239-240
9/10
Ep.239
ถูกซูเฉินเยาะเย้ยต่อหน้าต่อตา ใบหน้าของเผ่าครึ่งออร์คเริ่มเปลี่ยนสี ไล่จากเขียวไปแดง สุดท้ายขาว
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ แทนที่จะระเบิดความโกรธออกมา เผ่าครึ่งออร์คกลับพูดอย่างอดทนว่า “มนุษย์ เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าขอยอมรับ เช่นนั้นมาเจรจากันต่อดีหรือไม่?”
ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรซูเฉินได้ งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำข้อตกลงกับซูเฉินอีกครั้ง เพื่อรักษาทางผ่านเขตแดนนี้
“สรุปแกมีหินพลังงานเลเวล 4 ติดตัวไหม?” ซูเฉินถาม ไม่ได้ยั่วโมโหอีกฝ่ายอีกต่อไป
แม้การด่าไม่กี่คำมันจะช่วยให้รู้สึกสะใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย เขาควรใช้โอกาสนี้ต่อรองหินพลังงาน
“บนตัวข้ามีแค่หินต้นกำเนิดพลังงาน แต่หากต้องการถึง 1,000 ก้อน ใช้เวลาเตรียมไม่นาน คราวนี้ข้าไม่หลอกลวงเจ้าอีกแน่นอน” เผ่าครึ่งออร์คกล่าวด้วยความสัตย์จริง
ก่อนหน้านี้ มันคิดว่าส่งลูกน้องไป 4 ตน ก็คงพอที่จะสังหารซูเฉิน ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมหินต้นกำเนิดพลังงานตามที่กล่าวอ้างมาด้วย
“งั้นไม่เป็นไร แล้วตอนนี้แกมีหินต้นกำเนิดพลังงานอยู่กี่ก้อน? ส่งมาให้ฉันก่อนค่อยว่ากันอีกที” ซูเฉินเริ่มขึ้นเสียง
เผ่าครึ่งออร์คที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีไหวพริบมากกว่าที่เขาคิด ซูเฉินยังไม่เชื่อใจมันร้อยเปอร์เซ็น
“บนตัวข้ามีอยู่แค่ 100 ก้อน จะมอบให้เจ้าเดี๋ยวนี้” เผ่าครึ่งออร์คตอบและโยนถุงผ้าออกไป
เพื่อซื้อใจซูเฉิน มันไม่ได้เล่นแง่ ในถุงผ้ามีหินต้นกำเนิดพลังงานอยู่ 100 ก้อนจริงๆ
ถุงผ้าลอยออกจากทางผ่านเขตแดน ไปตกอยู่ในมือของซูเฉิน
ซูเฉินปลดปล่อยพลังจิตเข้าตรวจสอบ เมื่อยืนยันว่าถูกต้อง เขาก็ใส่มันลงในถุงเก็บของ
จากนั้น มุมปากขอเขาก็ยกสูงขึ้น บังเกิดสายฟ้าแปล่บปลาบในฝ่ามือ ก่อตัวเป็นบอลสายฟ้า
“เจ้าหนู นี่เจ้าไม่รักษาสัญญา!” ครึ่งออร์คคำรามด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นว่าซูเฉินรับเอาหินต้นกำเนิดพลังงานไปแล้ว แต่ยังรวบรวมสายฟ้ายเตรียมระเบิดเวทย์พายุสายฟ้าต่อไป
มันก็ตระหนักได้ทันที ว่าถูกซูเฉินหลอกเข้าให้แล้ว
“เห~ ฉันเนี่ยนะไม่รักษาสัญญา?” ซูเฉินยิ้มเยาะ “เป็นแกต่างหากที่ตอนแรกบอกว่าจะเตรียมหินต้นกำเนิดพลังงานให้ แต่สุดท้ายดันส่งลูกน้องมาฆ่าฉัน ตอนนี้กลับมาบอกว่าฉันไม่รักษาสัญญา? หนังหน้าของพวกครึ่งออร์คจะหนาเกินไปหน่อยมั้ง?”
เผ่าครึ่งออร์คกัดฟัน กล่าวเสียงต่ำ “เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นความผิดข้าเอง แต่ครั้งนี้ ข้าสัญญาณว่าจะเตรียมหินต้นกำเนิดพลังงานให้เจ้า”
การสร้างทางผ่านเขตแดนต้องใช้ความพยายามนับไม่ถ้วนและวัสดุจำนวนมาก ไม่ว่าตอนนี้ความเสถียรจะลดลงมากแค่ไหน แต่ก็ต้องรักษามันเอาไว้ให้ได้
ในเวลาเดียวกัน ในใจของเผ่าครึ่งออร์คเต็มไปด้วยความเสียใจ
ถ้ามันรู้ว่าซูเฉินทรงพลังขนาดนี้ มันจะไม่ส่งใครไปจัดการซูเฉินแน่นอน
ปัจจุบัน มิใช่แค่ไก่ที่บินหนีไป แต่ไข่ก็ยังถูกตีแตก สุดท้ายตนต้องมาตกอยู่ในสถานะให้ซูเฉินจูงจมูก
ความรู้สึกนี้ .. ไม่ต่างจากการยกก้อนหินขึ้นแล้วทุ่มใส่เท้าตัวเอง
ในความเป็นจริงแล้ว มันคงไม่รู้หรอก ว่าต่อให้มอบหินพลังงานให้ ซูเฉินก็ยังจะทำลายทางผ่านเขตแดนอยู่ดี
ในใจของซูเฉิน การร่วมมือกับสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ เท่ากับเป็นการเปลือยกายเดินเข้าหาเสือ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเพียงต้องการรีดไถหินพลังงานก็เท่านั้น
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวติดตลกว่า “งั้นจงคุกเข่าลง ถ้าทำได้ฉันจะลองเก็บมาคิดดูอีกที”
เขาสังเกตได้ ว่าเผ่าครึ่งออร์คดูเหมือนจะกลัวทางผ่านเขตแดนถูกทำลายเอามากๆ
ในเมื่อจับจุดอ่อนได้แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องฉวยโอกาสนี้บีบเค้นมัน
“ว่ากระไร?”
เผ่าครึ่งออร์คแทบลมจับด้วยความโกรธ
ตัวมันเป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 อันทรงเกียรติ ในทวีปครึ่งออร์คมันเป็นที่รู้จักในหมู่จ้าวปกครองฝ่ายหนึ่ง
ตลอดมามีแต่คนอื่นคุกเข่าให้ ยามนี้มันจักต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ต้องคุกเข่าให้ยังเป็นเผ่ามนุษย์ มันยิ่งรู้สึกไม่เต็มใจเข้าไปใหญ่
“มนุษย์ อย่าได้บีบคั้นกันเกินไปนัก”
เผ่าครึ่งออร์ครู้สึกอัปยศอดสู แต่ก็ยังคงข่มความโกรธเอาไว้
“ดูเหมือนแกจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีสินะ”
ซูเฉินเบ้ปาก ควบรวมสายฟ้า จนสาดแสงเปรี๊ยะๆ และทำท่าว่าจะโยนออกไป
10/10
Ep.240
“หยุดมือ!” เผ่าครึ่งออร์คตะโกน
ก่อนหน้านี้ทางผ่านเขตแดนเคยโดนพายุสายฟ้าไปสองครั้งติดต่อกันแล้ว แทบล้มครืนอยู่รอมร่อ
หากโดนโจมตีอีกแค่ครั้งเดียว มันจะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน
“ทำไม? หรือว่าแกเปลี่ยนใจยอมตกลงแล้ว?” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ
“ใช่ ข้าตกลง!”
เพื่อที่จะรักษาทางผ่านเขตแดนเอาไว้ เผ่าครึ่งออร์คยินดีที่จะหลีกทางให้ซูเฉิน เกิดเสียง ‘ปึก’ สองเข่ากระแทกลงกับพื้น
ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตเกือบสิบเมตร การคุกเข่านี้จึงเปรียบเสมือนเนินเขาถล่มลงพื้น
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปรีบเรียกท่านปู่ ไม่งั้นฉันจะลงมือ”
ได้ยินแบบนั้น ร่างใหญ่ของเผ่าครึ่งออร์คก็สั่นสะท้าน
ให้เรียกท่านปู่?
แค่ตัวตนระดับจ้าวปกครองคุกเข่าให้เจ้า มันยังไม่พออีกหรือ?
แล้วให้เรียกมนุษย์อ่อนแอว่าท่านปู่เนี่ยนะ?
แบบนั้นมันน่าสมเพชยิ่งกว่าการถูกฆ่าเสียอีก
“มนุษย์ อย่าได้คืบจะเอาศอก!” เผ่าครึ่งออร์คขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไฟโทสะลุกโชนขึ้นในใจของมัน
ณ จุดนี้ มันลอบสาบาน ว่าตราบใดที่สามารถข้ามไปยังเกาะเฉียนหยู ต่อให้ต้องใช้ทุกวิถีทาง มันจักต้องล่ามนุษย์น่ารังเกียจคนนี้มาให้จงได้ แล้วจับมาทรมานให้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดทุกวี่วัน จนสำนึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้
“บิดาได้คืบจะเอาศอกแล้วอย่างไร? แกจะทำอะไรฉันได้?” ซูเฉินตวาด ข่มขู่อีกครั้ง “ฉันให้เวลาแกแค่สามลมหายใจ ถ้าไม่เรียกท่านปู่ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย!”
เมื่อสามารถกุมจุดอ่อนของอีกฝ่าย ซูเฉินไม่เพียงได้คืบจะเอาศอก แต่เขาจะไล่กินยาว จะเอาถึงหัว!
ต่อให้อีกฝ่ายมีอำนาจค้ำฟ้า แต่ถ้าฝ่าเขตแดนออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่วิ่งอยู่บนฝ่ามือของซูเฉิน
เมื่อเห็นว่าเผ่าครึ่งออร์คไม่พูดอะไรซักคำ ซูเฉินก็เริ่มนับถอยหลัง
“3”
“2”
“หยุด! ข้ายอมแล้ว!”
เผ่าครึ่งออร์คกัดมุมปากจนเลือดไหลเป็นสาย ดูเหมือนมันจะฝืนทนอย่างยิ่งยวด แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อโชคชะตา ก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยเบาๆว่า “ท่านปู่ ..”
“เมื่อกี้ใช่เสียงยุงบินรึเปล่า? สรุปแกพูดว่าอะไร ตะโกนให้มันดังๆหน่อย!” ซูเฉินตวาดดุ
“…” เผ่าครึ่งออร์คตัวแข็งทื่อ
นี่มันบ้าอะไรกัน!
บิดาคุกเข่าก็แล้ว
เอ่ยคำท่านปู่ก็แล้ว เหตุใดยังไม่สาแก่ใจเจ้าอีก?
นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? เหตุใดถึงกดดันผู้คนเสียยิ่งกว่าเผ่าครึ่งออร์คของพวกเรา!
“ดังกว่านี้ เอาแบบให้มันออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ อย่าให้ฉันรอนาน” ซูเฉินขู่เข็ญ
“ท่านปู่!”
ครึ่งออร์คกล้ำกลืนฝืนทน กำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนเนื้อหนัง
“ดังอีก ความอดทนของบิดามีจำกัด!” ซูเฉินตำหนิ
“ท่านปู่!!”
ในที่สุดเผ่าครึ่งออร์คก็ยอมประนีประนอม ตะโกนเสียงดังลั่น
เสียงนี้ดังมาก เป็นเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธและความไม่ยินยอม แม้จะทะลุมายังทางผ่านเขตแดน หูของซูเฉินก็ยังอื้ออึง
ซูเฉินใช้นิ้วก้อยแคะหู ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะมืดมนลง แค่นเสียงเบาๆ “ฮึ่ม! ฉันไม่รับคนไร้ประโยชน์เป็นหลานชาย ทำไมไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง ว่าแกคู่ควรหรือไม่!”
ได้ยินแบบนั้น ครึ่งออร์คก็แข็งเป็นหินทันที
มันทรุดตัวลง ทั้งยังเดือดดาล
สนทนากับคนพาลก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นคนบังคับข้าให้เรียกท่านปู่ ถึงเวลากลับบอกว่าข้าไม่คู่ควร
สารเลว! มีมนุษย์เช่นเจ้าอยู่ในโลกด้วยหรือ?
นี่มันการเล่นตลกแบบใดกัน?
เจ้าคิดว่าพวกเราเผ่าครึ่งออร์คเป็นตัวตลกหรืออย่างไร?
“เจ้าหนู ข้ายอมประนีประนอมในสิ่งที่ควรประนีประนอมแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่คิดขุดหลุมฝังศพตัวเอง”
สิ้นเสียง เผ่าครึ่งออร์คก็เงยหน้าขึ้น ในดวงตาของมันทอประกายเย็นเยียบ น้ำเสียงยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง
ซูเฉินสัมผัสได้ว่าไฟโทสะในใจมันใกล้ถึงจุดเดือดสุดแล้ว แต่เขายังมีหลายเรื่องที่จะถาม ดังนั้นไม่หยอกล้ออีกต่อไป
เขากระแอมเล็กน้อย กล่าวว่า “ในบรรดาเผ่าครึ่งออร์ค ระดับฝึกตนขั้นไหนที่แข็งแกร่งที่สุด?”
ซูเฉินได้ฉีกหน้าเผ่าครึ่งออร์คไปเรียบร้อย ฉะนั้นอย่างไรก็ย่อมเกิดการต่อสู้กันขึ้นในอนาคต
ก่อนหน้านั้น เขาเลยจำเป็นต้องตรวจสอบความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า
“มากกว่าเลเวล 10” คราวนี้เผ่าครึ่งออร์คไม่ลังเลเลย มันกล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
เหตุผลที่มันบอกความจริง ก็เพราะต้องการใช้เรื่องนี้ ขู่ให้ซูเฉินหวาดกลัว