ตอนที่ 254 มังกรวารี ระดับ 2 ดวงดาว
ตอนที่ 254 มังกรวารี ระดับ 2 ดวงดาว
ยานขนส่งอวกาศ 7675842 บินมาหยุดอยู่เหนือทวีปฟาบีออสในเวลาไม่นานก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะขนเนื้อของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มากกว่า 100 ตัวขึ้นไปในยาน
ขนาดของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนี้ใหญ่มาก บากตัวยาวนับร้อยเมตร เพียงพอเลี้ยงผู้คนบนยานได้นานหลายปี
ตัวยานอวกาศแบ่งออกเป็นหลายชั้น แต่กว่าครึ่งเป็นห้องทดลอง ที่ภายในเก็บตัวอย่างและจำลองระบบนิเวศไว้มากมาย ในส่วนตรงนั้นไนเรลไม่ได้เข้าไปยุ่งกับพวกมัน เพราะแม้ว่าจูเรียโฮโลแกรมจะควบคุมยานขนส่งอวกาศ 7675842 ได้แล้ว แต่มันยังเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์ยังไม่คุ้นเคย ซึ่งอาจจะมีหลายสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจจะเข้าใจ
เขาได้ให้เมสัน ชารอน จูเรีย คอยรับหน้าที่หาคนและศึกษาพวกมันระหว่างการเดินทาง
ส่วนมนุษย์ และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ นั้นไปอยู่ในส่วนที่พักอาศัยชั้นบน ๆ แทน ในแต่ละชั้นนั้นสูงกว่า 30 เมตร ซึ่งมันมากพอจะสร้างห้องหลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับทั้งสามเผ่าพันธุ์
เนื้อทั้งหมดเป็นเพียงระดับ 6 ขั้นสูงหรือไม่ก็พวกระดับ 7 ข้างต้นเท่านั้น มันไม่มีระดับ 7 ขั้นกลางหรือสูงกว่านี้แม้แต่ตัวเดียว ราวกับว่ามันถูกใครล่าไปจนหมด
ในระหว่างที่ไนเรลกำลังมองดูเนื้อสิ่งมีชีวิตขนขึ้นบนยาน ด้วยรถขนาดยักษ์ หรือไม่ก็มนุษย์ชั้นสูง ยักเถื่อน และเผ่าอสูรช่วยกันทำงานอยู่
เอวาก็เดินเข้ามาพูดกับเขา
“การที่เราเข้ามาอยู่รวมกันกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ควรที่จะมีกฎและการปกครองที่เป็นรูปแบบ อีกอย่างเรื่องที่พักอาศัย ควรจะแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน เพราะในช่วงที่ผ่านมามีการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยครั้ง นายควรจะไปพูดกับพวกเขา” เอวาบอก ขณะที่สายตามองแผ่นหลังของไนเรล
“เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว” ไนเรลกล่าวออกมาสั้น ๆ เท่านั้น อันที่จริงแล้วการรับรู้ของไนเรลนั้นกว้างมาก แม้แต่พื้นที่บนยานก็ไม่มีส่วนไหนที่ปิดกั้นการรับรู้ของเขาได้ แต่ไนเรลไม่อยากจจะไปเสียเวลากับเรื่องพวกนี้มากเกินไป อันที่จริงเขากำลังทำความเข้าใจสิ่งหนึ่งอยู่
การเพิ่มระดับดวงดาว จริงอยู่ที่ว่าเขาข้ามผ่านมาระดับดวงดาวแล้ว แต่พลังของเขากลับไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย
ที่เขายืนอยู่นี้ ทวีปนี้ โลกใบนี้ ดาวเคราะห์นี้ มันทำให้ไนเรลอึดอัด มันราวกับทุกอย่างดูสกปรก หายใจได้ลำบากมาก โดยเฉพาะพลังงานที่มีอยู่น้อยนิด
ถ้ามีคนระดับดวงดาวหรือใครที่อ่อนไหวต่อพลังงาน พวกเขาจะเห็นว่าพลังงานรอบ ๆ ตัวกำลังถูกไนเรลดูดซับอย่างต่อเนื่อง แสงที่ส่องลงมาก็ถือเป็นรูปแบบของพลังงานมันถูกไนเรลดูดซับเข้าไปอย่างหิวกระหาย
หลังจากเงียบไปสักพักไนเรลก็พูดขึ้นมา “ให้ใช้ระบบสภาขั้นมา แต่ละเผ่าจะส่งตัวแทนของตัวเองเข้ามาค่อยจัดการเรื่องในยาน เธอคือตัวแทนของฉัน” ไนเรลหันไปมองเอวา
เขายืนมือออกไปสัมผัสที่ใบหน้าของเอวา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่สงบนิ่งไร้อารมณ์ของไนเรล
“ข้ากำลังไร้ตัวตนไปเรื่อย ๆ ขอบใจนะ”
ไนเรลลูปไปที่แก้มของเอวาก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เอวาคิดจะยืนมือมาคว้าไนเรลไว้ แต่ก็ไม่ทัน
“นายหมายความว่ายังไง” เอวาพึมพำออก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเหมือนจะรับรู้ถึงความรู้สึกไนเรล
เขากำลังจะหายไป...
“คุณเอวา ทุกอย่างพร้อมแล้วเราสามารถออกเดินทางได้ทันที” เสียงของจูเรียโฮโลแกรมดังขึ้น
“ไนเรลออกไปข้างนอก”
“เขาบอกจะกลับมาก่อยานเข้าไปที่กำแพงอวกาศ”
เอวาได้ยินก็พลักหน้าก่อนที่จะกลับเข้าไปที่ในยานอวกาศ
ยานอวกาศลอยลขึ้นสูงก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทิ้งโลกที่ตายซากไว้เบื้องหลัง หลายคนต่างมองดูดาวเคราะห์ที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นครั้งสุดท้าย แต่จะมีใครเห็นได้ชัดเจนเท่ากับนิเรีย
ในสายตาของนิเรียกะพริบแสงสีทองเป็นครั้งคราว สัมผัสไปที่กระจกของยานด้วยมือข้างขวา นิ้วมือเธอลากผ่านกระจกทับกับเส้นขอบขอบฟ้าของดาวเคราะห์ A000 อย่างช้า ๆ
สักวันหนึ่ง ถ้าต้องออกจากดาวเคราะห์ A111 เวลานั้นความรู้สึกก็คงจะเหมือนพวกเขา
ปู่เรากลับไปบ้านกันเถอะ...
.........
ในเวลาเดียวกัน นอกอวกาศมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันคือไนเรล เขาเหาะไปตามทิศทางของพลังงานที่สัมผัสถึง ในอวกาศเขาเป็นเหมือนกับนกที่ออกจากกรงขังบินไปอย่างอิสระ ความเร็วของไนเรลนั้นอาจจะต้องบอกว่าไม่น้อยกว่ายานขนส่งอวกาศเลยแม้แต่น้อย
ผิวหนังของไนเรลกำลังอาบแสงจากดวงอาทิตย์อย่างรุนแรง มันมีรังสีที่มากกว่าบนดาวเคราะห์ A000 หลายพันเท่า แต่กลับไม่ได้ทำอันตรายไนเรลมากนัก
แสงสีเขียวที่ห่อหุ้มไนเรล ส่วนหนึ่งกรองพลังงานที่มาจากแสงที่เป็นประโยชน์เติมเต็มพลังงานให้กับเขา อีกส่วนสะท้อนพวกมันออกไป ไนเรลจึงรู้สึกอุ่น ๆ เท่านั้น
พลังงานที่ดูดซับมันน้อยไป ถ้าต้องการผ่าระดับ 3 ดาวคงต้องตากแดดแบบนี้สักร้อยปี
ไนเรลคิดหาวิธี แต่เขาไม่อาจจะได้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้ ระดับดวงดาวมีกี่ระดับเขาก็ไม่แน่ใจ ขั้นแรกคือระดับ สีทั้งเจ็ด สีขาว สีเทา สีน้ำตาล สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีทอง ขั้นที่สองคือระดับดวงดาว เขาพึ่งมาถึงขั้น 3 เท่านั้น การจะข้ามผ่านมันต้องใช้พลังงานมากกว่านั้น
และการที่ไนเรลออกมาในอวกาศนั้นก็เพื่อจะทดสอบดูว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหนในสภาพแบบนี้ และผลออกมาว่า เขาสามารถอยู่ได้ตราบใดที่มีพลังงานเพียงพอ ที่สำคัญไนเรลสามารถดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์ได้ แต่ก็ต้องระวังไม่เข้าจนเกินไปไม่อย่างนั้น เขาอาจจะโดนเผาเป็นจุณได้
ถึงแบบนั้นยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งมีพลังงานให้ดูดซับได้มหาศาล
ไนเรลนึกไปถึงมือขนาดใหญ่ยักษ์ของสิ่งมีชีวิตที่โจมตีต้นไม้โลกในความทรงจำที่เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการเคยให้เขาดู พลังของมันกับดวงอาทิตย์อะไรจะรุนแรงมากกว่ากัน
แน่นอนว่าไนเรลมีคำตอบในใจอยู่แล้ว มันคือมือยักษ์!
ในขณะที่เขากำลังดูดซับพลังงานที่กรองผ่านชั้นพลังงานอยู่นั้น ไนเรลก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ดวงตาสีเขียวทองของเขามองผ่านฝุ่นผงอวกาศจำนวนมาก มาถึงด้านหลังดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง
เขาเห็นกลุ่มก้อนพลังงานลอยไปอย่างไร้รูปแบบอยู่ตรงนั้น ไม่รอช้าไนเรลตรงไปหามันในทันที
“พลังงานระดับสูง”
พลังงานระดับสูงที่อยู่ตรงหน้าของไนเรลนั้น มีลักษณะเป็นหมอกควันสีฟ้าจาง ๆ ใหญ่ประมาณ 1000 เมตร เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า บิดเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ สัมผัสที่รับรู้ได้ คือความเยือกเย็นยิ่งกว่าอวกาศรอบตัวของเขา ไนเรลไม่กล้าจับมันตรง ๆ ขณะที่เขาเข้าไปใกล้มันพลังงานพวกนี้ก็ถอยห่างราวกับมันรบรู้ถึงการมาถึงของไนเรล
หรืออาจจะเป็นเพราะรูปแบบพลังงานที่ต่างกัน ทำให้พวกมันไม่อาจจะหลอมรวมกันได้ น่าสนใจดีนิ ถึงจะไม่ใช่รูปแบบที่ฉันต้องการ แต่ถ้าใช้ศึกษาก็น่าจะได้อยู่
ไนเรลยืนมือไปคิดจะสร้างสิ่งที่เหมือนกับโลงศพคริสตัลผนึกมันไว้
แต่ในตอนนั้นเองก่อนมีบางสิ่งเคลื่อนที่เข้ามาหาไนเรลราวกับดาวหาง มันคือเจ้ามังกรวารี ไนเรลทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับมัน
ที่ว่าคุณเคยเพราะเขาเคยเจอมันอีกโลกที่ดาวเคราะห์ A111 แต่ที่เขาไม่คุณเคยนั้นก็คือเจ้าตัวนี้มันถือกำเนิดที่ดาวเคราะห์ A000 หรือจะพูดง่าย ๆ มันคืออีกตัวตนของมังกรวารีในโลกนั้น
ไนเรลมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยกมือขึ้นมาสร้างโล่พลังงานสีเขียว มังกรวารีชนเข้าไปอย่างรุนแรงดัง ตูม!
ใบหน้าของมันแสดงออกถึงความเจ็บปวด ตัวของไนเรลไม่ได้ขยับไปไหน มังกรวารีถอยออกมาจ้องมองไนเรลอยู่ห่างไปร้อยกิโลเมตร
ไนเรลพึ่งสังเกตขนาดตัวของมังกรวารีอย่างชัดเจน
มันมีพลังอยู่ในระดับ 2 ดวงดาว
มังกรวารีมีขนาดตัวใหญ่กว่า 550 กิโลเมตร ขนาดของมันราวกับดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง ที่กำลังมองดูไนเรลที่มีขนาดเท่ามนุษย์ปกติ มันถือเป็นสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวตัวแรกที่เขาเจอในอวกาศแห่งนี้ ตอนนี้ไนเรลได้รู้แล้วว่าใครที่ล่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงบนดาวเคราะห์ A000 จนหมด
เป็นมันนั้นเอง!
มังกรวารีมองมาที่ไนเรล มันสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าทำไมถึงสามารถต้านทานการชนของมันได้
“เจ้าคือมนุษย์” เสียงของมังกรวารีพุ่งตรงเข้ามาหาไนเรล มันไม่ใช่การพูดปกติ แต่เป็นการส่งผ่านความหมายของสิ่งที่ต้องการบอกเข้ามาโดยตรง หรือพูดง่าย ๆ มังกรวารีบังคับให้ไนเรลรับรู้ความคิดของมัน
ไนเรลขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตตัวนี้กำลังหาเรื่องใส่ตัว ส่วนคำถามของมันนั้น มันไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขาอยู่แล้ว
“ถอยออกไป หลังข้ากลืนกินหลังงานข้างหน้าแล้ว ข้าจะกินเจ้า จากนั้นก็กลับไปกินเจ้าปีศาจซอมบี้นั่น” เสียงของมังกรวารีดังกังวานพูดข่มขู่ไนเรล
ไนเรลจับใจความที่มันว่าได้ เจ้าปีศาจซอมบี้นั้นมันคงหมายถึงจักรพรรดิซอมบี้ ดูเหมือนมันเคยสู้กับจักรพรริดซอมบี้มาก่อน และไม่มีใครแพ้หรือชนะ ถ้าอย่างนั้นมันอาจจะออกมาด้านนอกเพื่อยกระดับไปอีกขั้น ตอนนี้มันเป็นสองดาวและตอนนี้มันกำลังจะกลับไปที่ดาวเคราะห์ A000 แต่มันเจอพลังงานระดับสูงข้างหน้าเขาก่อน จึงดึงดูดมาที่นี่และเจอกับเขา
นี่เป็นข้อสันนิษฐานที่ไนเรลได้จากการสรุปอย่างง่าย ๆ
มังกรวารีไม่รอให้ไนเรลตอบรับมันพุ่งตรงเข้ามาหาเขาอีกครั้ง แต่ไนเรลไม่คิดจะให้มันกินพลังงานด้านหน้า เขากำหมัดแน่นต่อยเข้าไปที่มังกรวารี จนเกิดแรงอัดกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของมังกรวารี
ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นจากการปะทะนอกจากคลื่นที่กระจายออกมาระหว่างหมัดกับหน้าของมังกรวารี ร่างของมันหมุนติ้ว ๆ ตามแรงที่ส่งมาจากหมัด ก่อนจะไปกระแทกเข้ากับดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้
ดาวเคราะห์น้อสั่นสะเทือนจนแทบจะหลุดออกจากวงโครจร
มังกรวารีสะบัดหัวไปมาด้วยความมึนงง กรงเล็บมันเจาะเข้าไปที่น้อยเคราะห์น้อยเพื่อทรงตัวขึ้น กายตาของมังกรวารีมองด้วยความเกรี้ยวโกรธ ปีกด้านหลังกระพือขึ้น มันไม่ได้พุ่งเข้าหาไนเรล แต่กำลังชาร์จพลังงาน ปากของมันอ้าออกกว้าง
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยคลื่นพลังงานที่เย็นยะเยือกยิงตรงเข้าหาไนเรล
มันไม่เหมือนกับคลื่นพลังงานปกติ แต่เป็นพลังงานเยือกแข็ง อวกาศที่ถูกแช่แข็งได้พุ่งตรงเข้าหาไนเรล
ไนเรลยกมือขึ้น ก่อนที่จะ...