน มันกลายเป็นว่าเขาอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลหลานเป๋า
เธอเริ่มหวั่นไหว
“คุณเซิ่ง ถ้าคุณไม่สบายใจ คุณสามารถปล่อยให้เด็กลองเรียนได้สักพัก ถ้ามีอะไรไม่น่าพอใจ เราสามารถแนะนำโรงเรียนอื่นได้ถ้าคุณอยากย้าย”
ใบหน้าจริงใจของหนัวหยาทำให้ยากแก่การปฏิเสธ
เซิ่งอั้นหรานรู้สึกว่าแม้ทั้งสองคนตรงหน้าเธอจะไม่ใช่คนขายประกัน แต่ฝีมือการโน้มน้าวของทั้งคู่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนขายประกันเลย
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ งั้นฉันก็จะลองดู”
การลองครั้งนี้ไม่เสียหายอะไร เซิ่งอั้นหรานไม่รู้สึกว่าเธอขาดทุน ถ้าจู้ชุนฟางไม่สามารถรักษาเสี่ยวซิงซิงได้ เธอก็จะออกโรงเรียน พวกเขาก็จะแนะนำโรงเรียนอนุบาลอื่นให้ด้วย นี่มันเหมือนส้มหล่นชัด ๆ
หลังคุยกันสักพัก ถามถึงข้อมูลทั่วไป หนัวหยากับฉินเป่ยก็อำลา ขึ้นรถไปหลังออกอพาร์ทเมนต์ พอรถขับออกพ้นตึก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในรถ
“ประธานอวี่ เราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“…”
“ค่ะ เราทำการจ้างหมอจู้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“...”
“เราจะดูแลเด็กให้ดีที่สุดค่ะ....ค่ะ ประธานอวี่ ไม่ต้องห่วงค่ะ”
หลังวางสาย ห้องทำงานของประธานกลุ่มเซิ่งถังก็กลับสู่ความเงียบ
อวี่หนานเฉิงมองบันทึกการรักษาตรงหน้าเขา คิดถึงใบหน้ามีชีวิตชีวาของเซิ่งเสี่ยวซิง มันไม่มีทางที่จะบอกได้เลยว่าเธอเป็นโรคหอบหืด
ถ้าไม่ใช่เพราะการปฏิเสธของเซิ่งอั้นหรานที่ไม่ยอมปล่อยเซิ่งเสี่ยวซิงไปหลานเป๋าคืนก่อน เขาคงไม่คิดหาว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธและมองหาโรงเรียนอนุบาลอื่น
เดิมเขาคิดว่าเธอกำลังเรียกร้อง แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นเพราะอาการป่วยของเซิ่งเสี่ยวซิงต่างหาก
ขณะกำลังขบคิด เสียงเคาะประตูก็ดัง
“เชิญ”
เกาย่าเหวินเปิดประตู เดินเข้ามาพร้อมกาแฟสองแก้วในมือ
“หนานเฉิง ฉันซื้ออเมริกาโน่แบบที่นายชอบมา”
“เธอมาทำไม?” อวี่หนานเฉิงเหลือบมองเธอ
“ไม่ใช่ว่านายจะไปคุยกับปู่เรื่องการแต่งงานคืนนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันประหม่าเล็กน้อยนะ”
เกาย่าเหวินเม้มปาก ใบหน้าเธอดูเขินอายเล็กน้อย
“ก่อนฉันจะไปคุยเรื่องการแต่งงาน เธอก็ไปบ่อยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
อวี่หนานเฉิงไม่ไว้หน้าเธอเลย มันทำให้หน้าเธอแหกไม่มีชิ้นดี
เกาย่าเหวินหน้าเสีย เธอกัดปากเล็กน้อยและพูด
“ฉันละเกลียดจริง ๆ ที่นายทำตัวแบบนี้ แต่ตอนนี้ละครจอมปลอมจบแล้ว แน่นอน ฉันต้องกังวลอยู่บ้าง หนานเฉิง นายคิดว่าวันนี้ฉันสวมชุดนี้ดีไหม? คิดว่าคุณปู่จะชอบมันไหม?”
อวี่หนานเฉิงไม่แม้แต่จะเหลือบมอง“แล้วแต่”
“หนานเฉิง”
เกาย่าเหวินเขยิบเข้าใกล้อีกเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ แต่จากนั้น เธอก็ดันเหลือบไปเห็นเอกสารบนโต๊ะ และเห็นคำว่า’ เซิ่งเสี่ยวซิง’ บนนั้น