348 - การลุกฮือของนิกายบัวขาว
348 - การลุกฮือของนิกายบัวขาว
หลังจากที่ชายคนนั้นปรากฏตัวบนเนินเขา ทหารม้าสองสามร้อยคนก็โผล่มาจากข้างหลังเขาในชั่วพริบตา พวกเขาแต่งตัวต่างกัน บางคนสวมชุดเกราะหนัง บางคนสวมชุดเกราะบุนวม
แม้แต่อาวุธของพวกเขาก็ยังแตกต่างกันเหมือนกับว่าหยิบจับอะไรขึ้นมาก็เอามาเป็นอาวุธ แต่สิ่งที่พวกเขามีคล้ายกันก็คือผ้าโพกศีรษะสีดำซึ่งปักรูปดอกบัวขาวไว้
“นิกายบัวขาว…!” หวังฮุ่ยตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
ในขณะที่ทหารม้าของนิกายบัวขาวขึ้นมาที่เนินเขา สายตาของพวกเขาก็จับจ้องมายังเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆทันที
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ ชายที่อยู่บนเนินเขาคนแรกก็ใช้ทวนของเขาชี้มาในทิศทางของเอี้ยนลี่เฉียง เขาพูดอะไรบางอย่างก่อนที่ทหารม้าร้อยคนจะมุ่งหน้าเข้าหาพวกเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว
“ถอยกลับด้านหลัง…!”
เอี้ยนลี่เฉียงตะโกน ทุกคนในขบวนต่างก็แตกตื่นตกใจและรีบขี่ม้ากลับไปในทิศทางที่พวกเขาเดินทางมาอย่างเร่งรีบ
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้เดินทางกลับพร้อมกับทุกคน เขาหยิบคันธนูออกมาถือไว้ในขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังทหารม้าของนิกายบัวขาว
ทหารม้าจากนิกายบัวขาวแยกกันเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไล่ตามพวกเอี้ยนลี่เฉียง อีกกลุ่มทำการกวาดต้อนผู้คน ในขณะที่พวกเขากำลังกวาดต้อนผู้คนเดียวนี้พวกเขาก็ลงมือสังหารผู้คนไปมากมาย
เสียงร้องที่น่าสังเวชและน่าสะพรึงกลัวดังก้องไปทั่วเนินเขาและถิ่นทุรกันดาร
“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้หากพวกเจ้าต้องการรอดชีวิต! ผู้ที่หลบหนีจะต้องถูกประหาร คนเหล่านี้เป็นตัวอย่างของพวกเจ้า…!” ทหารมาคนหนึ่งกำลังออกมา
ผู้คนจำนวนมากที่กำลังวิ่งหนีต่างก็คุกเข่าลงทันทีเมื่อเห็นใครบางคนถูกฆ่าตายหน้าต่อตา
ลมพัดมาจากเนินเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด
ในเวลาไม่นานนักทหารม้าร้อยคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงก็มาถึงเนินเขานี้อย่างรวดเร็ว
เอี้ยนลี่เฉียงขี่ม้าออกไปด้านข้างในขณะที่มือของเขาก็ยิงลูกธนูออกไปรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ลูกธนูพุ่งออกมาเหมือนดาวตก
ทันทีที่ธนูของเขาสั่น ลูกศรก็แทงทะลุหน้าผากของผู้นำที่ขี่อยู่ข้างหน้า ทำให้เขาตกจากหลังม้าทันที…
เมื่อเห็นเอี้ยนลี่เฉียงยิงสังหารหัวหน้าของตนกรมทหารม้าของนิกายบัวขาวก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีมือธนูประมาณสิบคนที่เคลื่อนไหวพร้อมกัน
โว้ว… วู้ว… วู้ว… วู้ว…
ลูกศรจำนวนหนึ่งพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างเบาบางด้วยความแม่นยำต่ำ พวกมันไม่สามารถคุกคามอันตรายต่อเอี้ยนลี่เฉียงได้เลยไม่มีลูกสอนลูกไงที่เข้าใกล้ร่างกายของเขาได้ด้วยซ้ำ
เมื่อมองเห็นลูกศรเหล่านี้เอี้ยนลี่เฉียงก็มั่นใจว่าพวกมันถูกยิงออกมาจากคันธนูสองต้าน และมาจากการยิงของผู้ที่อยู่ในระดับสวรรค์ชั้นแรกของศิลปะการยิงธนู
เขาต้องยอมรับว่าทหารม้าของนิกายบัวขาวนั้นด้อยกว่าพวกโจรวายุทมิฬมากพวกมันไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย
โจรวายุทมิฬคือกลุ่มชนบนหลังม้าที่ท่องไปทั่วดินแดนทางภาคตะวันตกพวกเขาทุกคนสามารถยิงธนูบนหลังม้าได้เพียงแต่ว่าพวกเขาจะมีความแตกต่างด้านฝีมือเท่านั้น
สายธนูของเอี้ยนลี่เฉียงสั่นสะเทือนอีกครั้ง เขายิงสังหารโจรจากนิกายบัวขาวอีกคน เหยื่อคนที่ 2 ของเขานี้เป็นมือธนูที่บรรลุระดับสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง
ทหารม้านิกายบัวขาวร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นคนที่สองล้มลง ทหารม้าที่อาศัยเพียงจำนวนที่มากกว่าไม่คิดว่าการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามจะรุนแรงถึงขนาดนี้
นี่คือการประหัตประหารกันอย่างแท้จริง ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ตามปกติแล้วคนพวกนี้ทำได้เพียงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
ทหารม้านิกายบัวขาวกำลังจะหยิบขึ้นมายิงอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันลูกศรของเอี้ยนลี่เฉียงก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเป็นอย่างมาก มันสังหารมือธนูทั้งสิบคนอย่างรวดเร็ว
ทหารม้าที่ไล่ตามเขามาร่วงลงจากหลังม้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ผู้ที่ไล่ล่าเขาอยู่ต่างก็เริ่มไม่กล้าไล่ต่ำกระชั้นชิดมากเกินไปเนื่องจากความหวาดกลัว
แม้ว่าบางคนในกลุ่มทหารม้ายังคงพยายามจะเอี้ยนลี่เฉียง แต่ฝีมือการยิงธนูของพวกเขานั้นต่ำทรามมากเกินไปจึงไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับเอี้ยนลี่เฉียงได้เลย
ด้วยทักษะการยิงธนู พวกเขาอาจสามารถสร้างความเสียหายให้กับกองทหารม้าขนาดใหญ่ โดยอาศัยจำนวนของลูกศรที่ยิงออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพยายามยิงเป้าหมายเดียวแบบนี้ความแม่นยำของพวกเราจึงไม่นับเป็นอะไรได้
เอี้ยนลี่เฉียงใช้ขาบีบหน้าท้องของม้าแรดแล้วเอนตัวไปด้านข้าง เขาประสานตัวกับหลังม้าที่โยกไปมาอย่างสงบ ในเวลาไม่ถึงนาที ลูกธนูมากกว่าสิบลูกก็ถูกปล่อยอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังของเขาเสียงกรีดร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้มีผู้คนถูกยิงสำคัญมากกว่าสามสิบคนแล้ว
ทันใดนั้นทหารม้าของนิกายบัวขาวต่างก็ตระหนักว่า พวกเขายังคงไล่ล่าอย่างนี้ต่อไปในไม่ช้าพวกเขาจะถูกยิงสังหารทั้งหมด
“หยุด…!”
เอี้ยนลี่เฉียงหยุดมาของเขาในขณะที่มันยกสองขาหน้าขึ้นแล้วหันกลับมา เอี้ยนลี่เฉียงที่อยู่บนหลังม้าก็ง้างธนูยิงสังหารผู้คนที่ตามมาด้านหลังอีกสองคนในขั้นตอนเดียว
ทหารม้าที่ไล่ตามเขามาได้หยุดลงแล้ว สายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังเอี้ยนลี่เฉียงราวกับว่าพวกเขามองเห็นมัจจุราชที่ก้าวออกมาจากประตูนรก
แม้ว่าทหารมาจากนิกายบัวขาวจะมีจำนวนมากกว่า แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ากว่าที่พวกเขาจะไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงทันคนของพวกเขาจะตายไปเท่าไหร่
ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่…
ชายที่มีหนวดเคราซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากองทหารที่เหลืออยู่ชูดาบขึ้นฟ้าแล้วตะโกนว่า
“อย่ากลัวเลยพี่น้อง! เขาอยู่คนเดียว! จงยกดาบขึ้นแล้วพวกเรา…!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคลูกธนูดอกหนึ่งก็แทงทะลุเบ้าตาของเขา ทำให้เสียงของเขาหยุดลงทันที
ชายคนนั้นไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะส่งเสียงกรีดร้อง ร่างของเขาตกลงจากหลังม้ากระแทกพื้นดังสนั่น
เอี้ยนลี่เฉียงยกคันธนูขึ้นอีกครั้งและทหารม้าขึ้นอยู่ไกลที่สุดก็ถูกยิงตกจากหลังม้าในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ยิงธนูอย่างต่อเนื่อง ธนูทุกลูกของเขายิงสังหารทหารมาของนิกายบัวขาวอย่างอำมหิตสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนเกือบร้อยหนีตายกันจ้าละหวั่น
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้หยุดยิง เขากระตุ้นมาของตัวเองไล่ล่าพวกโจรนิกายบัวขาวโดยตั้งใจว่าจะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
ทหารม้าของนิกายบัวขาวเมื่อเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงกำลังไล่ล่าพวกเขาเข้ามา พวกเขาต่างก็แตกตื่นหวาดกลัวและพยายามแนบลำตัวกับหลังม้าเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสังหาร
บนเส้นทางหลวงของจักรวรรดิฮั่นเอี้ยนลี่เฉียงเพียงคนเดียวกำลังไล่ล่านักรบนับร้อยของนิกายบัวขาวอย่างเอาเป็นเอาตาย