346 - ล้างแค้น
346 - ล้างแค้น
ทางเข้าเมืองหลวงของจักรวรรดิยังคงได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาเมื่อเทียบกับการมาเยือนสองครั้งก่อนหน้าของเอี้ยนลี่เฉียง
ทหารจำนวนมากเรียงรายอยู่ทั้งสองด้านของทางเข้า ทุกคนที่ผ่านประตูเมืองจะถูกตรวจสอบ ผู้ที่สวมหมวกจะต้องถอดหมวก ในขณะที่รถม้าต้องได้รับการตรวจค้น
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงลงจากรถม้า เขาสังเกตเห็นชายชราสวมชุดสีเทายืนอยู่ข้างหน้าเขา เอี้ยนลี่เฉียงจึงถามชายชราอย่างสุภาพว่า
“ท่านผู้เฒ่า เหตุไฉนในเมืองจึงได้ตรวจสอบกันอย่างจริงจังขนาดนี้”
ชายชราหันศีรษะและมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียง เมื่อพบว่าเอี้ยนลี่เฉียงค่อนข้างดูดีและสุภาพเขาจึงพูดช้าๆว่า
“เมื่อไม่กี่วันก่อน จั่วเถิง รองเจ้ากรมโยธาธิการถูกลอบสังหารในบ้านของเขา ว่ากันว่าคนลงมือมาจากนิกายบัวขาว
ไม่คิดว่านิกายบัวขาวจะสามารถแทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงและลงมือสังหารขุนนางระดับสูงได้?”
นิกายบัวขาว? เอี้ยนลี่เฉียงตกตะลึง
“ข้าได้ยินมาบ้างแล้วว่ารองเจ้ากรมโยธาธิการถูกสังหาร แต่นี่เกี่ยวข้องอะไรกับนิกายบัวขาว”
“ข้าได้ยินมาว่าจั่วเถิงถูกลอบสังหารเนื่องจากในอดีตเขาเคยนำกองทัพไปกวาดล้างคนจากนิกายบัวขาวเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่เขาถูกสังหารคนจากนิกายบัวขาวก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบในครั้งนี้…”
“โอ้ พวกเขากล้าถึงขนาดนี้เลยหรือ ขอบคุณสำหรับข้อมูลท่านผู้เฒ่า!” เอี้ยนลี่เฉียงแสร้งทำเป็นตกใจและป้องหมัดให้กับชายชรา
“อืม ที่นี่คงจะไม่มีวันสงบสุขอย่างแน่นอน…” ชายชราส่ายหัวและก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อเข้ารับการตรวจสอบจากทหาร
ในขณะนั้น หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงไม่สงบอย่างที่เขาแสดงออก เป็นไปได้ไหมว่าเทพธิดากระบี่ก็คือคนของนิกายบัวขาว?
เอี้ยนลี่เฉียงนำม้าเมฆพายุหิมะเข้ามาในเมือง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินต่อไปที่บ้านของซุนปิงเฉิน
ในขณะที่เขากำลังขี่มาอยู่ในเมืองนั้น กลุ่มอันธพาลที่อยู่ใกล้ๆประตูเมืองก็เดินเข้ามาล้อมเขาทันที สายตาของคนพวกนี้จับจ้องไปยังม้าเมฆพายุหิมะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโล�
มีตรอกซอกซอยมากมายในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงขี่ม้าไปที่ถนนซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ทันใดนั้นร่างสีเทาก็พุ่งออกมาจากตรอกที่อยู่ใกล้ๆและชนเข้ากับม้าของเขาอย่างรุนแรง
“อา! มีคนขี่ม้าชนข้า กระดูกของข้าหักแล้ว…!”
เสียงตะโกนของเขาดึงดูดความสนใจผู้คนจากท้องถนนเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นอีกห้าคนก็รีบวิ่งออกมาจากตรอกด้านข้างและล้อมเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความดุร้าย
“เจ้าหนูเจ้าทำร้ายคนแล้วคิดจะหนีอย่างนั้นหรือ?” ชายหัวโล้นยื่นมือไปจับบังเหียนของม้าเมฆพายุหิมะแล้วตะโกนออกมาว่า
“รีบลงจากหลังมาเดี๋ยวนี้!”
“จับไอ้เด็กเหลือขอนี่ไปส่งทางการ…!”
อันธพาลสองคนที่อยู่ด้านข้างก็พยายามจับตัวเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงมองดูภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าวิธีการขู่กรรโชกแบบนี้จะมีในโลกนี้ด้วย ตามธรรมดาและวิธีการนี้ค่อนข้างแพร่หลายในประเทศจีนยุคใหม่
เอี้ยนลี่เฉียงชำเลืองดูอันธพาลพวกนั้นแล้วโบกมือกล่าวว่า
“การแสดงของพวกเจ้าค่อนข้างสนุกสนานทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขมาก ดังนั้นวันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป ไสหัวไปได้แล้วอย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาจับม้าข้า ...”
พวกอันธพาลที่รุมล้อมเอี้ยนลี่เฉียงที่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยเหตุผลบางอย่างทันทีที่มองเห็นสายตาและได้ยินคำพูดเบื่อหน่ายของเขา
แต่คนพวกนั้นก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้พวกเขายังคงจับสายบังเหียนของม้าอยู่
“เฮ้ น้องชาย ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการได้รับความเจ็บปวดเสียก่อนถึงจะรู้สำนึก…!”
ขณะที่ผู้นำกำลังพูด เขาพยายามคว้าเสื้อผ้าของเอี้ยนลี่เฉียงเพื่อลากเขาลงจากหลังม้าแรด
สายตาของเอี้ยนลี่เฉียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“กั่วซี! หยุดอยู่ตรงนั้น…!” จู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากตรอกข้างๆ
ชายหนุ่มเจ็ดหรือแปดคนที่แต่งกายด้วยชุดกรรมกรวิ่งออกมาและจ้องหน้าอันธพาลที่พยายามรุมล้อมเอี้ยนลี่เฉียง
เมื่อกั่วซีหันศีรษะกลับไปและสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ออกมาจากตรอก สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“สวีเอิ้นต้าระวังตัวไว้เถอะ…!”
เขาเตือนอย่างเย็นชาจากนั้นก็ถอยกลับเข้าไปในตรอกของตัวเองอย่างช้าๆ
น่าสนใจ…
เอี้ยนลี่เฉียงไม่คิดว่าเหตุการณ์จะจบลงเช่นนี้
“ข้าจะจำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ เจ้าคอยดูเถอะข้าจะเอาคืนแน่…!”
กั่วซีตะโกนออกมาจากระยะไกล จากนั้นพวกเขาก็หายไปจากสายตาของเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงกระโดดลงจากหลังม้าแล้วแสดงความเคารพต่อกลุ่มกรรมกรเหล่านั้น
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ พี่ใหญ่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วง!”
สวีเอิ้นต้าหัวเราะอย่างเต็มที่ จากนั้นมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงและเมฆพายุหิมะ
“คนพวกนั้นเห็นว่าม้าของเจ้าคงมีราคาแพง พวกเขาจึงคิดจะรีดไถเจ้า…”
“แน่นอน เพียงเห็นสายตาของพวกมันข้าก็ทราบแล้ว!” เอี้ยนลี่เฉียงก็หัวเราะเช่นกัน
"คราวหน้าน้องชายก็ระวังด้วย ยังมีคนในเมืองหลวงอีกมากที่เป็นแบบนี้ แต่พวกเราต้องไปทำงานก่อนไม่งั้นคืนนี้พวกเราจะไม่มีอะไรกิน…!”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกับเอี้ยนลี่เฉียงอีกสองสามคำ สวี่เอิ้นต้าก็พาคนของเขาไปที่ประตูเมืองตะวันตกอย่างรวดเร็ว
เอี้ยนลี่เฉียงมองดูร่างที่หายไปของพวกเขาและพยักหน้ากับตัวเองอย่างลับๆ ไม่คิดว่ากลุ่มคนที่หาเช้ากินค่ำอย่างพวกเขาก็มีคนที่จิตใจดีถึงขนาดนี้
เอี้ยนลี่เฉียงลอบสาบานในใจของตัวเองว่า ในโลกนี้มีคนดีมากมายเขาจะไม่มีทางปล่อยให้คนในเมืองหลวงต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างแน่นอน
…
สิบนาทีต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ของซุนปิงเฉินและเคาะประตู ไม่กี่วินาทีต่อมาคนรับใช้ชราแซ่หลี่ก็เปิดประตูออกมาต้อนรับเขา
“ผู้เฒ่าหลี่ ข้ามาเยี่ยมท่านซุน” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มให้เขา
“นายท่านออกจากเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อนแล้ว!” ชายชรากล่าวเบาๆ
“อา ท่านซุนไปที่ใดหรือ”
“นายท่านถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการแคว้นเยว่!”
…
เอี้ยนลี่เฉียคิดไม่ถึงว่าซุนปิงเฉินจะออกจากเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน ไม่คิดว่าเขาจะเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆถึงขนาดนี้
แต่เดี๋ยวก่อน...
เอี้ยนลี่เฉียงหยุดกะทัน แคว้นเยว่… นั่นเป็นสถานที่ที่จะได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากนี้ไกลบัวขาวไม่ใช่หรือ?
เอี้ยนลี่เฉียงนึกถึงเหตุการณ์ที่นิกายบัวขาวทำการกวาดล้างแคว้นเยว่และสังหารผู้คนมากกว่า 50,000 รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทางการอีกมากมาย…
เนื่องจากซุนปิงเฉินกลายเป็นผู้ว่าการแคว้นเยว่ ถ้าเช่นนั้นเหลียงอี้เจี๋ยก็คงไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน การเดินทางของพวกเขาไม่แตกต่างอะไรจากการเข้าถ้ำเสือ เอี้ยนลี่เฉียงอดเป็นห่วงไม่ได้
ในช่วงเวลานี้เองเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าเขาไม่ได้ติดตามสถานการณ์ในอาณาจักรสวรรค์มากเท่าที่ควร เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากกลับเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์เขาจะต้องศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้